“เฮ้ยใครวะ!วิ่งชนซะมึนไปเลย”หญิงสาวนั่งบ่นพึมพำ ก่อนจะหันกลับไปมองร่างของหญิงชราที่กำลังพยายามยันกายของนางให้ลุกจากพื้น
“โอโห่!นี่เราอ่อนแอถึงขนาดหญิงชราชนทีเดียวถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นเลยเหรอวะเนี่ย”ไป๋หลันฮวาบ่นพึมพำให้กับตัวเองด้วยความแปลกใจ พลางจ้องหญิงชราตรงหน้าเขม็ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”หวังเหล่ยรีบเข้ามาประคองร่างของเพื่อนสาว
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก รีบไปดูคุณยายแกก่อนเถอะ คงจะล้มไปกับพื้นอย่างแรงเลยนะ”เธอบอกพร้อมรีบลุกขึ้นยืนพลางตรงเข้าไปประคองร่างหญิงชราที่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามารถชนร่างของเธอจนกระเด็นและล้มฟุบไปกับพื้นได้
“คุณยายเป็นอะไรไหม!เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”หญิงสาวถามกลับไปตามสไตล์สาวห้าวในแบบฉบับของเธอ
ข้างฝ่ายหญิงชราวัยเกือบเจ็ดสิบปี ที่ถูกชายหนุ่มหญิงสาวช่วยกันประคองขึ้นมานั้นนางพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเมื่อถูกถามกลับมาเช่นนั้น
“ยายไม่เป็นไรแม่หนู..พ่อหนุ่ม ขอบใจมากนะที่ช่วยคนแก่”หญิงชรากล่าวขอบอกขอบใจเป็นการใหญ่
“คุณยายจะรีบไปไหนเหรอ ท่าทางรีบร้อนมากเลย..อีกอย่างแรงเยอะมากด้วยชนกันเมื่อครู่ที่ผ่านมา รู้อะไรไหมหนูล้มลงไปนั่งกับพื้นเลยนะคุณยาย”หญิงสาวถามกลับไปด้วยความแคลงใจ
“อ่อ...ยายจะรีบกลับบ้าน พอดีจำเวลาผิดนี่เครื่องก็จวนจะออกแล้ว ต้องรีบไปแล้ว!ต้องรีบแล้ว!ขอบใจมากนะแม่หนูจากนี้ไปขอให้โชคดี ได้พบกับคนที่เขากำลังรออยู่นะ”หญิงชรากล่าวขอบอกขอบใจพร้อมอวยพรในคราเดียวกัน
ก่อนจะรีบวิ่งจากไปอย่างรีบร้อนท่ามกลางความแปลกใจของชายหนุ่มหญิงสาว
“คุณยายคนนี้ทำไมท่าทางแปลกจังเลยวะหรือนายว่าไง”ไป๋หลันฮวาหันไปถามเพื่อนสนิท ก่อนจะหยุดชะงักครั้นหันกลับมามองหญิงชราคนดังกล่าวอีกครั้งแต่จู่ๆ ก็หายไปจากสายตาเพียงชั่วพริบตา
“เฮ้ย!อะไรจะเดินเร็วขนาดนั้น นั่นมันเส้นทางตรงไปอย่างเดียวไม่มีห้องน้ำหรือร้านค้าหรือช็อปอะไรที่พอจะให้แวะเข้ากลางทางได้เลยนี่หว่า แล้วหายไปได้อย่างไงกัน นายเห็นคุณยายคนนั้นเดินหายไปตรงไหนไหม”เธอถามเพื่อนร่วมแก๊ง สายตายังคงจับจ้องอยู่แต่ทางเดินตรงหน้าไม่วางตา
“ฉันก็ไม่ได้มองอยู่ตลอดเวลา เมื่อกี้พอถามกลับมาก็มัวแต่ยืนฟังแก ไม่รู้ว่าเดินหายไปตั้งแต่เมื่อไรเหมือนกัน”กล่าวพร้อมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะเดินตรงไปทางขวาพร้อมก้มลงเก็บกระเป๋าเป้ให้เพื่อนสาว และกระเป๋าขนาดย่อมอีกใบที่ตกอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาพร้อมกันพลางเดินถือกลับมา
“เอ้า!...กระเป๋าเป้ของแกกระเด็นไปซะไกลไลย”กล่าวพร้อมยื่นส่งให้เพื่อนสาวพร้อมกระเป๋าขนาดย่อมอีกใบ
ในขณะที่อีกฝ่ายยื่นมือไปรับไว้แบบงงๆ เพราะจำได้ว่า กระเป๋าเป้ที่เธอสะพายหลังมาด้วยนั้นไม่ได้กระเด็นตกไปไกลถึงเพียงนั้นเสียเมื่อไรกันเล่า
“แต่ฉันจำได้ว่ากระเป๋าเป้มันตกอยู่ใกล้ตัวฉันนะเว้ย ไม่ได้กระเด็นไปไกลถึงขนาดนั้น อีกอย่างกระเป๋าใบนี้ก็ไม่ใช่ของฉันด้วย”หญิงสาวตอบกลับไป
“อ้าวเหรอ! แต่เมื่อกี้ฉันก็เห็นคุณยายสะพายกระเป๋าที่เหมือนกับใบนี้เปี๊ยบเลย ถ้ากระเป๋าใบนี้ไม่ใช่ของแกแล้วจะเป็นของใครกันในเมื่อคุณยายคนนั้นเขาก็มีแบบเดียวกัน”หวังเหล่ยบอกกลับไป
“จริงเหรอ! ทำไมเป็นแบบนั้นว้า”หญิงสาวกล่าวด้วยความงุนงงระคนสงสัย พลางเอื้อมมือไปรับกระเป๋าอีกใบที่อยู่มือของหวังเหล่ยก่อนจะเปิดออกอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินภายใน
“อะไรกันนี่!อร้ายยยย!!!”ไป๋หลันฮวากล่าวออกมาทันใดพร้อมส่งเสียงกรีดร้องออกมา ครั้นเห็นข้าวของภายในกระเป๋าดังกล่าว
“เฮ้ย!ร้องทำไม.เกิดอะไรขึ้น!”หวังเหล่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ของในกระเป๋านี้ไม่ใช่ของฉันก็จริง!แต่มันดันมีของที่ฉันอยากได้คือเจ้าสิ่งนี้!”หญิงสาวกล่าวพร้อมยกหนังสือนิยายที่ยังไม่ทันแกะซีลและหนังสือเล่มหนาแลดูเก่าแก่เสียนี่กระไรออกมาจากระเป๋าดังกล่าวโดยพลัน
“อะไรของแกวะเสี่ยวหลัน เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่ากระเป๋าใบนี้ไม่ใช่ของแกแต่เป็นของคุณยายคนนั้น เมื่อกี้ยังเห็นยืนมึนๆอึนๆอยู่เลย แต่ตอนนี้ดันมาบอกว่ามีของที่อยากได้อยู่ในกระเป๋าใบนี้ แล้วนี่อะไรยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งเสียงวี้ดว้ายอยู่ได้ เสียชื่อหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์หมด ถ้าจะประสาทแน่ๆ”หวังเหล่ยบ่นพึมพำให้เพื่อนสาว
“ความสุขของฉันเว้ย! นายไม่ต้องมายุ่ง มันก็ต้องมีโมเม้นท์ของชอบส่วนตัวกันบ้างแหละ จะให้ควงปืน ควงมีดตีหน้ายักษ์อยู่ตลอดเวลาหรือไง ว่าแต่หนังสือเล่มนี่ทำไมเก่าจัง”กล่าวพร้อมจับหนังสือนิยายเล่มโปรดยัดเข้าไปในกระเป๋าตามเดิม แต่หันกลับมาให้ความสนใจหนังสือโบราณเล่มที่อยู่ในมือดังกล่าว
ท่ามกลางสายตาของหวังเหล่ยที่ยืนมองเพื่อนสนิทกำลังให้ความสนใจหนังสือโบราณตรงหน้า
“นี่ใจคอจะไม่ไปวิ่งตามคุณยายคนนั้นเพื่อเอากระเป๋าไปคืนแกอย่างนั้นหรือไง ถึงยืนใจเย็นอ่านหนังสืออยู่ได้ ถามจริงมีอะไรน่าสนใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”ชายหนุ่มถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“แล้วนายรู้อย่างนั้นเหรอว่าคุณยายเดินทางไปไหน ฉันไม่ใช่เทพเซียนนะเว้ย! จะได้มีญาณทิพย์หรือตาทิพย์ที่ล่วงรู้ว่าใครจะไปที่ไหนอะไรอย่างไงหรืออย่างไร แต่ที่แน่ๆ กระเป๋าใบนี้มีนิยายเล่มจบที่ฉันจะได้เอาไปไว้อ่านเล่นบนเครื่องบินค่าเวลาตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่งได้แล้วกว่าจะถึงเซี่ยงไฮ้ กระเป๋าใบนี้น่าสนใจเป็นบ้าเลยวะ”หญิงสาวตอบกลับไป
“ถึงขนาดนั้นเชียวรึ!”หวังเหล่ยกล่าวพร้อมยืนมองเพื่อนสาวแก๊งเดียวกันพลางส่ายหน้าไปมาติดๆ กัน
“ดูไปก่อนแล้วกันจะไปหากาแฟกิน ท่าทางคงอยากรู้อยากเห็นและอยากอ่านละสิท่า แกมันพวกหนอนหนังสือบ้าอ่านนิยายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว..จะเอาด้วยไหม”ชายหนุ่มเอ่ยถามกลับไป
“เอาคาปูชิโนและก็เอสเพรสโซ่เข้มๆ มาให้ด้วยอย่างละหนึ่งแก้ว แค่นั้นแหละ”หญิงสาวตอบกลับไป
“อือ...ตามนั้น..โธแม่คุณตาค้างกันพอดีเล่นกินสองแก้วพร้อมกันแบบนี้”หวังเหล่ยกล่าวพร้อมหันกลับไปสำรวจบริเวณโดยรอบเพื่อมองหาร้านกาแฟที่คอยให้บริการอยู่ภายในท่าอากาศยานดังกล่าว
ในขณะที่ไป๋หลันฮวา กำลังพลิกหน้าหนังสือที่อยู่ในมือของเธอขณะนี้ด้วยเพราะมีบางอย่างทำให้เธอสนใจ
“ตำนานแม่ทัพไร้พ่าย! ว้าว...หนังสือเล่มนี้เป็นตำนานโบราณที่ฉันอยากอ่านอยู่พอดีเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าไม่ต้องดิ้นรนไปถึงหอสมุดแห่งชาติก็ดันมาเจอหนังสือที่ต้องการจะอ่านด้วยความบังเอิญ ไหนๆ ดูสิ ในนี้เขียน..เขียนว่า บริเวณทะเลทรายพระจันทร์เสี้ยว ตะ...”หญิงสาวกล่าวออกมาได้เพียงเท่านั้นพลันต้องหยุดชะงักลง
เมื่อมีบางอย่างร่วงหล่นลงมาจากหนังสือตกมาอยู่ในมือของหญิงสาวในขณะนี้
“นี่มันอะไรกัน คล้ายกระดูกสัตว์เลย..ไม่ใช่สิเหมือนกระดองเต่าต่างหาก มีคำจารึกเอาไว้ด้วยอักษรจีนเก่าสมัยโบราณหรืออักษรจีนใหม่นะ”
หญิงสาวพูดพร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงไปมาจนสามารถเห็นจารึกที่อยู่ในกระดองเต่าได้อย่างชัดเจน พร้อมค่อยๆ อ่านจารึกที่เขียนด้วยอักษรโบราณราว 3000 ปีก่อนได้อย่างน่าอัศจรรย์
กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน นำชีวิตอันไกลโพ้นห้วนคืนสู่ดินแดนหลังกาล ทันทีที่ไป๋หลันฮวาอ่านจารึกโบราณจากกระดองเต่านั้นออกมา กลุ่มควันขาวมิรู้มาจากแห่งหนใดปรากฏขึ้นมาโดยพลัน ล่องลอยมาจากที่ใดก็มิอาจรู้ได้เริ่มแผ่เข้ามาปกคลุมไปทั่วบริเวณ โดยที่สาวเจ้ามิได้เงยหน้าขึ้นมามองบริเวณรอบกายของเธอแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเอง
พรึ่บ!!! ร่างระหงของหัวหน้าแก๊งสามพยัคฆ์หายวับไปกับตาพร้อมเป้ที่เธอกอดเอาไว้แนบอกและกระเป๋าใบน้อยที่ถืออยู่ในมือ หญิงสาวไม่รู้เลยว่ากำลังพานพบกับสิ่งที่วิทยาศาสตร์มิอาจพิสูจน์ได้อยู่ในขณะนี้
ทันทีที่เธอได้สัมผัสกับหนังสือโบราณที่มีกระดองเต่าจารึกคาถาศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 3000 ปีก่อน นำเธอหวนคืนสู่แผ่นดินต้าโจวในอดีตกาลโดยมิรู้ตัว