บนโต๊ะอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมหน้าพร้อมตาไปด้วยลูกชายคนโตและคนเล็กรวมไปถึงคู่รักของบุตรชายทั้งสองนั่งอยู่พร้อมหน้าเพรียงกัน วันนี้เป็นวันที่ผู้เป็นบิดาเรียกทั้งคู่มารับประทานข้าวเย็นอย่างกะทันหันโดยไม่ได้นัดหมายกันล่วงหน้ามาก่อน
แต่บรรยากาศไม่ได้รู้สึกครื้นเครงเฮฮาเหมือนครอบครัวทั่วๆไป ทุกวินาทีที่หายใจเข้าออกมีแต่ความเงียบสงัด พาให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อยสำหรับการร่วมรับประทานโดยมีเจ้าของบ้านคือท่านวรฤทธิ์นั่งหัวโต๊ะแสดงถึงความอาวุโสและมีอำนาจที่สุดในบ้าน
ใบบัวเองก็เพิ่งจะรู้ว่าบ้านนี้ไม่มีนายผู้หญิงเนื่องจากคุณหญิงที่ทุกคนเรียกว่าแม่ใหญ่นั้นเสียชีวิตไปสามปีกว่าแล้ว ท่านวรฤทธิ์เองก็ไม่ได้มีภริยาใหม่เลยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในคฤหาสน์หลังโตที่มีเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านและคนรับใช้อาศัยอยู่ด้วยเกือบสิบชีวิต
"ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบาย รู้จักกันหมดแล้วสินะ ฉันจะได้ไม่ต้องแนะนำใครอีก"
ผู้เป็นประมุขของบ้านเกริ่นขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกทำลายความเงียบเชียบของโต๊ะอาหาร ใบบัวแอบลอบมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ เขาดูเคร่งขรึมเย็นชาไม่สบตา ไม่แม้แต่จะกล่าวทักทายกันทำราวกับว่าไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับเธอมาก่อน แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ใบบัวก็พยายามทำหน้าที่ตามที่ธันวาได้สั่งเธอเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นอย่างดีในฐานะ"คู่หมั้นปลอมๆ"
"หรือจะแนะนำว่าที่ลูกสะใภ้ให้คนอื่นรู้จักอย่างเป็นทางการก็เชิญเลยนายธัน"
พยักหน้าพร้อมกับผายมือมาทางใบบัว หญิงสาวได้แต่ยิ้มจางๆออกมาด้วยความประหม่า เพราะพื้นที่ตรงนี้ไม่มีจุดไหนที่เธอรู้สึกคุ้นเคย ส่วนหญิงสาวที่เป็นว่าที่ภรรยาของธาวินก็เอาแต่นิ่งเงียบ ใบบัวรู้สึกได้ว่าแตกต่างจากวันแรกที่เจอกันครั้งก่อน รอบนี้เธอรู้สึกว่าภัทราไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่
"อ้อครับคุณพ่อ"
ธันวาทำท่าจะเอ่ยแนะนำ แต่ทว่าหญิงสาวอีกคนกลับโพล่งแทรกเข้ามาก่อน
"ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะพี่ธัน ภัทรรู้จักเธอแล้ว แต่ที่ภัทรนึกไม่ถึงคือไม่คิดว่าคุณใบบัวจะกลายมาเป็นคู่หมั้นของพี่ธัน ช่างบังเอิญเสียจริง"
น้ำเสียงเหมือนประชดประชัน ใบหน้าสวยของภัทราก็เอาแต่จ้องธันวาราวกับกำลังจับผิด แต่ธันวากลับตีหน้าขรึมไม่สนใจต่อปากต่อคำภัทรา ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยหวานนั้นบูดบึ้งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
"ถ้ารู้จักกันแล้วก็เชิญทานข้าวกันเถอะ"
ท่านวรฤทธิ์เป็นคนเริ่มตักอาหารก่อนเป็นคนแรก คนอื่นๆถึงได้ตักตามและเริ่มรับประทานกันอย่างเงียบๆ
"ลองกินต้มข่าไก่ฝีมือของแม่ครัวที่นี่ดูสิครับน้องบัว"
"ขอบคุณค่ะ"
ธันวาตักต้มข่าไก่ให้ใบบัวโดยที่ไม่สนสายตาของบุคคลตรงข้ามทั้งคู่ที่ใช้สายตามองมาด้วยความไม่พอใจอยู่เนืองๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารในจานไปมา ภัทรารู้สึกว่าอาหารตรงหน้าของเธอมันช่างฝืดคอไม่อร่อยเอาซะเลย
"เตรียมงานแต่งไปถึงไหนแล้วนายวิน"
ผู้สูงอายุหันมาถาม ธาวินถึงกับกระแอมออกมาเพราะเขาไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าใบบัวเท่าไหร่
แฮ่ม ๆ
"เอ่อ ฤกษ์เก่าคงไม่ทันแล้วครับพ่อ คุณย่าของภัทรยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมอยากให้ท่านหายดีก่อน"
ธาวินคือหมอเจ้าของไข้ของผู้เป็นย่าของภัทราและเขาเองเป็นคนขอเลื่อนกำหนดงานแต่งออกไปก่อน
"อ้อ โทษทีนะภัทรลุงลืมไป แล้วคุณย่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ดีขึ้นแล้วค่ะคุณลุง แต่ยังเดินไม่ค่อยได้คงต้องรออีกระยะ"
บทสนธนายังคงดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่ท่านวรฤทธิ์ไม่ได้สนใจหันมาถามไถ่หรือพูดคุยอะไรกับใบบัวและธันวามาก ใจความสำคัญคือภัทราและธาวินเพราะทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน ใบบัวรู้สึกว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นอะไรที่น่าอึดอัดหายใจไม่ออก อยากจะลุกออกไปเต็มที ภาพของคนที่อยู่ในใจที่คอยเอาใจใส่พะเน้าพะนอภัทราไม่หยุดทำให้เธอแทบจะทนมองไม่ไหว
"บัวจ้ะ เรากลับกันดีกว่านะ"
ธันวาเหมือนจะล่วงรู้ความในใจของใบบัวเป็นอย่างดีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ธันวาก็ไม่รอช้ารีบพูดขอตัวขึ้นมาในทันที เพราะรู้สึกว่าตอนนี้เขากับใบบัวไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องนั่งอยู่ต่อ
"จะกลับกันแล้วเหรอ พ่อก็คิดว่ากำลังจะขึ้นไปพักผ่อนแล้วเหมือนกัน ตามสบายกันนะ"
"ครับพ่อ"
ธันวาเป็นคนเอ่ยออกมา ส่วนธาวินยังคงนิ่งเงียบสนใจกับเครื่องดื่มตรงหน้าที่สาวใช้เพิ่งจะเอามาเสิร์ฟ บางคราก็ปรายตามามองใบบัวตอนเผลอเป็นระยะๆเหมือนๆกับภัทราที่แอบมองคนตรงข้ามของเธอเป็นระยะเหมือนกัน แต่ธันวากลับไม่ได้สนใจอะไรเธอเลยแม้แต่น้อย เขาตีหน้าขรึมทำราวกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน
เมื่อผู้เป็นบิดาปลีกตัวออกไปแล้ว
"วิน พี่กับบัวกลับบ้านก่อนนะ"
"เดี๋ยวสิครับพี่วิน ผมมีเรื่องจะคุยกับรุ่นน้องของผม"
หันมาจ้องหน้าใบบัวพร้อมกับยิ้ม ยิ้มที่เหมือนจะแฝงความนัยน์บางอย่าง
"จะคุยเรื่อง?"
"ทักทายทั่วๆไปตามประสาคนเคยคุ้นเคยครับพี่ธัน"
ธันวาหันไปถามธาวินพอธาวินตอบเสร็จเขาก็หันมามองหน้าใบบัวที่ทำหน้าทำตาวิตกกังวลขอความช่วยเหลือจากเขา บ่งบอกให้รู้ว่าไม่พร้อมที่จะคุยกับธาวินตอนนี้
"อืม ได้ เดี๋ยวพี่ไปรอตรงสวนหน้าบ้านนะบัว"
ขยิบตาให้ใบบัวเล็กน้อยเป็นสัญญานว่าไม่ต้องกลัวอะไร ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรอที่สวนหน้าบ้าน
"เอ่อ งั้นภัทรขอไปคุยเป็นเพื่อนพี่ธันวาก่อนนะคะพี่วิน"
ภัทราวิ่งตามธาวินออกไปอีกคน ตอนนี้ห้องโถงของคฤหาสน์หลังใหญ่เหลือเพียงใบบัวและธาวินสองต่อสอง ใบบัวรู้สึกเกร็งๆสัมผัสได้ว่ามีเม็ดเหงื่อไหลออกมาตามซอกมือ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกสั่นและประหม่าขนาดนี้ สมัยก่อนถ้าเจอกันเธอก็เอาแต่เชิ่ดหน้าใส่เขา ไหงตอนนี้สภาพเหมือนเป็นลูกไก่ในกำมือที่กลัวเขาขย้ำซะอย่างนั้น