8

1191 คำ
วนาธรกับอทิตยาเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานีในเวลาเกือบห้าโมงเย็น ต่อจากนั้นทั้งคู่ก็นั่งรถสาธารณะต่อไปยังโรงแรมที่พัก ซึ่งเป็นโรงแรมเดียวกันกับที่เอ็นริโก ผู้เป็นอาเข้าพักอยู่ แผนการของเอ็นริโกนั้นคือ พักโรงแรมเดียวกันและเลือกห้องติดกน โดยมีประตู้เชื่อมถึงกัน สามารถเดินเข้าไปในห้องของอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องเข้าทางประตูหน้า ตบตาคนของฤทธิไกรที่อาจจะถูกส่งตัวมาสอดแนม พอทั้งคู่มาถึงห้องพักก็พบว่า เอ็นริโกมาถึงห้องพักก่อนแล้ว “สวัสดีครับคุณอา” วนาธรพนมมือไหว้อาหนุ่มก่อนจะเข้าไปสวมกอดด้วยความรักและคิดถึง “ว่าไงไอ้เสือ กว่าจะได้เจอแก อาต้องใช้พลังงานเยอะเลยนะเนี่ย” เอ็นริโกบ่นไม่จริงจังนัก ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเมื่อได้เห็นหลานชาย “ผมก็อยากเจอคุณอาแบบไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้เหมือนกันครับ ผมไม่อยากโกหกคุณตา แต่ถ้าจะขอตรงๆ ก็คงไม่ได้ หมดหวังตั้งแต่พูดจบ” วนาธรพูดอย่างเหนื่อยใจ ทำไมเขาจะไม่อยากพบหน้าบิดา เอ็นริโกและย่าสุดที่รักได้อย่างเปิดเผย เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะโกหกหลอกลวงผู้เป็นตาต่างๆ นานาเพื่อที่จะได้เจอหรือพูดคุยกับครอบครัวบิดา แต่ก็รู้เหตุผลของฤทธิไกรดีว่าคืออะไร หากวนาธรเป็นฤทธิไกร เขาก็อาจจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน “จะโทษใครได้ งานนี้ต้องโทษพ่อของเร็นโซคนเดียว ที่เจ้าชู้ดีนัก ถึงได้ห่างลูกห่างเมียอย่างนี้” “อย่าไปพูดถึงเรื่องเก่าๆ เลยนะคะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เราต้องมาช่วยกันคิดว่า จะทำยังไงให้โตกับคุณย่าเจอกันมากกว่าค่ะ” นลินธาราพูดแทรกขึ้นเพื่อตัดบทไม่ให้อทิตยาตำหนิบิดาของวนาธร “สวัสดีค่ะคุณอา หนูชื่อยุงค่ะเป็นเพื่อนสนิทของโตกับลินค่ะ” อทิตยาแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ และพูดเป็นภาษาไทย ภาษาที่เธอไม่คิดว่าเอ็นริโกจะพูดได้ แต่พอมาได้ยินเหตุผลที่วนาธรบอก เธอถึงเข้าใจว่าทำไมอาหนุ่มสุดหล่อถึงพูดภาษาแม่ของเธอได้ “สวัสดีครับยุง” ภาษาไทยที่ชัดในแบบฝรั่งพูดดังออกจากปากได้รูปของเอ็นริโก “คุณอาพูดภาษาไทยชัดมากกว่าที่ยุงคิดนะคะ” “อาฝึกมาหลายปีน่ะ ถ้าไม่ฝึกพูด ฝึกฟังเดี๋ยวจะเถียงตาของเร็นโซไม่ได้ รายนั้นไม่เปิดช่องให้อาพูดเลย ด่าอย่างเดียว” เอ็นริโกจำทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับคุณตาจอมโหดของวนาธรได้ดี ฤทธิไกรไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น จ้องแต่ต่อว่าและขับไล่เขาลูกเดียว แล้วยังจะพูดเป็นภาษาไทย ภาษาที่เขาไม่เข้าใจ นั่นคือที่มาของการฝึกพูด ฝึกฟังและฝึกการสนทนาภาษานี้ “แต่ถ้าคุณอาอยากจะพูดเป็นภาษาอังกฤษก็ได้นะคะ ลินกับยุงพูดได้อยู่ค่ะ เราจะได้คุยกันสนุกๆ เพราะยุงรู้ว่าบางคำคุณอาก็ไม่เข้าใจ” ส่วนภาษาอังกฤษของวนาธรไม่มีปัญหาเพราะเขาเรียนโรงเรียนนานาชาติ แถมเขายังสามารถพูดภาษาอิตาลีของบิดาได้อีกด้วย อทิตยาพูดอย่างเข้าใจชาวต่างชาติที่ฝึกพูดภาษาไทย เพราะบางคำ บางประโยคก็ยากเกินกว่าที่คนเหล่านั้นจะเข้าถึง เธอจึงเสนอการสนทนาให้เป็นภาษาสากลที่เอ็นริโกน่าจะถนัดกว่าภาษาไทย “ใช่ครับคุณอา คุณอาถนัดพูดภาษาอะไรก็พูดตามนั้นดีกว่าครับ เราจะได้เข้าใจกันเวลาวางแผน” วนาธรเห็นด้วยกับข้อเสนอของอทิตยา “เอาตามที่ยุงว่าก็ได้” เอ็นริโกตอบรับ “ถ้าอย่างนั้นคุณอาเรียกยุงว่า โรสนะคะ ฟังอินเตอร์กว่ายุงเยอะเลย” สาวยุงจอมยุ่งเสนอชื่อเล่นใหม่ให้เอ็นริโกเรียกเธอ โดยใช้ชื่อดอกไม้ที่เธอชื่นชอบ “นี่ก็เย็นมากแล้ว คุณอาสั่งอาหารหรือยังครับ” วนาธรถามอาหนุ่มเพราะตอนนี้ท้องของเขาเริ่มร้องประท้วงว่าหิว “ลินจัดการให้แล้วล่ะโต เดี๋ยวอาหารก็คงมาเสิร์ฟ” นลินธาราตอบแทน จบคำพูดของนลินธาราเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น วนาธรเดินไปเปิดรับพนักงานของโรงแรมที่นำอาหารมาส่ง ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ก่อนที่ทั้งสี่จะลงมือทานอาหารพร้อมกับพูดคุยเรื่องแผนการที่จะทำให้วนาธรไปปรากฏตัวที่ประเทศอิตาลี ซึ่งงานนี้มันไม่หมูเลยแม้แต่น้อย รถยนต์ของนลินธาราแล่นมาจอดภายในลานจอดรถของท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี ก่อนที่เธอกับอทิตยาจะก้าวลงจากรถแล้วเดินไปยังตัวอาคารเพื่อรอรับใครคนหนึ่งที่กำลังจะเดินทางมาถึงในอีกไม่ถึงห้านาทีข้างหน้า “บอสแกใช้งานแกเยอะจริงๆ อย่างที่แกพูดมาเลย ขนาดวันหยุดแท้ๆ ยังโทรมาสั่งงาน” นลินธาราบ่นแทนเพื่อน “ทำไงได้ก็ฉันเป็นลูกจ้างเขานี่นา อีกอย่างมันก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงฉันหรอก” อทิตยาเพิ่งได้รับงานด่วนจากเจ้านายจอมเฮี้ยบเมื่อเช้านี้ว่า ให้เธอจองโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี และให้ว่าจ้างรถมารับเขาที่สนามบินในเวลาสิบโมงสิบห้านาทีด้วย ซึ่งโรงแรมที่นฤเบศร์เจาะจง เป็นโรงแรมเดียวกันกับที่เอ็นริโกพัก “แล้วทำไมแกถึงต้องมารับบอสด้วยตัวเองล่ะ ว่าจ้างรถรับจ้างก็ได้นี่ ที่ฉันพูดเพราะไม่ได้ขี้เกียจอะไรหรอกนะ ขับรถมาให้แกแค่นี้สบายมาก แต่ฉันอยากให้แกพักผ่อนมากกว่า นานๆ ทีจะได้กลับบ้าน” นลินธาราให้เหตุผล การเดินทางกลับมายังจังหวัดบ้านเกิดของอทิตยาในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือวนาธรเพื่อนสนิทเท่านั้น ยังถือโอกาสกลับมาเยี่ยมบิดามารดาที่พำนักอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับครอบครัวนลินธารา “เอาน่า เดี๋ยวแกก็รู้” อทิตยาพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าประตูอาคารผู้โดยสารขาเข้า รอรับนฤเบศร์ตามคำสั่ง อีกสิบห้านาทีต่อมา ร่างของคนที่สองสาวรอคอยก็เดินออกมาจากประตูดังกล่าว ในมือของเขาลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมออกมาด้วย นฤเบศร์ทำสีหน้าฉงนเมื่อเห็นเลขาของตนยืนฉีกยิ้มอยู่ด้านหลังแผงกั้นเหล็ก เพราะไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่และไม่คิดด้วยว่าเธอจะมารับตน “สวัสดีค่ะบอส” อทิตยายกมือไหว้เจ้านายและทักทาย ส่วนนลินธาราก็ยกมือไหว้นฤเบศร์ตามมารยาทเช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม