“ธาราคุณมันเป็นคนทำลายทุกอย่าง แม่กับพ่อของมัสหวังกับการแต่งงานของเรามาก แต่คุณก็กล้าหักหลังฉัน ทำกันได้ลงคอ” มนัสยาสาดน้ำคำใส่ธารา และก็ดังพอที่จะให้คนที่ยืนรายรอบได้ยิน
“ทุกคนคะ ผู้ชายคนนี้มีเพียงเปลือกนอกค่ะ เขาไม่ได้มีฐานะอะไรร่ำรวย มีเพียงร่างกายที่เป็นผู้ชายเท่านั้น แต่ก็ถือว่า เป็นหน้าตัวเมีย”
พลางหยิบเอาการ์ดจากมือของผู้ชายที่ยืนข้างหว่านลงไปกับพื้น
“ที่จริง เขาตกลงรับปากจะแต่งงานกับฉันค่ะ แต่ว่า...”
มนัสยามองไปมีบางคนเดินมาหยิบเอาการ์ดของเธอที่โปรยทิ้งขึ้นไปอ่าน และเริ่มส่งเสียงดัง
“ไม่รู้สินะว่าพ่อแม่ระดับมหาเศรษฐี ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ยังคิดและหวังจะฝากผีฝากไข้ลูกสาวที่รักมาก เอาไว้ในมือของคนโลเลแบบนี้หรือคะ อนาคตลูกสาวที่รักยิ่ง มาอยู่ในมือของผู้ชายที่ไม่มีความจริงใจ ไขว้เขว โลเล แถมยังคิดจะเกาะผู้หญิงกิน”
การกล่าวหาเริ่มรุนแรง ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธาราไม่กล้าปฏิเสธภรดี
“ในเมื่อคุณกล้าหักหลังมัส มัสก็จะไม่ไว้หน้าของคุณเหมือนกัน” มนัสยาฟาดช่อกุหลาบสีดำนั้นลงไปบนหน้าอกของธารา จนเสื้อของเขาเปื้อน
“มัส พอแล้ว” คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ห้าม
ในตอนนั้นเอง
“กรี๊ด...” ภรดีร้องลั่น คงจะมีใครสักคนไปฟ้องเธอ
“แกมาทำอะไรที่นี่”
“ถามได้ ก็มาตามคำเชิญไง เอานี่ดอกไม้” แล้วมนัสยาก็ยัดช่อดอกกุหลาบสีดำที่ยับเยินไปไว้ในมือของภรดี
“ผีเน่ากับโลงผุ ก็เหมาะสมกันดี คนสองคนที่จิตใจสกปรก ไม่รู้จักเห็นใจคนอื่น เห็นแก่ตัว ก็มาอยู่ด้วยกันก็ดีแล้ว สอนลูกที่จะเกิดมาด้วยนะ ว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครเด็ดขาด และฉันขอแช่งให้เธอได้ลูกผู้หญิงที่ถูกกระทำย่ำยีหัวใจ จนไม่เป็นผู้เป็นคน”
“กรี๊ด ๆ มาเอาตัวอีนี่ออกไป รปภ. ไปไหน ทำไมทุกคนได้แต่ยืนมอง ช่วยไล่มันออกไปหน่อยสิ” ภรดีเป็นเดือดเป็นร้อน โดยที่ธารายังคงอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก
“ธาราไล่มันสิคะ บอกมันไปสิว่าคุณรักฉันมาก”
“ย่ะ รักมาก รักเงินของเธอนะสิ อีโง่”
“มัสพอแล้ว” เขาเห็นว่าเธอขึ้นจนโมโหหน้าเขียวแล้ว และจะไปกันใหญ่ แถมมือถือพร้อมใช้ราคาแพง ๆ ก็เล็งมาที่ทั้งสี่คน คงจะได้เมาท์กันมันสนุกปาก ชายหนุ่มรั้งกอดเธอเอาไว้ทั้งร่าง
“รปภ. ไม่ทำอะไรนะ ฉันจะฟ้องให้หมด”
ภรดีตะโกนเสียงดัง
“ไปเถอะมัส”
“สาแก่ใจอีมัสนัก” พูดปิดท้าย แล้วก็ปล่อยให้เขาพาตัวของเธอออกไป
“ไม่เป็นไรครับ เรากลับเอง ขอโทษนะครับที่มาทำลายความสุข ขอเชิญทุกคนได้ดื่มกิน และเฉลิมฉลองความสุขของคู่บ่าวสาวต่อไป” ยังไม่วายที่เขาจะพูดกระแนะกระแหน ทำให้คู่บ่าวสาวหน้าแตกไปอีก
ตอนนี้คนทั้งงานได้ยินแต่เสียงกรีดร้องของภรดี ที่แทบล้มลงไปทั้งยืน ปากพ่นแต่ลมหายใจดังเอิ้ก ๆ ใกล้จะเป็นลมล้มพับลงไปกับพื้นแล้ว และความโกลาหลก็เกิดขึ้นตรงนั้น
“ตายแล้วงานมงคล แล้วช่อกุหลาบสีดำ อัปมงคลชัด ๆ”
“โบราณเขาถือมากนะ จะดีหรือนี่”
“แถมทะเลาะตบตีวิวาทกันอีก แบบนี้ชีวิตคู่จะไม่ราบรื่นเอาได้นา”
“ใช่ ๆ อาจจะไม่ได้อยู่กันไปจนแก่นะครับ” แขกผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาในงานต่างซุบซิบกันเสียงดัง ตระกูลของภรดีมีเชื้อสายจีน เชื่อและค่อนข้างเคร่งครัดกับเรื่องพวกนี้มาก
แถมวันนี้เป็นงานสำคัญ คล้ายวันรวมญาติ ญาติ ทำให้ทุกคนในงานต่างถกกันแต่เรื่องนี้ ภรดีอับอายมาก ที่ล้มไม่เป็นท่า และถูกหามเข้าห้องหอ ก่อนที่พิธีการจะเริ่มเสียอีก เธอเป็นลมหมดสติไปจริง ๆ
ธาราหน้าจางแทบเป็นสีกระดาษ ทั้งห่วงใยภรดี และตัวเองที่จะต้องถูกเจ้าสัวบุญชัยและคุณภรณี พ่อกับแม่ของภรดีเฉ่งเอาแน่ ๆ
‘ลูกสาวตระกูลดังมั่งมีเก็บทรัพย์ ถูกคนรักเก่าของเจ้าบ่าวมาแฉถึงในงาน ต้องเดินหน้าเอาปี๊บคลุมหัว’
ธาราหนักใจมาก ๆ มนัสยาเอาคืนเขาอย่างสาสมจริง ๆ
เขาพาเธอไปที่รถ มนัสยายังคงหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ
“นี่มัสพอได้แล้วนะ” เขาจับยัดเธอเข้าไปในรถ แล้วรีบปิดประตู ขึ้นไปประจำที่นั่งคนขับ แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสายตาของ รปภ. ที่เดินตามมาส่ง
“ทำแล้วได้อะไรน่ะ สะใจอย่างเดียวหรือ” เขาถามเธอ มนัสยาที่หน้าตาระรื่นยังคงหันมามองหน้าเขา
“ไม่เห็นหน้าของธาราเหรอ ตลกชะมัดเลย ฉันสะใจสิ ที่ได้เอาคืน”
“อืม...” เขาทำเสียงออกมาแค่นี้
“อ้าว... แล้วมันไม่ตลกเหรอ ฉันทำให้ทั้งสองคนเป็นตัวตลกนะ” จากที่ใบหน้าเปื้อนสุขเพราะได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ ถ้าไม่ทำมนัสยาก็คิดว่าเธอจะตายตาไม่หลับ
เขาชำเลืองมองเธอ เพราะเห็นว่าเงียบเสียงไป มนัสยานั่งเหม่อ ดวงตาที่พราวระยับสดใสเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นหม่นเศร้าเหมือนเดิม
‘พรุ่งนี้คลิปของเธอก็คงจะร่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่พรุ่งนี้สิ คงจะตอนนี้แล้วกระมัง’ พอสติกลับคืนมา เธอก็คิดได้
ข่าวที่จะแพร่กระพือ และคงจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
‘งานแต่งงานระดับช้าง ถูกคนรักเก่าของเจ้าบ่าวมาถล่มงานเสียยับ จนงานแต่งงานล้มไม่เป็นท่า เจ้าสาวเป็นลมล้มหมดสติ และที่แน่ ๆ ที่ได้แย่งเขามาแต่ง เพราะว่ากำลังท้องก่อนแต่งนี่เอง’
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจออกมา
“เป็นอะไรครับ”
“ก่อเรื่องแล้ว เพิ่งคิดได้ค่ะว่า คลิปนี้ต้องว่อนไปในทุกแพลตฟอร์ม”
“แล้วทำไม”
“พ่อกับแม่ฉันก็จะรู้ตอนนี้ล่ะสิคะ ถามได้” หน้าหงอยเอามาก ๆ จากที่ไม่อยากให้แม่กับพ่อเสียใจ ตอนนี้คงได้อาย และเอาปี๊บคลุมหัวของแท้
“ทำไม? รู้สึกผิดเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่คิดว่ามันยังไม่สาสม และสองคนนั้นน่าจะโดนมากกว่านี้”
“อ้าว” เขาทำเสียงออกมา
“จะกลับไปจัดไหม” เขาแซว มนัสยาหันมาค้อนขวับ
“แบบนั้นคุณกับฉันก็คงจะเข้าไปนอนในซังเต”
“ซี้แหงแก๋” เขาพูดคำที่เคยพูดตอนเด็ก ๆ
“เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะ” มนัสยาหูผึ่ง
“ก็ซี้แหงแก๋ไง ตายแบบไม่ฟื้นเลย”
“ตลกน่า” แล้วเธอก็หัวเราะออกมา มนัสยานึกถึงภีม ภีมชอบพูดคำนี้ และทำหน้าทะเล้น ๆ ให้เธอขำไม่หยุด