รุ่งอรุณของเช้าวันใหม่
ร่างอรชรกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนที่นอนหนานุ่มบนเตียงกว้างขนาดคิงไซส์ เธอชื่นชอบยิ่งนักกับการนอนที่ปราศจากเสื้อผ้าสวมใส่ การนอนเปลือยกายทำให้ร่างกายของเธอผ่อนคลายจากการเดินทางมาตลอดทั้งวันได้เป็นอย่างดี โดยมิล่วงรู้เลยว่าบัดนี้มีบางอย่างผิดปกติปรากฏขึ้นอยู่บนร่างกายของเธอ
แม่มาเฟียสาวคนสวยนอนคว่ำหน้าโดยมีเพียงผ้าห่มปิดคลุมแผ่นหลังเอาไว้เพียงเท่านั้น ศีรษะทุยสวยพาดอยู่บนขอบเตียงจนเส้นผมสีดำสนิทยาวสยายของเธอตกลงจนระไปกับพื้นห้อง แผ่นหลังที่เคยขาวนวลเนียนไม่มีแม้กระทั่งผื่นผดและเม็ดสิว บัดนี้กลับปรากฏรอยสักมังกรจำนวนสามตัวอยู่บนแผ่นหลังขาวนวลเนียนของไป๋หลันฮวา
รอยสักมังกรสามตัวเลื้อยส่วนหัวขึ้นสถิตอยู่ที่หัวไหล่ซ้ายและขวาและตัวตรงกลางหัวของมังกรเลื้อยสถิตสิ้นสุดอยู่บริเวณท้ายทอย ลำคอขาวผ่องมีเชือกหนังวัวถูกถักอย่างสวยงามคล้องกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ของสามราชาในยุคอดีตกาลประดับอยู่บนคอของเธอตั้งแต่เมื่อไรแม้แต่เจ้าตัวก็มิอาจล่วงรู้ได้
ในขณะที่หนังสือเก่าแก่ที่เธออ่านเมื่อคืนจนผล็อยหลับไปเองกำลังค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ ทันทีที่พระอาทิตย์โผล่ขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน อันเป็นสัญญาณของรุ่งอรุณของวันใหม่ที่หญิงสาวจะต้องเดินทางไปจัดการงานศพของบิดาไป๋โหย่งอี้ ณ คฤหาสน์ตระกูลไป๋ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้นั้นเอง
ตู๊ด!ตู๊ด!ตู๊ด!ตู๊ด! เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางไว้อยู่บนโต๊ะข้างเตียงดังลั่น ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 6.00 นาฬิกา อันเป็นเวลาที่ไป๋หลันฮวาตั้งปลุกเพื่อให้เธอนั้นตื่นขึ้นมาเตรียมตัวไปทำพิธีศพของบิดา
ร่างเปลือยภายใต้ผ้าห่มบดบังซึ่งนอนนิ่งราวคนตายเมื่อครู่ที่ผ่านมา ค่อยๆ ขยับกายเคลื่อนไหวทีละน้อย เมื่อโสตประสาทของเธอได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มือเรียวขาวนวลเนียนค่อยๆ คืบคลานออกจากผ้าห่ม คลำหาโทรศัพท์มือถือของเธอก่อนจะคว้าจากโต๊ะข้างเตียงมาจ่ออยู่ตรงหน้า
“ให้ตายสิ! ปลุกอะไรแต่เช้านักหนา”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกก่อนจะฟุบลงนอนตามเดิมด้วยความง่วงงุน
ตู๊ด!ตู๊ด!ตู๊ด!ตู๊ด! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกคราหากแต่ครั้งนี้กลับเป็นสัญญาณเสียงเรียกเข้าจากเพื่อนรักร่วมแก๊งเดียวกันของเธอ
“โอ๊ย! ตื่นแล้ว!ตื่นแล้ว!”เสียงบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิดที่ถูกปลุกเอ่ยออกมาทันใด พร้อมกดรับปลายสาย
“ฮาล..โหล!!!”หญิงสาวกรอกเสียงที่เต็มไปด้วยความงัวเงียมิรู้วาย
“ตื่นได้แล้วหลันฮวา อย่าลืมสิว่าเช้านี้ต้องรีบไปจัดการงานศพพ่อของเธอ แล้วนี่เมื่อคืนมัวทำอะไรอยู่ ไม่ได้พักผ่อนทันทีที่มาถึงโรงแรมอย่างนั้นหรอกเหรอ”หวังเหล่ยบ่นมาตามสายพร้อมถามกลับไป
“ฉันไม่ลืมหรอกนะว่าจะต้องไปหาพ่อ! เพียงแต่นอนดึกเพราะมัวแต่อ่านตำนานโบราณ พงศาวดารจีนอะไรนั้นแหละเพลินไปหน่อย ไม่รู้เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรแต่ก็ดึกเอาการ”หญิงสาวตอบปลายสายกลับไป
“นี่แม่คุณเป็นงานเป็นการหน่อยสิ อีกหน่อยต้องสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าใหญ่สามพยัคฆ์ยังทำตัวไม่รู้จักโตแบบนี้ไม่ได้นะหลันฮวา”หวังเหล่ยบ่นไม่รู้วาย
“อัยยะ!ใครบอกว่าฉันจะเป็นหัวหน้าใหญ่แทนพ่อ ก็บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วไงว่าเสร็จเรื่องงานศพของพ่อแล้ว ก็จะประกาศต่อหน้าสมาชิกร่วมแก๊งว่าฉันขอสละสิทธิ์เว้ย!!!”หญิงสาวตอบปลายสายกลับไป
“ไม่ทันแล้วละหลันฮวา พ่อของแกทำพินัยกรรมระบุให้ขึ้นเป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งสามพยัคฆ์แทนแล้ว ฉันเพิ่งได้รับสายจากทนายความที่จัดการทรัพย์มรดกทั้งหมดของตระกูลไป๋เมื่อกี้นี้เอง”
“อะไรนะ!!!”หญิงสาวเอ่ยเสียงหลงออกมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น
“นี่พ่อทำพินัยกรรมระบุเจาะจงฉันลงไปให้สืบทอดตำแหน่งเลยอย่างนั้นหรอกเหรอ”ไป๋หลันฮวากรอกเสียงถามกลับไปเพื่อให้แน่ใจ
“ก็ใช่นะสิ! แล้วรู้อะไรไหมพ่อของแกกำชับทนายความประจำตระกูลให้เปิดพินัยกรรมทันทีที่เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อส่งมอบอำนาจและตำแหน่งหัวหน้าใหญ่แก๊งสามพยัคฆ์สืบทอดโดยยึดหลักสายเลือด นั้นก็เท่ากับว่าพ่อแกประกาศให้สมาชิกแก๊งล่วงรู้ว่า เริ่นเจินไม่ใช่ลูกแท้ๆ”หวังเหล่ยรายงานมาตามสายเป็นชุดๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจแทนเพื่อนอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในภาวะชะงักงันครั้นได้ยินเช่นนั้น เธอนั่งนิ่งอยู่บนฟูกนอนโดยไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยเจรจาแต่อย่างใดออกมาแม้แต่น้อย และไม่ได้ยินอีกฝ่ายที่กำลังพูดออกมาอย่างไม่ขาดสาย จวบจนกระทั่งเสียงเพื่อนร่วมแก๊งดังเอ็ดอึงมาตามสายปลายทาง
“หลันฮวา!หลันฮวา! ได้ยินหรือเปล่า! นี่แกได้ยินที่ฉันพูดไหม”หวังเหล่ยถามกลับมาแทบจะตะโกนเลยทีเดียว
และนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาทันใด
“เออ..ฉันได้ยินนายพูด! ไม่ต้องตะโกนดังเสียขนาดนั้นก็ได้หูไม่ได้ตึงนะเว้ย!”หญิงสาวตอบปลายสายกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้าจะได้รีบไปจัดการงานศพของพ่อแก ทนายความประจำตระกูลกำลังเดินทางไปพบพวกเราภายในงาน”หวังเหล่ยบอกกลับมา
“เริ่นเจินรู้หรือยังว่าพ่อทำพินัยกรรมระบุไว้ว่าให้ฉันสืบทอดตำแหน่งต่อไป”ไป๋หลันฮวาถามกลับไปด้วยความอยากรู้เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเบื้องหน้า
“จะไปเหลือเหรอรายนั้นรู้ก่อนคนแรกเลย เพราะแม่เลี้ยงแกอยากรู้ว่าจะได้ครอบครองสมบัติอะไรบ้างหลังจากที่พ่อแกตาย ป่านนี้สองแม่ลูกคู่นั้นคงคลั่งตายไปแล้วกระมัง”
และนั่นทำให้คิ้วเรียวสวยของหญิงสาวขมวดเข้าหากันทันใดครั้นได้ยินคำตอบกลับมาเช่นนั้น
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ”เธอถามกลับไปด้วยความอยากรู้ทันใด
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นนะเหรอ...ก็แค่สองแม่ลูกคู่นั้นพ่อแกไม่ยกอสังหาริมทรัพย์อะไรให้เลย ได้รับแค่เงินคนละหนึ่งล้านหยวนเท่านั้น”หวังเหล่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความสะใจ
และนั่นทำให้ไป๋หลันฮวาย้อนนึกถึงความฝันของเธอตอนนั่งอยู่บนเครื่องบินได้ขึ้นมาทันที
“โทษแกนั่นแหละจะไปโทษใคร! นายใหญ่ยกตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้แกสืบทอดพร้อมทรัพย์สมบัติทั้งหมด ในขณะที่เริ่นเจินของฉันและคุณนายรองได้เงินแค่คนละหนึ่งล้านเท่านั้น ตราบใดที่แกยังคงมีชีวิตอยู่เริ่นเจินของฉันก็ไม่ได้ครอบครองทุกอย่างของสกุลไป๋และไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่สามพยัคฆ์ก็เพราะแก!!!”
ถ้อยคำของนักฆ่าสาวที่เธอได้ยินในความฝัน ตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ทุกประการ
“เฮ้ย! เป็นไปได้เหรอเนี่ย”ไป๋หลันฮวาเอ่ยออกมาด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าความฝันดังกล่าวกลับกลายเป็นเรื่องจริง พร้อมเสียงของหวังเหล่ยส่งเสียงมาตามสายโทรศัพท์
“มันเป็นไปแล้วหลันฮวาและคือเรื่องจริงที่แกจะต้องยอมรับและปฏิเสธไม่ได้แม้แต่น้อย ว่าตอนนี้แกคือหัวใหญ่รุ่นต่อไปของแก๊งสามพยัคฆ์ สืบทอดตามสายเลือดอันชอบธรรมทุกอย่าง นายใหญ่ทำเอาไว้อย่างถูกต้องและมีกฎหมายรองรับด้วยนะเว้ย”
หญิงสาวนิ่งฟังไม่เอ่ยถ้อยเจรจาใดๆ ออกมาทั้งสิ้น ความรู้สึกของเธอในขณะนี้มีลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเธอว่าสิ่งที่เห็นในความฝันกำลังปรากฏขึ้นเป็นความจริง
“ฉันจะรีบจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย นายสั่งระดมกำลังคนของเราทั้งหมดดูแลความปลอดภัยของเราสองคนตลอดเส้นทางที่จะไปงานศพพ่อของฉัน แล้วก็ส่งคนมาอารักขาตรงหน้าประตูห้องพัก ห้ามมิให้ใครเข้าใกล้หน้าห้องอย่างเด็ดขาด เข้าใจนะเว้ย!”หญิงสาวสั่งสหายร่วมแก๊งเดียวกันไปตามสาย
และคำสั่งดังกล่าวทำให้หวังเหล่ยแปลกใจอยู่มิใช่น้อยเมื่อได้ยินแผนการกำชับออกมาเช่นนั้น
“ระดมกำลังมาอารักขามากมายเสียขนาดนั้น ทำราวกับว่าจะมีคนลอบฆ่าแกอย่างไงก็อย่างนั้นเลยนะ..เริ่นเจินมันไม่มีปัญญาทำอะไรแกได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ตำแหน่งผู้สืบทอดตกเป็นของไป๋หลันฮวาไม่ใช่ไป๋เริ่นเจินหรือแม้กระทั่งฉันนะเว้ย”หวังเหล่ยปลอบเพื่อนสาวมาตามสาย
“ทำตามที่ฉันบอกเถอะอาเหล่ย นายกับฉันยังไม่รู้หรอกว่าจะต้องพบกับอะไรบ้างนับต่อจากนี้ ยิ่งเริ่นเจินมันไม่ได้อะไรเลยจากพ่อ คนประเภทนั้นจะต้องทำทุกอย่างเพื่อครอบครองในสิ่งที่มันต้องการ ยิ่งพินัยกรรมของพ่อถูกเปิดออกหลังจากที่ตายครบ 24 ชั่วโมงแบบนั้น แน่นอนว่าชีวิตของฉันอยู่ได้ไม่นานแน่ๆ”หญิงสาวกรอกเสียงกลับไป
“อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวเจอกันเตรียมคนให้พร้อมด้วยนะ”เธอกำชับเพื่อนร่วมแก๊งไปตามสาย
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวหวังเหล่ยจัดให้นายใหญ่ขอรับ!”หวังเหล่ยส่งเสียงล้อเลียนไปตามสายอย่างอารมณ์ดี
ไป๋หลันฮวาตัดสายสนทนาพลางนั่งครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
“นี่เรามันกระต่ายตูมไปหรือเปล่าวะที่สั่งระดมคนมากมายเสียขนาดนั้น กะอีแค่ความฝันทำไมถึงมีความรู้สึกว่าฝันนั้นมันกำลังเป็นความจริงด้วยว้า..แต่จะว่าไปป้องกันเอาไว้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่หว่า ฉันไม่ใช่คนกระต่ายตื่นตูมเสียหน่อย”หญิงสาวบ่นพึมพำให้กับตัวเองก่อนจะสลัดผ้าห่มออกจากกาย
ร่างระหงปราศจากเสื้อผ้าห่อหุ้มเดินเปลือยกายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายทำความสะอาดของเธอให้เรียบร้อย หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกเพื่อแปรงฟันหากแต่ยังมิทันจะทำอะไรดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างขึ้นมาทันทีครั้นเห็นบางอย่างปรากฏอยู่บนลำคอขาวผ่องของเธอ
“เฮ้ย!!!”ไป๋หลันฮวาอุทานพร้อมยกมือขึ้นจับกระดองเต่าสีสันสวยงามซึ่งร้อยอยู่บนเชือกหนังวัวและคล้องคองามระหงเอาไว้อยู่ในขณะนี้
“นะ..นี่มันมาอยู่บนคอของฉันได้อย่างไง! เฮ้ย..เป็นไปไม่ได้!เป็นไป...ไม่”เธอกล่าวออกมาได้เพียงแค่นั้น สายตาเหลือบไปเห็นสีสันมากมายอยู่บนหัวไหล่ของเธอหากแต่ไม่ชัดเจน
“นี่หลังของฉันไปนอนทับอะไรมาอีกละเนี่ย”หญิงสาวพูดพร้อมหันหลังให้กับกระจกทันทีพร้อมดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด
“ละ...หลัง...หลังของฉัน..หลังฉันมีรอยสักมังกรขึ้นมาได้อย่างไง!”เธอพูดพร้อมเอื้อมมือสัมผัสรอยสักมังกรที่อยู่บนแผ่นหลังด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอเห็น
“ฝันของฉันเป็นจริงหรือนี่!เราฝันว่าแผ่นหลังมีรอยสักมังกรสามตัวและยังสวมสร้อยกระดองเต่านี้ด้วย ทำไมถึงได้เกิดเรื่องประหลาดแบบนี้กับฉัน บ้าไปแล้ว!ต้องไม่ใช่อย่างที่ฝันสิวะ!!!”ไป๋หลันฮวาตะโกนออกมา
มือเรียวรีบดึงสร้อยที่ห้อยกระดองเต่ากระชากออกจากลำคอของเธอทันใด ทว่าไม่ว่าจะพยายามออกแรงมากมายเพียงใดก็ไม่สามารถกระชากเชือกหนังวัวให้ขาดออกจากกันได้แม้แต่น้อย หญิงสาวรีบคว้าผ้าขนหนูนำมาพันไว้รอบกาย ก่อนจะรีบดึงลิ้นชักใต้อ่างล้างหน้าควานหาไฟแช็คหรือของมีคมที่สามารถทำลายเชือกคล้องคอนี้ได้
พรึ่บ!!! เปลวไฟลุกโชนจากไฟแช็คถูกจุดขึ้นมาทันทีก่อนจะนำไปจ่อกับเชือกหนังวัวเพื่อเผาทำลาย แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเปลวไฟมิสามารถเผาทำลายเชือกหนังวัวที่คล้องคอลงได้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย สภาพยังคงเดิมไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด
“อะไรกันเนี่ย!ขนาดเผาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”เธอพูดพร้อมวางไฟแช๊ค
ร่างระหงรีบเร่งเดินออกมาจากห้องน้ำตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีมีดและกรรไกรวางอยู่บนถาดผลไม้ พลางใช้ทั้งกรรไกรและมีดตัดเชือกหนังวัวที่ร้อยกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ให้ขาดออกจากกัน โดยมิล่วงรู้เลยว่าเชือกคล้องคอดังกล่าวมิสามารถทำลายได้แต่อย่างใด จะอยู่ติดกายผู้ที่ถูกเลือกตลอดเวลา แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงอยู่มิเลือนหายไปแต่อย่างใด
ด้วยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหนือธรรมชาติซึ่งแม้แต่วิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นลิขิตที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้ามาอย่างยาวนานกับไป๋หลันฮวาเมื่อเธอคือผู้ถูกเลือกให้ครอบครองสิ่งล้ำค่าของสามราชาในตำนาน
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก! เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นเป็นเหตุให้การทำลายสร้อยศักดิ์สิทธิ์หยุดชะงักโดยพลัน
“ใครมาเคาะประตู!”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ
ปลายเท้าเรียวสวยย่องเงียบตรงดิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตู พร้อมมองลอดตาแมวบุคคลภายนอกที่มาเยือนอยู่ตรงหน้าประตูอยู่ในขณะนี้ สองมือยกขึ้นกุมขมับของเธอเองโดยพลันเมื่อเห็นคนด้านนอก
“เมียเริ่นเจิน!!!”หญิงสาวเอ่ยออกมาทันใดเมื่อเห็นการปรากฏตัวของคนตรงหน้าประตูในคราบของพนักงานโรงแรมกำลังเธอถาดของว่างอยู่ในมือขณะนี้
สองขาก้าวถอยหลังออกจากประตูทันใดพลางส่ายหน้าไปมาติดต่อกันเมื่อทุกอย่างที่เธอฝันบนเครื่องบินเมื่อค่ำคืนวานเกิดขึ้นจริงและตรงทุกอย่าง แตกต่างกันเพียงแค่เวลาที่เกิดขึ้นในฝันเป็นตอนกลางคืนแต่ในความเป็นจริงในขณะนี้เป็นช่วงเวลาเช้าตรู่
“ถ้าหากฉันเปิดประตูเหตุการณ์ก็จะเกิดขึ้นเหมือนในฝันใช่ไหม! แล้วก็ต้องหนีตายกระโดดตึกจากชั้น 29 ออกทางกระจกลงไปในสระว่ายน้ำแล้วก็โผล่ไปเจอทะเลสาบกลางทะเลทราย พบแม่ทัพไร้พ่ายในตำนานใช่ปะ!เฮ้ยไป๋หลันฮวาเอ๊ยไป๋หลันฮวานี่เธอกำลังเจออะไรกันแน่!!!”หญิงสาวรำพึงรำพันด้วยความรู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก! เสียงเคาะประตูยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันอยู่ด้านนอก และนั่นทำให้แม่มาเฟียสาวสับรอยหยักในสมองของเธอครุ่นคิดหาวิธีการเอาตัวรอดออกมาทันใด
“อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะยืนเคาะประตูอยู่แบบนั้นได้อีกนานแค่ไหน เชิญทะเลาะกับประตูต่อไปเถอะเจ๊!”เธอพูดพร้อมวิ่งด้วยปลายเท้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวอย่างเร่งด่วน
ชั่วเวลาเพียงอึดใจว่าที่นายหญิงคนใหม่ของแก๊งสามพยัคฆ์ปรากฏกายอยู่ในชุดสีดำทะมึนแบบกางเกงแทนที่จะเป็นกระโปรง หญิงสาวสวมสูทเสื้อกั๊กด้านในพร้อมห้อยซองปืนพกสะพายไหล่ที่มีซองแม๊กกาซีนคู่บรรจุลูกกระสุนเอาไว้จนเต็มทั้งสองข้าง
ก่อนจะหยิบปืนพกขนาด 9 มม.คู่กายใส่ลงในซองปืนทั้งสองข้าง ทาบทับด้วยเสื้อสูทสีดำสนิทสำหรับเข้าไปในงานศพอย่างเป็นทางการ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดกงเต๊กเมื่อถึงภายในงานศพของเจ้าพ่อไป๋โหย่งอี้บิดาของเธอ
ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องอยู่ตรงหน้าประตูเมื่อเสียงเคาะประตูอย่างต่อเนื่องเมื่อครู่ที่ผ่านมากลับเงียบงันไปนานกว่า 15 นาที ไป๋หลันฮวายกโทรศัพท์มือถือพร้อมกดต่อสายถึงหวังเหล่ยหัวหน้าแก๊งจากฮ่องกงทันใด
ตู๊ด!ตู๊ด!ตู๊ด! เสียงสัญญาณว่างโดยไม่มีการรับจากสายปลายทางแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ห้องพักอยู่ตรงข้ามกันแท้ๆ แต่กลับไร้สิ้นการตอบสนองอย่างสิ้นเชิง
“อาเหล่ยทำไมนายไม่รับสาย”หญิงสาวรำพึงออกมาพลางครุ่นคิดตาม ก่อนจะหันกลับไปคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายไว้บนด้านหลังของเธอ
“เอ้า! หนังสือตำนานแม่ทัพไร้พ่ายหายไปไหน”หญิงสาวพึมพำด้วยความแปลกใจ พลางรื้อค้นที่นอนอย่างละเอียดหากแต่ไม่ปรากฏแม้แต่น้อย
“อะไรกันวะเนี่ย!มันจะหายไปได้อย่างไงเมื่อคืนยังอ่านอยู่เลย อย่าบอกนะว่าหนังสือเดินหายไปเองได้”เธอบ่นพึมพำก่อนจะหยุดชะงักครั้นคิดได้ว่า มันก็ไม่แน่นะหากจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ
“เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้หรอก หนังสือนะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจะได้เดินไปไหนต่อไหนได้เหมือนกับคน”เธอบ่นพึมพำ
ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าบ่งบอกว่ามีไม่ต่ำกว่า 5-6 คนเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเธอ พร้อมเสียงพูดคุยเบาๆ แต่ไม่สามารถจับใจความได้เนื่องจากหญิงสาวอยู่ห่างถึงในห้องนอน ไป๋หลันฮวาเลิกสนใจหนังสือปริศนาดังกล่าวทันใด ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปที่หน้าประตูพร้อมมองลอดตาแมวอีกครั้ง
ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำทะมึนมีจำนวนถึง 8 คน ยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องของเธอและหน้าห้องของหวังเหล่ยอย่างพร้อมเพรียงกัน และนั้นทำให้ใบหน้าสวยเซ็กซี่ของแม่มาเฟียสาวมีรอยยิ้มออกมาทันที
“คนของแก๊งทางฮ่องกงและไต้หวันมาถึงแล้ว ลูกน้องของอาเหล่ยมาเร็วทันใจเหมือนกัน”หญิงสาวกล่าวพร้อมเอื้อมมือหมายปลดล๊อกระบบนิรภัยเพื่อเปิดประตูห้อง
ทันใดนั้นเอง
หวอ!หวอ!หวอ!หวอ!!!! สัญญาณไฟไหม้ดังกระหึ่มไปทั่วตัวตึกของโรงแรมสุดหรู ติดตามมาด้วยความวุ่นวายบังเกิดขึ้นโดยพลัน
“ไฟไหม้อย่างนั้นเหรอ! เวรแล้ว!!!”ไป๋หลันฮวาปลดล๊อกระบบนิรภัยของห้องออกอย่างรวดเร็วพร้อมรีบเปิดประตูทันใดก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
“อาเหล่ยไฟ...”หญิงสาวเอ่ยได้เพียงเท่านั้น
ผ้าน้อยผืนบางเบาเปาะเข้าที่ใบหน้าสวยคมของเธอทันใด ก่อนจะหมดสติไปอย่างไม่รู้ตัวเพราะถูกวางยาสลบร่างระหงทรุดฮวบหากแต่ถูกรับเอาไว้พลางแบกหญิงสาวขึ้นไว้บนบ่า ท่ามกลางความสับสนของแขกที่เข้ามาเข้าพักในโรงแรมที่กำลังวิ่งหนีตายออกจากห้องพัก เมื่อกลุ่มควันพวยพุ่งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
“รีบเอามันสองคนออกจากที่นี่! หัวหน้าสั่งให้เก็บไม่ให้เหลือร่องรอยและไม่ให้เป็นข่าวเพราะแม่นี่เป็นดาราดังเสียด้วย รีบออกไปกันเถอะ”หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเอ่ยสั่งการ พลางเดินนำหน้าแบกร่างลูกสาวอดีตเจ้าพ่อแก๊งสามพยัคฆ์วางไว้บนบ่าของตน
ติดตามด้วยร่างสันทัดของหวังเหล่ยซึ่งถูกวางยาสลบก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน ถูกลูกน้องร่างยักษ์ที่มาด้วยกันแบกขึ้นบนบ่าเดินตามหลังไปยังประตูหนีไฟเพื่อขึ้นรถที่อยู่ในลานจอดของโรงแรมกันอย่างรีบเร่ง โดยที่ในขณะนั้นไม่มีใครสนใจแม้แต่น้อยด้วยเพราะแต่ละคนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจากสัญญาณเตือนภัยอย่างจ้าละหวั่น
เมื่อห้องพักของโรงแรมในชั้นเดียวกับที่ไป๋หลันฮวาและหวังเหล่ยเข้าพักอยู่ในขณะนั้น จู่ๆ ก็เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างไม่ทราบสาเหตุซึ่งเป็นฝีมือของไป๋เริ่นเจินต้องการกำจัดหัวหน้าแก๊งทางฮ่องกงและญี่ปุ่นให้สิ้นซาก
โดยเฉพาะไป๋หลันฮวา น้องสาวนอกไส้ของไป๋เริ่นเจินแต่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของอดีตเจ้าพ่อไป๋โหย่งอี๋ ผู้ที่ได้ทรัพย์สมบัติของตระกูลไป๋ไปทั้งหมดรวมไปถึงตำแหน่งผู้สืบทอดหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์ก็ตกเป็นของเธอตามเจตนาของอดีตเจ้าพ่อทุกประการ
และการกำจัดหญิงสาวเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ไป๋เริ่นเจินได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลไป๋แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น รวมไปถึงหัวหน้าแก๊งฮ่องกงหวังเหล่ยก็ถูกกำจัดในครั้งนี้ไปพร้อมกัน
สาเหตุเป็นเพราะว่าหัวหน้าแก๊งฮ่องกงล่วงรู้ทุกอย่างออกมาจากปากของทนายความประจำตระกูล ว่าเพื่อนสาวได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างและยังรวมไปถึงทนายประจำตระกูลของอดีตเจ้าพ่อไป๋โหย่งอี๋ก็ถูกกำจัดไปก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อรถยนต์คันหรูของทนายประจำตระกูลไป๋เกิดระเบิดขึ้นใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ในขณะที่กำลังโลดแล่นอยู่บนท้องถนนท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ขับขี่ยวดยานพาหนะอยู่ในขณะนั้นอีกนับไม่ถ้วน ที่ได้ประสบเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา ถนนที่ใช้เป็นเส้นทางดังกล่าวรถติดยาวเหยียดเพราะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันทันทีที่พระอาทิตย์โผล่พ้นเหนือขอบฟ้า
ร่างของทนายประจำตระกูลไป๋ถูกระเบิดร่างแหลกเหลวกลายเป็นจุลก่อนจะลุกไหม้ไปทั่วทั้งคันรถจนทำลายศพตลอดจนถึงหลักฐานต่างๆ ซึ่งก็คือพินัยกรรมของไป๋โหย่งอี๋ที่ยกสมบัติทุกอย่างและการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์ให้กับไป๋หลันฮวาลูกสาวเพียงคนเดียวของเขามิหลงเหลืออีกต่อไป
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำจัดสมความตั้งใจของไป๋เริ่นเจินและคนเป็นแม่ทุกประการ และจะไม่มีวันให้ไป๋หลันฮวามีชีวิตรอดหวนกลับคืนมาเพื่อทวงทุกสิ่งทุกอย่างไปเป็นอันขาด