ตอนที่ 7 แผนสังหาร/2

3019 คำ
โครม!!! จู่ๆ ประตูห้องพักก็ถูกปลดล๊อกระบบนิรภัยพร้อมบานประตูถูกคนภายนอกถีบจนเปิดออกกว้างทันที “อะไรกันอีกวะเนี่ย!”หญิงสาวเอ่ยออกมาทันที ครั้นเห็นประตูห้องถูกแขกไม่ได้รับเชิญเป็นชายฉกรรจ์จำนวนสามคนก้าวเข้ามาภายในห้องพร้อมอาวุธปืนที่ถืออยู่ในมือ ครั้นเธอเห็นเช่นนั้นปืนเก็บเสียงของนักฆ่าซึ่งเพิ่งถูกไป๋หลันฮวาสังหารที่อยู่ในมือของเธอ ทำหน้าที่ของมันทันทีเมื่อปากกระบอกปืนทั้งหมดยกขึ้นเล็งมาที่ร่างของหญิงสาวอย่างพร้อมเพรียงกัน “โอโห่!นี่กะเอาฉันให้ตายคืนนี้ให้ได้ละสิ เรื่องอะไรจะอยู่ถูกฆ่าให้โง่!”หญิงสาวกล่าวพร้อมยกปืนเก็บเสียงหันไปที่บานกระจกของตัวตึกเพื่อหาทางเอาตัวรอดทันใด ปรุ! ปรุ! ปรุ! ปรุ! ไป๋หลันฮวาลั่นไกจนหมดแม๊กกาซีน ก่อนจะวิ่งตรงเข้ากระแทกกับบานกระจกที่ถูกยิงจนพรุน เพล้ง!!! บานกระจกแตกละเอียดเมื่อร่างของหญิงสาววิ่งกระแทกเข้าอย่างแรง พุ่งหลาวตกลงจากตัวตึกจากชั้นที่ 29 ลงสู่เบื้องล่างอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของนักฆ่าที่ไป๋เริ่นเจินส่งมาสังหารน้องสาวนอกไส้ “บัดซบเอ๊ย!! กระโดดตึกหนีไปจนได้!!!”เสียงของนักฆ่าหนึ่งในนั้นสบถออกมาพร้อมเสียงของเพื่อนที่ทำงานร่วมกันเอ่ยแทรกทะลุกลางปล้อง “โทรบอกคนของเราที่อยู่ใกล้บริเวณสระน้ำให้รีบไปแถวนั้นให้เร็วที่สุด!ไป๋หลันฮวากระโดดหนีออกจากตึกได้ก็จริงแต่กลั้นหายใจอยู่ในน้ำได้ไม่นานหรอก ต่อให้อึดแค่ไหนก็ต้องโผล่ขึ้นมาหายใจอยู่ดี รีบไปเร็วเข้า! ชักช้าจะไม่ทันการเดี๋ยวก็จัดการตามคำสั่งหัวหน้าไม่สำเร็จ”เสียงออกคำสั่งที่คล้ายเป็นหัวหน้าทีมเอ่ยออกมา สายตาทุกคู่ต่างเห็นร่างระหงของไป๋หลันฮวาพุ่งหลาวลงสู่เบื้องล่างซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ของโรงแรมอยู่ตรงกับห้องพักของเธอเข้าให้พอดี ตูม!!!! ร่างงามตกกระทบกับสายน้ำจมดิ่งลงสู่ก้นสระอย่างรวดเร็วตามแรงส่งจากชั้นที่ 29 หญิงสาวซึ่งมีเพียงชุดคลุมของโรงแรมและผ้าขนหนูพันกายผืนเดียวกำลังจมลงใต้น้ำลึกลงไป ในขณะที่สายตาของหญิงสาวเริ่มมองใต้ผิวน้ำค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ก้นสระที่เห็นเป็นพื้นกระเบื้องกลับแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นผืนทรายใต้น้ำ แสงไฟจากตึกสูงระฟ้ามากมายที่ตกกระทบให้เห็นหลากหลายสีสันอยู่บนผิวน้ำเมื่อครู่ที่ผ่านมาพลันเลือนหายไป มีเพียงแสงจากดวงจันทราที่กำลังส่องสว่างในค่ำคืนเดือนหงายเข้ามาแทนที่ หากแต่ในเวลานั้นไป๋หลันฮวาหาได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงรอบตัวที่ผิดปกติแปลกไปจากเดิมแม้แต่น้อย เธอยังคงแหวกว่ายอยู่ใต้สายน้ำสลับกับแหงนหน้ามองไปเบื้องบนพร้อมหาช่องทางระบายน้ำเพื่อเล็ดรอดออกจากสระสู่ภายนอกโดยไม่ต้องกลับขึ้นไปด้านบนแต่อย่างใดเพราะแน่นอนว่า ลูกน้องของไป๋เริ่นเจินที่ส่งมาฆ่าเธอจะต้องดักรออยู่ข้างบนอย่างแน่นอน “อะไรวะเนี่ย! สระน้ำก็สร้างโคตรจะทันสมัยแต่ทำไมไม่เห็นทางระบายน้ำระบบใหม่ที่จะต้องสร้างอยู่ใต้น้ำตาม กฎข้อบังคับ อย่าบอกนะว่าสร้างผิดแบบแปลน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ โรงแรมนี้อนุมัติให้เปิดทำการได้อย่างไง”หญิงสาวบ่นพึมพำอยู่ภายในใจพร้อมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณใต้น้ำ “ไม่ได้การแล้วต้องรีบขึ้นข้างบนแล้วเรา กลั้นหายใจเอาไว้ไม่ไหวแล้ว”ไป๋หลันฮวากล่าวพร้อมรีบแหวกว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบนอย่างรวดเร็วเพื่อสูดอากาศหายใจอย่างเร่งด่วน เฮือกกก!!! ศีรษะทุยสวยโผล่พ้นผิวน้ำแบบพรวดพราดพร้อมรีบสูดอากาศหายใจเข้าไปจนเต็มปอด เฮ้อ..!เฮ้อ...!เฮ้อ! เสียงหายใจหอบโยนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอกลั้นหายใจอยู่นานกว่า 5 นาทีเลยทีเดียว “ดีนะที่ฉันดำน้ำเก่งก็เลยกลั้นหายใจเอาไว้ได้นาน ว่าแต่ทำไมพระจันทร์ดวงใหญ่จังเลยเต็มดวงซะด้วย เมื่อกี้โดดลงมาจากตัวตึกไม่เห็นมีพระจันทร์ขึ้นเลย มีแต่แสงไฟเต็มไปหมด”เธอกล่าวพร้อมหันกลับไปมองรอบบริเวณทันทีก่อนจะหยุดชะงักขึ้นมาทันใด เมื่อดวงตากลมโตสบประสานเข้าอย่างจังกับดวงตาสีนิลคู่สวยซึ่งกำลังเบิกกว้างมองเธอด้วยความแปลกใจระคนสงสัยอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้เช่นกัน เฮ้ยยยย!!! ไป๋หลันฮวาอุทานออกมาทันใดครั้นรู้สึกตัว ในขณะที่อีกฝ่ายก็รู้สึกตัวขึ้นมาโดยพลันเพราะเสียงอุทานดังลั่นของเธอ “เจ้าเป็นผู้ใด!บังอาจมาร่วมสระสรงน้ำพระจันทร์เสี้ยวของข้า!”เสียงบุรุษปริศนาตวาดก้องถามกลับไปทันทีครั้นได้สติกลับคืนมา และเสียงตวาดดังกล่าวทำให้แม่มาเฟียคนงามฉุนกึกขึ้นมาโดยพลัน ที่ถูกตวาดกลับมาเช่นนั้น “นี่คุณพูดอะไร! สระใครไม่ทราบ นี่มันสระว่ายน้ำของโรงแรมนะเว้ย..ตะ..แต่..ทะ..ทำไม...ทำไม”เธอพูดได้เพียงแค่นั้นพลันต้องเงียบงัน เมื่อดวงตาคู่สวยกวาดสายตาไปทั่วบริเวณแล้วพบว่า สระน้ำใสสะอาดที่กำลังลอยคออยู่ในขณะนี้คล้ายทะเลสาบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและที่สำคัญมองไปแห่งหนใดทั่วบริเวณมีแต่ผืนทรายสุดลูกหูลูกตา ท่ามกลางแสงจันทราในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง “นี่มันที่ไหนกันเนี่ย!!! เฮ้ย!โรงแรมไปไหน ฉันกระโดดตึกลงมาที่สระว่ายน้ำไม่ใช่เหรอแล้วทำไมมาโผล่ในทะเลสาบแบบนี้ได้อย่างไง! บ้าไปแล้ว”ไป๋หลันฮวาสบถออกมาทันทีด้วยความรู้สึกสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ทันใดนั้นเอง “ท่านแม่ทัพ!ท่านแม่ทัพขอรับ!!!”เสียงเรียกดังเอ็ดอึงอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบเท่าใดนัก หญิงสาวหันกลับไปยังทิศทางที่เสียงเรียกขานดังกล่าวนั้นทันที “ท่านแม่ทัพ!ใครกันวะท่านแม่ทัพ...เรียกหาใครกันหรือว่าจะเรียกเรา”หญิงสาวพูดเองเออเอง “เรียกข้าต่างหากเล่า!”เสียงบุรุษที่อยู่ตรงหน้าเธอห่างกันประมาณหนึ่งช่วงแขนของหญิงสาวดังแทรกขึ้นมา และนั่นทำให้ไป๋หลันฮวาหันกลับมาสังเกตผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง ก่อนจะเพ่งมองเขม็งพร้อมยกมือเรียวสวยเอื้อมจนสุดแขนขึ้นจับปลายคางสากพลิกไปพลิกมาชนิดที่ว่าไม่เกรงใจบุรุษรูปงามตรงหน้าเธอแม้แต่น้อย “นายนะเหรอท่านแม่ทัพที่คนพวกนั้นกำลังตะโกนโหวกเวกร้องเรียกอยู่ ขอบอกว่าฉันไม่ตลกด้วยเลยนะ! พวกนายมาจากที่ไหนกันแน่! แล้วไอ้ทะเลสาบบ้านี้มันอยู่ส่วนไหนของโรงแรม ฉันจำได้ว่าไม่ได้ดำน้ำไปจากจุดที่ตกลงมาไกลถึงขนาดที่จะมาโผล่คนละสุดขอบโลกแบบนี้หรอกนะ...ที่นี่ที่ไหนพูดมา!!!”หญิงสาวถามกลับไปเสียงเข้มพร้อมสะบัดมือออกจากใบหน้าคมคร้ามจนอีกฝ่ายหน้าหันไปอีกทางเลยทีเดียว ครั้นอีกฝ่ายถูกถามกลับมาเช่นนั้น คิ้วคมเข้มได้รูปสวยขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเช่นนั้น “นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้ และกำลังดำอยู่ใต้น้ำจากที่อื่นจนมาโผล่อยู่ต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรอกรึ!”เสียงทุ้มถามกลับไปด้วยความแปลกใจ “ก็แหงสิ!จะไปตรัสรู้ได้อย่างไงว่าที่นี่มันคือที่ไหน แล้วนี่ทำไมนายจะต้องพูดภาษาโบร่ำโบราณอะไรซะขนาดนั้นกับฉันด้วยว้า! เป็นพระเอกงิ้วหรือไงฟังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ถ้าเป็นพระเอกซีรีย์ยังพอทำเนา”หญิงสาวกล่าวพลางสังเกตบุรุษแปลกหน้าที่อยู่ตรงข้ามเธออย่างชัดๆ “โอโห่! แผงอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออัดแน่น มีไรขนขึ้นด้วยเว้ย แถมมีผิวสีบอร์นขึ้นเป็นมันเงาสวยเป็นบ้า แผงคอใหญ่ ปลายคางก็บุ๋มเล็กน้อย ใบหน้ามีสันกรามขึ้นด้วยแบบนี้บ้ากามด้วยหรือเปล่าเนี่ย โครงหน้ารับกับหน้าผากกว้าง จมูกโด่งชะมัด ตาสวยซะด้วยโคตรหล่อเลยวุ้ย”ไป๋หลันฮวาพูดออกมาเสียงดังชัดเจนต่อหน้าอีกฝ่าย ร่างงามแหวกว่ายสายน้ำเข้ามาจนเผชิญหน้าในระยะใกล้ชิดพร้อมยกมือจับปลายคางบุ๋มของอีกฝ่ายหันซ้ายหันขวาไปมา ใบหน้าสวยของคนงามค่อยๆ คลี่ยิ้มหวานออกมาด้วยความพึงพอใจ “หล่อไม่ใช่เล่นนะนาย เป็นพระเอกซีรีย์ได้สบายๆ เลย ว่าแต่มาทำงานในโรงแรมนี้ทำหน้าที่อะไรหรือว่าเป็นการ์ดคอยดูแลช่วยเหลือแขกของโรงแรมที่นี่ใช่ไหม”หญิงสาวถามกลับไปเป็นชุดๆ มือหนายกขึ้นปัดมือของสตรีแปลกหน้าที่กำลังจับปลายคางสากตนเองอยู่ในขณะนั้นให้พ้นออกไปทันใด “เจ้าช่างเป็นสตรีไร้สิ้นยางอายยิ่งนัก กล้าแตะต้องกายบุรุษมิหนำซ้ำยังกล่าวถ้อยเจรจาวิปลาสสิ้นดี ซ้ำร้ายยังกล้าเปลือยกายต่อหน้าข้าคิดจะล่อลวงให้ลุ่มหลงกระนั้นสิ แม่ทัพไร้พ่ายเช่นข้ามิได้หลงมัวเมารูปโฉมของสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้าแม้แต่น้อย”เสียงทุ้มกล่าวถ้อยเจรจาตอบกลับมา ทว่าแม้จะกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นกับอีกฝ่ายแต่กลับไม่ตะโกนร้องเรียกทหารอารักขาแต่อย่างใด มิหนำซ้ำน้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นหากฟังดีๆ จะรู้สึกว่าคนพูดกำลังมีอาการขัดเขินมากกว่ามีอารมรณ์โกรธเคือง ซึ่งตรงกันข้ามกับไป๋หลันฮวาที่ยืนใบ้กินฟังอีกฝ่ายรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่พอจะปะติดปะต่อได้ “เอ้า! ด่ากันเฉยเลย นี่นายกล่าวหาว่าฉันพูดจาวิปลาสอย่างนั้นเหรอ ไม่ได้เสียสตินะเว้ย! แล้วคนอย่างแม่ทัพไร้พ่ายจะมาหลงมัวเมาอะไร ใครมาเปลือยกายต่อหน้านายไม่ทราบยะ!”หญิงสาวลอยหน้าลอยตาถามกลับไป ในขณะที่อีกฝ่ายใช้สายตาจ้องมาที่ร่างงามของเธอก่อนจะพยักเพยิดให้หญิงสาวก้มลงมองตัวเองเสียบ้าง แต่จนแล้วจนรอดไป๋หลันฮวาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่บอกกลับมาเช่นนั้น “เจ้านั้นแหละที่กำลังเปลือยกายอยู่ต่อหน้าข้าในเวลานี้!อย่าบอกนะว่าแสร้งทำเป็นไม่รู้”แม่ทัพหนุ่มเป็นฝ่ายบอกให้เธอล่วงรู้ขึ้นมาเสียเอง และนั่นทำให้ร่างระหงชะงักงันขึ้นมาทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้นก่อนจะรีบก้มสำรวจกายงามของเธอทันที ห๊ะ!!! เสียงอุทานด้วยความตกใจหลุดออกมาจากปากโดยพลัน เมื่อไป๋หลันฮวาพบว่า ร่างกายของเธอบัดนี้ปราศจากผ้าขนหนูที่เคยพันรอบกายมีเพียงเสื้อคลุมสีขาวของโรงแรมซึ่งปิดบังเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ สาบเสื้อแยกออกกว้างจนหลุดลงจากไหล่ทั้งสองข้างเผยให้เห็นอกอวบสล้างในวัยสาวเต่งตึงจมอยู่ใต้น้ำเห็นเนินร่องอกและอกอวบ มือเรียวรีบดึงเสื้อคลุมพร้อมตะครุบสาบเสื้อที่แยกออกเข้าหากันด้วยความรวดเร็ว “ไอ้บ้าเอ๊ย!ไม่ต้องมองเลยนะ!หันกลับไปเดี๋ยวนี้!ขืนนายหันกลับมามองแม่จะยิงให้ไส้แตกเลย!!!” หญิงสาวตวาดอีกฝ่ายจนสุดเสียงเมื่อเธอเห็นสายตาคู่นั้นกำลังมองร่างงามของเธอชนิดที่ว่าแทบจะสิงร่างเข้ามาอยู่ก็ว่าได้ ในขณะเดียวกัน “ไอ้บ้าเอ๊ย!ไม่ต้องมองเลยนะ!หันกลับไปเดี๋ยวนี้!ขืนนายหันกลับมามองแม่จะยิงให้ไส้แตกเลย!!!!”เสียงเอ็ดอึงดังก้องไปทั่วบริเวณ “เสี่ยวหลัน!เสี่ยวหลัน!ตื่นได้แล้วเว้ย!”เสียงหวังเหล่ยพยายามปลุกลูกสาวเจ้านายให้ตื่นจากการหลับใหล เฮือก!!! ร่างงามระหงสะดุ้งจนสุดตัวขึ้นมาทันที หลุดพ้นจากภวังค์แห่งความฝันที่ช่างแลดูเหมือนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเสียนี่กระไร พรึ่บ! ดวงตากลมโตเปิดขึ้นมาโดยพลันและพบว่าสายตาหลายคู่ซึ่งเป็นผู้โดยสารร่วมไฟท์เดียวกันกับเธอ ต่างมองมาที่ไป๋หลันฮวาเป็นจุดเดียวกัน พร้อมเสียงของหวังเหล่ยกระซิบบอกอยู่ข้างๆ “ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่านอนละเมอด่ากราดใครก็ไม่รู้เสียงดังลั่นเครื่องบิน จะยิงใครไส้แตกกันห๊ะ!”หวังเหล่ยกระซิบบอกเพื่อนที่กำลังนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ในขณะนั้น “นี่ฉันฝันไปเหรอ!”เธอรำพึงออกมาเบาๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้นก่อนจะหันหน้ากลับไปมองเพื่อนสนิทร่วมแก๊งเดียวกัน สองนิ้วยกขึ้นหยิกแก้มตัวเองอย่างแรงเพื่อทดสอบว่าในขณะนี้เธอกำลังตื่นหรือฝันกันแน่ ก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อออกแรงหยิกแก้มของตัวเองเสียเต็มที่ “อู๊ยยย!เจ็บ!เจ็บ!”เธอส่งเสียงโอดครวญขึ้นมาทันทีท่ามกลางความแปลกใจของเพื่อนชายร่วมแก๊งเดียวกัน “เป็นอะไรของแกวะเสี่ยวหลัน ทำท่าพิลึก”หวังเหล่ยถามกลับไป ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดยอมจาแต่อย่างใด ด้วยเธอกำลังทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับความฝันเมื่อครู่ที่ผ่านมาช่างเหมือนเหตุการณ์จริงที่เพิ่งปรากฏเสียนี่กระไร “ฉันฝันอย่างนั้นเหรอ! ทำไมถึงได้เหมือนจริงนักราวกับว่ามันเกิดขึ้นและเพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อกี้ มิหนำซ้ำยังฝันเห็นผู้ชายนั่งแช่น้ำในสระแถมยังบอกว่าเป็นแม่ทัพไร้พ่ายในตำนาน นี่ฝันบ้าอะไรวะเนี่ย!!!”หญิงสาวนั่งพึมพำด้วยความความรู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งยวด ท่ามกลางสายตาของหวังเหล่ยที่นั่งอยู่ชิดใกล้ ชายหนุ่มได้ยินทุกถ้อยคำที่เพื่อนสาวร่วมแก๊งรำพึงรำพันอยู่ในขณะนั้นทุกประโยค “สงสัยจะอ่านนิยายจนอินจัดหรือไม่ก็อ่านหนังสือเล่มเก่าๆ ที่อยู่บนตักของเธอแล้วเก็บเอาไปฝันละสิท่าหลันฮวา อาการแบบนี้ไม่ต้องสงสัยอะไรให้มันมากความหรอก เขาเรียกไอ้อาการแบบนี้ว่าโรคมโนหรือพูดสั้นๆ นั่นก็คือคือโรคเพ้อเจ้อ”หวังเหล่ยกระซิบบอกเพื่อนสาวที่กำลังนั่งงงอยู่ในขณะนั้น ใบหน้าสวยคมเซ็กซี่หันกลับไปมองตาขวางเพื่อนร่วมแก๊งครั้นได้ยินเช่นนั้น “นายอยากตายก่อนอายุขัยไหมเพื่อนรัก!”หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเย็นยะเยียบ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่นั่งหัวเราะขบขันกับท่าทางของเพื่อนสาวร่วมแก๊งเดียวกัน “เออ..ไม่ต้องแช่งเดี๋ยวก็ตายแล้ว คนเราเกิดมาก็ต้องตายกลัวอะไรกันวะ ขึ้นอยู่กับว่าจะตายช้าหรือตายเร็ว เอาเถอะนะก็แค่แซวเล่นๆ พอขำขันเดี๋ยวพอถึงที่พักก็รีบเข้าพักผ่อนด้วยละ อย่ามัวแต่นั่งบ้าอ่านนิยายกับหนังสือเล่มเก่าคร่ำครึทำอย่างกับยายแก่ไปได้”หวังเหล่ยกล่าวพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อนสาวก่อนจะเอ่ยสำทับตามติดมา “อย่าลืมสิว่าเธอมันดาราดังนะจะทำอะไรให้มันระมัดระวังตัวหน่อย เอะอะแม่ยิงทิ้งเดี๋ยวก็พากันรู้หมดว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นหนึ่งในหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์ เข้าใจที่พูดหรือเปล่าหวังดีนะเว้ย”หวังเหล่ยกล่าวเตือนเพื่อนสนิท ใบหน้าสวยฉีกยิ้มกว้างประชดก่อนจะหุบลงโดยพลัน “ขอบใจที่เตือน! หลอกด่าซะยาวเลยนะแก”หญิงสาวตอบกลับไปอย่างรู้เท่าทัน และนั่นทำให้หวังเหล่ยหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอเมื่อเพื่อนสาวรู้เท่าทันตนจนได้ก่อนจะรีบเบี่ยงเบนความสนใจอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแสงไฟกระพริบเบื้องล่างของท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไฮ้ ผู่ตงซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเซี่ยงไฮ้นั้นเอง “ถึงเซี่ยงไฮ้แล้วแม่คุณ คนสวยอย่าทำหน้าหงิกนักสิจ๊ะ ฉีกยิ้มหวานหน่อยเผื่อเจอแฟนคลับทางนี้จะได้มีรูปสวยๆ ลงข่าวในเว่ยป๋อ ว่าไป๋หลันฮวาดาราดังเดินทางกลับจากญี่ปุ่นมาถึงจีนแล้วหลังจากบินไปเรียนต่อตั้งหลายปี แฟนคลับที่นี่ของเธอหนาแน่นมากเลยนะขอบอก”หวังเหล่ยกล่าวเตือนเพื่อนสาว “เออ..ไม่ต้องย้ำมาก! ฉันรู้เว้ยว่าจะต้องวางตัวอย่างไงเวลาอยู่ในที่สาธารณะชนและต่อหน้าแฟนคลับฉันแบบนั้น”หญิงสาวพูดพร้อมเชิดหน้างามขึ้นสูง วางมาดนางพญาของเธอที่ต้องแสดงออกอยู่เป็นประจำ มือเรียวยกหนังสือโบราณสภาพเก่าคร่ำครึที่วางอยู่บนหน้าตักในขณะนั้น ซึ่งบันทึกตำนานแม่ทัพไร้พ่ายอยู่ภายใน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยจับจ้องหนังสือเล่มหนาพลางครุ่นคิดเนื้อหาที่เธออ่านพบในหนังสือด้วยความสงสัยระคนแปลกใจมิรู้วาย “แปลกจังเลยทำไมฉันถึงอ่านอักษรโบราณตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินบนกระดองเต่าได้นะ เราก็ไม่ได้เกิดมาอัจฉริยะหรือมีความฉลาดถึงขนาดอ่านอะไรก็ออกได้นี่หว่าแต่ก็ไม่ได้โง่ แปลก แปลกจริงๆ เลย”หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ หญิงสาวสลัดความคิดทุกอย่างทิ้งไป รีบเก็บหนังสือที่อยู่ในมือลงในกระเป๋าเป้ตามเดิม เตรียมตัวลงจากเครื่องบินเพื่อเข้าที่พักในค่ำคืนนี้ก่อนจะเตรียมตัวเดินทางไปจัดการงานศพของบิดาในเช้าวันรุ่งขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม