“หมดหน้าที่อย่างนั้นหรือ เอ... ผมคิดว่า วันนี้คุณจะให้ผมทำหน้าที่อะไรกับคุณอีกอย่างนะ หรือว่าจำไม่ได้แล้ว สงสัยแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืนจะทำร้ายสมองในส่วนของความทรงจำของคุณไปมากมาย เอาเป็นว่า ผมมีเวลาให้คุณแค่หนึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำและแต่งตัวให้สวยที่สุด สวยกว่าเจ้าสาว ไม่อย่างนั้นละก็เราทั้งสองคนจะต้องไปงานสายแน่ ๆ”
“สายหรือ แล้วงานอะไร คุณพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่น่ะ”
ชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบการ์ดแต่งงานที่มนัสยาวางไว้บนหัวเตียง แล้วยื่นไปตรงหน้าของเธอ หญิงสาวเพียงแค่เห็นการ์ดแต่งงานของอดีตคนรักเท่านั้น
สติที่หลุดไปนอกโลกก็กระเด้งเข้ามาหาตัว เธอรีบถีบตัวเองลุกขึ้นยืน
“อย่าลืมสิครับ เมื่อคืนคุณพูดอะไรเอาไว้ จากนี่ไปพัทยาก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ และรถอาจจะติดได้ ซึ่งมันจะกินเวลานานพอสมควร คุณมัสควรย้ายตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ ถ้าอยากจะประกาศให้ไอ้คนเฮงซวยนั่นเห็นว่า คุณยังคงดีอยู่ และไปทำให้เห็นว่าคุณยังมีความสุขดี และเราจะไปหักหน้ามัน” เขาพูดเสียงแข็งเข้มทีเดียว
มนัสยาโยนการ์ดแต่งงานใบนั้นลงไปที่เตียง ก่อนจะเดินหน้ามุ่ยเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว โดยนัยน์ตาของเธอฉายไปด้วยแววอำมหิตแค้นเคือง
บรรยากาศชื่นมื่นในงานแต่งงานบนระเบียงของโรงแรมระดับห้าดาว ที่ทอดไปยังชายทะเลที่สวยงาม กำลังสวยและดูดีมาก ๆ
มนัสยากอดช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมกอด เธอเดินเข้างานไปอย่างเฉิดฉาย ชุดสีขาวสวย ชุดกระโปรงเหนือเข่า ที่คล้ายกับชุดเจ้าสาว แต่มีความเลิศพิไลมากกว่า
มนัสยาควงแขนมาพร้อมชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ จนสะดุดสายตาของผู้คน ชายรูปร่างสูงใหญ่ หล่อหน้าไทยปานแกะออกจากโปสเตอร์ภาพยนตร์สมัยก่อน และหญิงสาวที่ดูไฉไลไม่แพ้กัน
“คุณมัสไหวไหม” ที่เขาถามแบบนั้นเพราะว่ามือของเธอเย็นเฉียบ
“ไหวค่ะ” แม้จะสะกดอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในหัวใจเต็มที่ เหมือนกับที่ปลายฟ้าบอก ความเจ็บที่กลัดหนอง หนามยอกต้องเอาหนามมาบ่ง มันจะหายเจ็บหายคัน
ชายหนุ่มก้มลงมากระซิบที่ข้างหู
“สู้ ๆ นะมัส” เสียงของเขานุ่มหูมาก จนเธอรู้สึกอบอุ่น มนัสยาส่งสายตาขึ้นไปมองเขา ใบหน้าของเขาที่โน้มลงมาใกล้ และมีสายตาอาทร เธอจึงได้ยิ้มให้กับเขา
“ขอบคุณนะ” เธอเอ่ยปาก แล้วพยักหน้าให้เขาพาเดินดั่งคู่รักที่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว
ชื่อที่เขียนประดับบนฉากใหญ่บนเวที ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของมนัสยาสะท้านขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ร่างเล็ก ๆ ถึงกับออกอาการเซ แต่มือหนาของเขาก็รับร่างของเธอเอาไว้ ชายหนุ่มช้อนมือเข้ามาที่เอวคอด และกอดแน่น
“ไหวจริงหรือเปล่านี่”
“ค่ะ” เธอตอบชัดถ้อยชัดคำ และอ่านชื่อของคนที่ทำร้ายหัวใจของเธอจนแหลกลาญ
‘ธารา ภรดี’
ตัวหนังสือสีทองโรยด้วยกากเพชรระยิบระยับ และดอกไม้สีขาวประดับประดาโดยรอบ ช่างเหมือนกับงานที่เธอคิดเธอฝัน และได้เอ่ยปากไปกับธารา
ที่โคตรเจ็บใจ เพราะว่าคนที่ส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานไปเยาะเย้ยถึงที่บ้าน ก็คือผู้หญิงที่ชื่อภรดี และภรดียังแนบรูปจากการอัลตราซาวนด์รูปของเด็กน้อยที่จะมาเป็นพยานรักของเธอกับธาราส่งมาในซองนั้นด้วย
แต่ภรดีคงไม่คิดว่า มนัสยาจะกล้ามาร่วมงานนี้ การ์ดแต่งงานใบนี้ คือใบผ่านทางที่ไม่มีใครในงานกล้าขวางทางไม่ให้มนัสยาเข้ามาข้างในงาน
เพื่อนสนิทของภรดีเห็นมนัสยาแล้ว ต่างพากันตกใจ และซุบซิบนินทา ใช่ว่าไม่มีใครรู้ว่าภรดีแย่งผู้ชายที่เป็นคนรักของคนอื่น และคนอื่นที่ว่าก็คือมนัสยา
ทุกคนตะลึงและมองผู้ชายที่เดินสง่าควงแขนกันมากับมนัสยา สาว ๆ ที่เห็นถึงกับอ้าปากค้าง จะว่าไปแล้วผู้ชายที่เด่นสะดุดตา แถมรูปร่างดีจัด หล่อเหลางามสุดในชุดทักซีโดสีขาวนี่แหละ มองมุมไหนก็ส่งแสงประกายออราไปหมด เล่นเอาบางคนถึงกับยกมือถือขึ้นมาถ่าย
ที่ทุกคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปนั้น คงไม่ใช่เหตุผลเดียว คือความหล่อสวยของคนทั้งสอง แต่เป็นช่อดอกกุหลาบสีดำในมือของมนัสยาต่างหาก
เจ้าบ่าวที่เคยเป็นคนรักเก่าเมื่อเห็นมนัสยา เขาก็รีบเดินออกมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ทั้งตกใจ และคาดไม่ถึง
“มัสมาที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงไม่ได้ยินดีนัก และหันไปมองรอบ ๆ ซึ่งทุกคนจ้องจับมาที่ทั้งสามคนเป็นตาเดียวกัน
“มาได้อย่างไรนะเหรอคะ ทำไมถามแปลกจัง” พร้อมกับงัดเอาการ์ดเชิญออกมา
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า คุณไม่รู้สินะคะว่า คุณภรดีเจ้าสาวของคุณเป็นคนส่งการ์ดเชิญใบนี้มาให้มัสเอง แหม... แถมยังส่งรูปลูกที่น่ารักมาให้ดูด้วย”
เธอหยิบเอารูปอัลตราซาวนด์ออกมาอีกใบ
“เฮ ๆ ทุกคนคะ ที่บอกว่าแต่งงานกันเพราะรักกันมาก จนทนให้ความรักสุกงอมไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ที่จริงคือว่า คุณภรดีท้องก่อนแต่งนะคะ” มนัสยาหันไปรอบ ๆ และประกาศลั่น พลางโบกสะบัดรูปอัลตราซาวนด์ในมือนั้นไปมา
พวกแขกเหรื่อที่ได้ยินก็ฮือฮา
“แต่งปุ๊บ ไม่กี่เดือนก็คงจะคลอดปั๊บ ทั้งปู่ย่าตายายก็คงจะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี้ล่ะค่ะ” พูดไปยิ้มไป ไม่รู้ว่าไปเรียนเอาบทนางร้ายในละครมาจากไหน
มนัสยาจ้องหน้าของธาราอย่างคั่งแค้น เป็นครั้งแรกที่ได้สบตากันอีกครั้ง หลังจากวันที่เขามาบอกเลิก
มนัสยายัดช่อกุหลาบสีดำไปไว้ในมือของเขา ธาราหน้าซีดจัดแทบไม่มีสีเลือดแล้ว
ใด ๆ เขาก็ยังรักและหวังดีกับมนัสยา แต่สิ่งที่ทำแล้วพลาดผิดลงไป คำว่ามีลูกนี่แหละทำให้ เขาไม่อาจจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้