เ(ฉ)พาะช่างขังรัก MDL STORY (SS2)
EPISODE 6
[หิวพอดี]
ณ สนามแข่ง RVB เขต ริเวอร์เบย์
“ไม่ร้อนรึไงแก นี่ฉันเดินแป๊บเดียวยังร้อนเลยอะ”
เมื่อเดินมาถึงยัยบีบีก็ส่งเสียงถาม ทำให้ฉันได้แต่หันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงที่เดินตามมาอย่างไม่เร่งร้อนอะไรนัก ดูพี่ภารัณอมยิ้มเข้าเถอะ ท่าทางจะพอใจกับผลงานตัวเองมากสินะ
“ฉันสบ๊าย! สบายมากเลยแก”
ฉันตอบบีบี แต่สายตายังคงค้อนใส่คนที่แอบยักคิ้วให้ฉันทีหนึ่งอย่างยียวน ก่อนที่เขาจะเดินไปดูรถแต่งที่จอดเรียงรายกว่ายี่สิบคันกับพวกพี่เดี่ยว ทำให้เราสามคนได้แต่เดินเล่นรอหนุ่ม ๆ เพราะเราไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถกันเท่าไหร่นัก
“แก! นั่นพวกพี่ภารัณนี่นา วันนี้เขาไม่ได้ใส่แมสก์ด้วยอะ ฉันจะไปทักพี่เขานะ”
ทว่าขณะที่พวกเรากำลังแวะซื้อน้ำไปเผื่อหนุ่ม ๆ อยู่นั้น เสียงดี๊ด๊าของกลุ่มนักศึกษาสาวที่เดินผ่านหลังฉันไป ก็ทำให้ฉันต้องเหลียวหลังกลับไปมองพวกเธอทันที
‘นั่นเด็กมหา’ลัยในเขตริเวอร์เบย์นี่นา รู้จักพี่รันด้วยเหรอเนี่ย’
ฉันได้แต่คิดอย่างสงสัย แต่เสียงที่ค่อนข้างดังเมื่อครู่ก็ทำให้ทั้งเอวาและบีบีอยู่ไม่สุขเช่นกัน
เอวาที่หรี่สายตามองตามกลุ่มสาวสวยนั้นไปราวกับว่าถ้าพวกเธอไปหยุดแถวที่พวกพี่เดี่ยวยืนอยู่ เธอก็พร้อมเปิดใส่แน่นอน
“ไม่คิดว่าพวกเด็กเฉพาะช่างจะกระฉ่อนไปทุกที่ อี๋! พวกแกคอยดูนะ ถ้าอีพี่บาสกล้าหลีสาวลับหลังฉันล่ะก็ แม่จะด่าให้จำทางกลับคอนโดฯไม่ได้เลย” บีบีพึมพำอย่างเตรียมลงทัณฑ์พี่บาส แล้วหยิบขนมเบื้องจิ๋วเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“นี่ขนาดยังไม่ถึงวันจริงนะเนี่ย คนยังแห่มาเยอะขนาดนี้” เอวาพูดขึ้น ขณะที่ฉันมองดูพวกพี่ภารัณที่กำลังมุงดูรถคันหนึ่งอยู่อย่างสนอกสนใจ โดยไม่รู้เลยว่าสาว ๆ กลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้าไปหาพวกเขา
“เอาจริงเหรอนั่น” ฉันว่า หลังจากรับน้ำมาจากแม่ค้า เพราะตอนนี้พวกผู้หญิงกลุ่มนั้นได้เดินตรงไปยังกลุ่มของพวกพี่ภารัณจริง ๆ ด้วย
“ฉันว่าฉันคุ้นหน้าแม่คนนั้นนะ นั่นดาวของริเวอร์เบย์ ฉันเคยเจอเธอที่งานถ่ายแบบด้วยแหละ”
เอวาหันมามองฉันที่ได้แต่ยืนมองผู้หญิงคนนั้นเดินนำเพื่อน ๆ เธอไปทักทายพี่ภารัณ ที่หันกลับมาพูดอะไรกับเธอสองสามคำ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปคุยเรื่องรถต่อ ทำสีหน้าเฉยชาใส่สาวสวย ราวกับว่าพวกเธอไปขัดคอเขาอย่างนั้นแหละ
“แฟนแกรู้จักเธอแน่นอน” บีบีหันมาบอกฉัน
เอาจริง ๆ นะคนอย่างพี่ภารัณไม่ใช่ว่ารู้จักผู้หญิงสวย ๆ ทุกคนหรอกเหรอ ก่อนมาเจอฉันเขาก็คงไม่ใช่ย่อยนักหรอก นี่เขาคงไม่ได้เที่ยวคั่วผู้หญิงตัวแรงทั้งสี่เขตมาก่อนใช่ไหมเนี่ย
ให้ตายเหอะ! ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ฉันถึงได้หงุดหงิดขึ้นมาเสียได้
ทางด้านของกลุ่มเด็กเฉพาะช่างMDLที่มุงดูห้องเครื่องของรถแต่งคันหนึ่งอย่างตั้งใจ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโซนซุ้มขายอาหารนัก
“พี่ภารัณคะ จะไม่หันมาคุยกันหน่อยเหรอคะ”
เสียงของผู้หญิงที่ยื่นมือมากระตุกชายเสื้อ ทำให้ภารัณที่กำลังคุยเรื่องวางเครื่องกับเจ้าของรถ ต้องหันกลับมามองเธออีกครั้ง
เธอเป็นใครทำไมถึงเอาแต่ขัดคอเขาอยู่นั่นแหละ แล้วอีกอย่างคือทำไมเธอถึงรู้จักชื่อเขาด้วย เครื่องแบบนั่นก็ไม่ใช่ของมหาวิทยาลัยMDLอีกต่างหาก
“ทำไม?” ภารัณย้อนถาม ทำให้เธอทำหน้าง้ำใส่
“พี่หงุดหงิดอยู่เหรอคะ แนนนี่ไม่ได้จะกวนอะไรค่ะ แค่อยากแวะมาทักทายคนคุ้นเคยเท่านั้น” เธอว่ามาแบบนั้น ทำให้เพื่อน ๆ ของเธอต่างพากันส่งเสียงแซวยกใหญ่
“ฮะ?” ชายหนุ่มฟังแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย บอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของเขาอย่างนั้นเหรอ น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกคุ้นกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุ้นเคยไรวะ” และคำพูดของเธอทำให้บาสต้องหันมาถามภารัณทีเดียว
“กูจะรู้ไหม” ชายหนุ่มตอบส่ง ๆ แล้วหันกลับมาดูห้องเครื่องต่อ แต่แนนนี่ก็ทำใจกล้ายื่นมือไปกระตุกชายเสื้อของเขาอีกครั้ง ด้วยเธอมากับเพื่อนสาวกลุ่มใหญ่ ทั้งยังแอบคุยโวว่าสนิทสนมกับภารัณมาก่อนด้วย
“นี่พี่จำแนนนี่ไม่ได้เหรอคะ ล้อเล่นใช่ไหมคะพี่ภารัณ พี่อะ! แนนนี่น้อยใจนะ” เธอพูดด้วยท่าทีออดอ้อน ทำราวกับว่าเขาเคยเจอเธอมาก่อนจริง ๆ แต่สำหรับภารัณแล้ว เขานึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
“ดูจริงจังนะมึง มึงไม่เคยเจอน้องเขาจริงดิ” เดี่ยวหันมาถามอีกคน ทำให้ภารัณได้แต่คิดว่าเคยเจอเธอที่ไหนกันแน่
“เซ้าซี้เอาอะไร” ชายหนุ่มย้อนถาม เพราะคิดยังไงก็คิดไม่ออก
“แนนนี่ไม่ได้จะเซ้าซี้ค่ะ เราเจอกันที่งานแข่งรถเมื่อปีที่แล้วไงคะ ตอนที่พี่รอแข่ง พี่มานั่งกับแนนนี่ แถมยังฝากเสื้อแจ็คเก็ตไว้กับแนนนี่ด้วย” เธอว่ามาทำให้ภารัณเริ่มคิดได้ลาง ๆ
“อ๋อ! กูนึกออกแล้ว ปีก่อนน้องเขายังอยู่ม.ปลายไงมึง ที่ใส่ชุดนักเรียนกระโปรงลาย ๆ สีแดงใช่ไหม” บาสเองก็ท่าทางเหมือนจะจำเธอได้แล้ว แต่ภารัณนี่สิ เขาเคยฝากเสื้อกับเธองั้นเหรอ
“ใช่ค่ะ พี่บาสเก่งจัง จำแนนนี่ได้แล้ว” เธอหันไปชมบาสที่ยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที พอถูกสาวสวยยอเข้าหน่อย
“แล้วยังไง” ชายหนุ่มถามอีกคำ ท่าทางถ้าไม่รีบเคลียร์ พวกเธอก็คงจะไม่ไปไหนง่าย ๆ สินะ
“อะไรกันคะ แนนนี่แค่อยากมาชวนพี่ภารัณไปเดินดูรอบ ๆ งานค่ะ ไปด้วยนะคะ นะคะพี่ภารัณ” เธอไม่พูดเปล่า แต่ยังเข้ามาควงแขนภารัณอย่างออดอ้อนโชว์เพื่อน ๆ อีกต่างหาก ทว่าจังหวะนั้นสายตาชายหนุ่มก็ดันหันไปเห็นว่ากลุ่มของยัยหนูพะแนงกำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี
ฉิบหาย! จังหวะนรกอีกแล้วสิ
พะแนงที่เล็งพฤติกรรมแฟนหนุ่มตัวดีมาตั้งแต่แรก เดินถือน้ำสองแก้วตรงมาทางนี้ เธอถึงกับชะงักฝีเท้ากึก เมื่อเห็นว่ามีสาวสวยมาควงแขนภารัณอย่างสนิทสนมแบบนั้น
สำหรับภารัณจากสีหน้ายัยหนูของเขา ดูก็รู้ว่าอีกเดี๋ยวงานจะงอกพวกเขายกทีมแน่นอน นั่นทำให้เขารีบชักแขนกลับทันที
“มีอะไรเหรอคะ”
แนนนี่เอ่ยถามอย่างสังสัยในท่าทีที่รีบดึงแขนกลับของชายหนุ่ม สาวสวยชื่อดังในเขตริเวอร์เบย์อย่างเธอไม่เคยโดนใครทำท่าแบบนี้ใส่มาก่อนเลยนะ
“ฉิบหาย!” หลังผู้หญิงคนนั้นถามมา เสียงสบถของบาสก็ทำให้เดี่ยวรีบหันไปมองยังทิศทางเดียวกับภารัณทันที
ยัยหนูเดินนำเพื่อนเธอมาแล้ว รอยยิ้มที่เผยบนเรียวปากอิ่มสวยนั่น มันดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่เลย เธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอกใช่ไหม
“น้ำค่ะพี่รัน” พะแนงพูดขึ้น ระบายยิ้มอ่อนให้แฟนหนุ่ม ทำให้กลุ่มของเด็กริเวอร์เบย์ที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาอยู่หันไปมองเธอทันที
ร่างเล็ก ๆ ในชุดนิสิตที่มีเสื้อแจ็คเก็ตของภารัณสวมทับอยู่ ทำให้เขารู้สึกว่าเหมือนเธอถูกห่ออยู่จริง ๆ นั่นแหละ
“หิวพอดี” ชายหนุ่มตอบรับทำท่าจะเดินไปหาเธอ ทว่าแขนก็โดนแนนนี่รั้งไว้เสียก่อน
“พี่ภารัณหิวน้ำเหรอคะ ทางด้านโน้นมีเครื่องดื่มสะอาด ๆ ของทางร้านดังตั้งขายอยู่ค่ะ น้ำแก้วตามซุ้มแบบนั้น น้ำแข็งไม่ค่อยสะอาดนะคะ”
แนนนี่ที่ไม่คิดจะปล่อยแขนภารัณง่าย ๆ พูดพร้อมปรายสายตาเหยียดหยันไปยังน้ำส้มคั้นในมือของพะแนง ทำให้เอวาและบีบีได้แต่แค่นเสียงกับคำว่า ‘ร้านดัง’ ของเธอ