เมียนักเลง | 7

2189 คำ
“ถ้ามีคนมาจีบบอกว่ามีผัวแล้ว” ผมพูดขึ้นทันทีและเน้นย้ำคำว่าผัวเหมือนเราสองคนเป็นแบบนั้นจริงๆ ต่อให้ไม่ได้เป็นผมก็หวง ! “บอกแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะเพราะเลิฟไม่มีใครและที่สำคัญเฮียปั้นอย่าลืมสิเราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” คนตัวเล็กเน้นย้ำขึ้น รู้ดีเลยว่าเธอพูดความจริงแต่คำพูดของเธอมันไม่เข้าหูผมเลยสักนิด “ถ้าฉันเห็นเธออยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน ฉันเล่นมันแน่” ผมพูดจริงและผมทำจริง “เล่น ?” แต่เหมือนคนตัวเล็กที่นั่งเบาะข้างๆจะไม่เข้าใจคำพูดของผม “ฉันกระทืบมันแน่” บอกได้คำเดียวว่าเธอหน้าเหวอทันทีเมื่อผมพูดจบ “เฮียปั้นมีสิทธิ์ไปกระทืบใครมั่วซั่วที่ไหนกัน” ผมมีสิทธิ์ถ้ามันมายุ่งกับคนของผมเพราะผมจะสิทธิ์คำว่าหวง “งั้นเธอก็ไปยุ่งกับผู้ชายคนไหนดูสิ เธอจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้ดีแค่พูด” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะถ้าผมบอกว่าจองผมบอกว่าจีบ แค่นี้เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปมองใครนอกจากผมแล้ว “ไม่อยากคุยกับคนนิสัยนักเลงค่ะ เลิฟไม่ชอบ ไปนะคะ ที่สำคัญเฮียปั้นอย่าลืมนะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันและเลิฟก็ไม่อยากมีแฟนตอนนี้ด้วย” คนตัวเล็กพูดขึ้นและลงจากรถไปทันที นั่นทำให้ผมกลับมาคิดว่าบางทีผมอาจจะรุกเธอแรงเกินไป เทคนิคชื่อดัง “เฮียปั้นสวัสดีครับ” เสียงรุ่นน้องในโรงเรียนทักขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ตามๆกัน จริงๆผมก็ไม่ได้บังคับให้พวกมันไหว้ผมหรอกแต่ถ้าผมเจอรุ่นพี่ ผมก็ไหว้เหมือนกันเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นการเคารพแต่ถ้าใครจะทักผมแค่ปาก ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะมันสิทธิ์ของคนนั้น “ไอ้แชมป์มายังวะ” ผมถามขึ้นอีกครั้งพร้อมวางกระเป๋าผ้าใบโปรดลงบนโต๊ะที่ประจำ “ยัง ปกติมึงสองตัวมาช้าจะตายห่า ลมอะไรหอบมึงให้มาตอนนี้” เพื่อนในห้องของผมตอบกลับมาทันที จริงๆพวกผมก็สนิทกันหมดทุกคนเพราะสำหรับโรงเรียนเทคนิคมิตรภาพมันสำคัญกว่าทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่สิ ศักดิ์ศรีต่างหากที่สำคัญกว่าทุกอย่าง รองลงมาก็เพื่อนและมิตรภาพ “เสือก” ผมตอบกลับไปตามนิสัยของผม อยู่กับไอ้พวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูดจาไพเราะเพราะแต่ละตัวสถุนหมากันอยู่แล้วรวมถึงตัวของผมเองด้วย “กูว่ากูมาเช้าแล้วนะ ทำไมมึงมาเช้ากว่า” ไอ้แชมป์ที่เดินเข้ามาพูดขึ้นทันที “ไปส่งข้าวหอมมา” ผมตอบกลับไปตามความจริงแต่ก็ไม่ได้บอกไปทั้งหมด “เหยดเข้ ! ไอ้เหี้ยปั้นไปส่งน้องสาวเป็นไปได้หรอวะ” ไอ้แชมป์พูดขึ้นด้วยท่าทางไม่เชื่อ ผมก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันแต่เรื่องของเรื่องมันไม่ใช่ข้าวหอมไงที่ผมอยากไปส่ง มันคือเด็กซื่อบื้อที่ชื่อเลิฟตั้งหาก “กูก็พี่ชายที่แสนดี” “กล้าพูดนะมึง” “ดูดไหม กูจะไป” ผมถามขึ้นอย่างเปลี่ยนเรื่องเพราะตอนนี้รู้สึกเสี้ยนบุหรี่ขึ้นมาแล้ว “ไปดิ กูก็อยาก” ผมกับไอ้แชมป์ลุกออกจากห้องเรียนก่อนจะตรงมาที่ห้องน้ำหลังตึกที่เป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดีของที่นี่ “เฮียปั้น เฮียแชมป์สวัสดีครับ” ผมกับไอ้แชมป์ทำเพียงพยักหน้ารับก่อนจะหยิบบุหรี่ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุด “แล้วเมื่อวานแม่มึงว่าไงบ้างโวยวายไหม” ไอ้แชมป์ถามขึ้นซึ่งไม่แปลกที่มันจะรู้เพราะผมสนิทกับมันมากที่สุด พากันเข้าออกบ้านเป็นประจำ ที่สำคัญเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก “มึงว่าจะเหลือหรอ แค่รู้ว่ากูขึ้นโรงพักก็จะแดกหัวกูอยู่แล้ว” ผมไม่ได้ใส่ร้ายแม่แต่ผมพูดความจริง “แม่กูเหมือนกัน ดีนะกูอ้างว่ามึงโดนเลยเข้าไปช่วยไม่งั้นด่ากูหูชาแน่ๆ” ไม่แปลกที่มันจะพูดแบบนี้เพราะผมลูกรักแม่มันเลยแหละ “เออ ! ของกูป๊าก็หงอยเหมือนกันโดนทั้งคู่” ผมพูดขึ้นอีกครั้ง “ว่าแต่ปีนี้ป๊ามึงจะมางานรับน้องไหม วันศุกร์นี้แล้ว” งานรับน้องที่ไอ้แชมป์พูดถึงก็คืองานรับน้องทั่วไปนั่นแหละเพราะนี่เปิดเทอมใหม่แล้วมันก็มีเด็กใหม่เข้ามาเป็นธรรมดา “ไม่รู้ว่ะ กูยังไม่ได้ถามแต่ระดับป๊ากูไม่เคยพลาด” ที่ไม่พลาดเพราะป๊าของผมก็จบจากที่นี่และตอนนี้ก็เป็นผู้สนับสนุนหลักของที่นี่อีกด้วย “ถ้าป๊ามึงมา พ่อกูก็คงมาแหละว่ะ” ไอ้แชมป์พูดขึ้นทันที ซึ่งพ่อของมันกับป๊าของผมก็เป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเราสองคนนี่แหละ มึงรีบไหม กูจะดูดอีกตัว” ผมถามขึ้นเพราะรู้สึกว่าตัวเดียวสำหรับผมมันยังไม่พอ นิโคลตินที่เข้าสู่ร่างกายมันยังไม่มากพอเลยต้องการเพิ่มอีกนิด “เอาเหอะ กูไม่ได้รีบ” ไอ้แชมป์พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับผมที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ผมเป็นคนค่อนข้างติดบุหรี่พอสมควรแต่ผมก็มีวิธีกำจัดกลิ่นของมันเวลาเจอกับคนที่บ้านและคนตัวเล็กที่พึ่งจะเน้นย้ำสถานะให้ผมช้ำใจเมื่อกี้ “วันนี้กูเห็นว่ามึงไม่ได้เอาไอ้แดงคู่ใจมึงมา ขับรถใหญ่มาหรือไง” ไอ้แชมป์ถามขึ้นอีกครั้ง “ก็บอกอยู่ว่าไปส่งข้าวหอมมา” “ไปส่งข้าวหอมหรือไปส่งคนที่หลอกให้พวกกูเป็นคู่อริวิ่งตามกันแน่” ไอ้แชมป์ถามขึ้นอย่างรู้ทัน “ขี้เสือกว่ะ ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงขี้เสือกขนาดนี้” ผมพูดขึ้นอีกครั้งและแอบการด่ามันทางอ้อม “เรื่องมึงน่าเสือกจะตายห่า ว่าแต่คนนั้นใคร ใช่เพื่อนน้องสาวมึงที่มาเล่นที่บ้านบ่อยๆไหม” ไอ้แชมป์มันเคยเจออยู่บ้างเพราะมันก็ไปบ้านของผมบ่อย “คนเดียวกัน” “จริงจังหรอวะ” ไอ้แชมป์ถามขึ้นอีกครั้ง “กูก็ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้” แน่นอนว่าผมก็มีผู้หญิงเข้ามาหาบ้างแต่ผมไม่เคยรู้สึกกับใครเท่าเธอจริงๆ “พูดเหมือนปกติมึงสนใจผู้หญิง” “ก็สนแต่กูไม่ได้สนที่จะให้มาเป็นแฟนเหมือนกับคนนี้” เลิฟ “ข้าวหอมเราเรียนเสร็จก็ยังไม่ได้กลับหรอ” ฉันถามข้าวหอมขึ้นเพราะตอนนี้ฉันเรียนเสร็จแล้วแต่ดันโดนรุ่นพี่ให้มานั่งรวมกลุ่ม “ใช่สิ รุ่นพี่เรียกรวมแบบนี้ไม่ได้กลับแน่ๆ” ข้าวหอมตอบกลับมาพร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กับฉัน “หวังว่าคงไม่มีการเข้าชงเข้าเชียร์หรอกนะ ฉันไม่ชอบเลย” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพราะฉันไม่ชอบจริงๆ “ไม่หรอก ปีนี้ยกเลิกไปแล้วน่าจะมีอย่างอื่นมากกว่า” “ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะข้าวหอม” “เอาละค่ะน้องๆปีหนึ่งทุกคน พี่ชื่อดาวนะคะและพี่ก็คิดว่าตอนนี้น้องๆคงอยากรู้แล้วว่าพี่เรียกมาทำไม เรื่องที่พี่เรียกมาก็คือเรื่องสายรหัสจ้ะ” ทันทีเมื่อพี่ดาวพูดจบ เสียงซุบซิบของนักศึกษาปีหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างน่ารำคาญ “ใจเย็นๆนะคะ โดยสายรหัสของน้องๆจะเป็นตัวเลขสองตัวที่อยู่ด้านหลังสุดของเลขรหัสนักศึกษาและวันนี้พี่รหัสของน้องๆทุกคนก็ฝากคำใบ้มาให้แล้วด้วยเพราะงั้นทุกสาขาต่อแถวตามเลขแล้วมารับคำใบ้ที่พี่ๆด้านหน้าเลย” หลังจากที่พี่ดาวพูดจบ ทุกคนก็ลุกขึ้นต่อแถวทันทีและความโชคดีก็คือฉันกับข้าวหอมเรารหัสติดกัน “หวังว่าเวลามีงานคู่เราคงได้อยู่ด้วยกัน” ฉันพูดขึ้นเพราะเท่าที่รู้มาในมหาวิทยาลัยมักมีงานกลุ่มที่ต้องทำและอาจารย์ก็จะแบ่งให้ตามเลขรหัส ไม่มาให้จับกลุ่มตามสมัครใจหรอกเพราะเวลาทำงานเรามักจะเลือกที่จะทำงานกับใครตามใจไม่ได้ “ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วแก ว๊าย ! แกดูผู้ชายสี่คนนั้นที่กำลังเดินเข้ามาสิเลิฟ ตัวท็อปเลยนะ หล่อมาก” เสียงสะดีดสะดิ้งของข้าวหอมดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปมองตามทันที ตอนนี้มีผู้ชายสี่คนกำลังเดินมาทางนี้และที่สำคัญหน้าตาดีตามที่ข้าวหอมบอกเลย “ขอเถอะ ขอให้ฉันได้เขาเป็นพี่รหัส” ข้าวหอมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะยกมือขึ้นเหนือหัว “แกคงไม่บังเอิญได้คนที่แกอยากได้หรอกข้าวหอม” ฉันพูดขึ้นเพราะโลกมันคงไม่สร้างความบังเอิญขนาดนั้นหรอก “ฉันว่าโลกนี้สามารถสร้างความบังเอิญได้นะแก” “มาเลยค่ะ” หลังจากนั้นข้าวหอมก็ตรงไปรับคำใบ้ ฉันก็เดินตามมาติดๆก่อนจะเปิดคำใบในกระดาษดู รหัสสองศูนย์ ดำ น้ำตาล แทน ห่ะ เดี๋ยวนะ คำใบ้ของฉันแค่นี้หรอ ? “ยัยเลิฟ แกได้คำใบ้อะไร ของฉันได้นี่ ดูสิ ผู้หญิงแน่เลยอะ” ข้าวหอมพูดขึ้นพร้อมเอากระดาษคำใบ้ให้ฉันดูซึ่งมีข้อความว่ารหัสหนึ่งเก้า สว่าง แพรวพราว “ฉันว่าฉันรู้นะ” ฉันพูดขึ้นทันทีเพราะคำใบ้ของข้าวหอมง่ายมากจนไม่อยากเชื่อ “ใครพูดมาเลยยัยเลิฟ” “คงเป็นพี่ดาวเพราะดวงดาวสว่างตอนกลางคืนก็ตามคำใบ้นั่นแหละส่องแสงแพรวพราว” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับข้าวหอมที่ยิ้มกว้าง “กรี๊ด ! จริงด้วยยัยเลิฟ แกนี่มันเก่งจริงๆ ถ้างั้นความบังเอิญที่ฉันอยากให้เกิดขึ้นก็ไม่เกิดแล้วสิ” ฉันไม่ได้เก่งหรอกแต่ข้าวหอมเพื่อนฉันน่าจะโง่มากกว่า ฉันไม่ได้ว่านะแค่พูดตามความจริง “คำใบ้ของแกน่าจะผู้ชายนะเลิฟ ดำ น้ำตาล แทน สีแบบนี้ไม่ใช่ผู้หญิงหรอก” มันก็น่าคิดนะเพราะผู้หญิงคงชอบสีหวานๆ สดใส ไม่อึมครึมแบบนี้ “แต่ให้มาแบบนี้เหมือนไม่ใบ้เลยนะ” ใครจะไปเดาออกล่ะ คิดดูสิ “เอาละค่ะน้องๆ พี่ให้เวลาสองอาทิตย์ในการหานะ ใครรู้ก่อนสองอาทิตย์ให้รีบไปบอกพี่เขาเลย ส่วนวันนี้แยกย้ายได้จ้า” “แกจะรอเฮียแกใช่ไหมข้าวหอม” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะเฮียปั้นย้ำนักย้ำหนาว่าจะรับส่งเช้าเย็น “ไม่ต้องรอแล้ว เฮียปั้นมารอแล้ว” ข้าวหอมพูดจบก็จับมือฉันทำท่าจะเดินไปที่หน้าคณะ แต่ทว่า... “เธอสองคนนะ หยุดก่อน” ฉันกับข้าวหอมหันไปตามเสียงเรียกจากด้านหลัง “รหัสอะไร” กลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายสี่คนที่ข้าวหอมชี้ให้ฉันดูก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าของฉันกับข้าวหอม “หนูหนึ่งเก้าส่วนเพื่อนหนูสองศูนย์ค่ะ” หลังจากที่ข้าวหอมตอบไป ฉันก็แอบเห็นรุ่นพี่ผู้ชายที่ยืนหลังสุดด้วยท่าทางนิ่งๆ เขากำลังยกยิ้มมุมปากแล้วมองมาทางฉัน “ถามแค่นี้แหละ ไปไหนก็ไป” รุ่นพี่อีกคนพูดขึ้นก่อนที่ฉันกับข้าวหอมจะเดินออกมา “รุ่นพี่คนที่ยืนด้านหลังมองแกแบบ ฉันว่าเขาชอบแกแน่ๆ ข้าวหอม เห้ย ! ไม่สิ เฮียปั้นของฉันจีบแกอยู่ ไม่ได้ๆ” ข้าวหอมพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางกำลังย้อนแย้งสับสนกับความคิดตัวเอง “ปล่อยเขาเถอะ ฉันไม่ได้สนใจทั้งพี่คนนั้นและเฮียปั้นของแก” ฉันตอบกลับไปตามตรงเพราะฉันเคยบอกคุณแม่ไว้แล้ว ถ้าคุณแม่ยังไม่มีแฟน ฉันก็จะไม่มีแฟนเพราะฉันอยากอยู่ดูแลคุณแม่ไปก่อน อีกอย่างเรื่องเรียนตอนนี้ก็คงสำคัญที่สุด “โหดร้ายมาก เฮียฉันหล่อวัวตายความล้มจนชะนีร้องเรียก แกไม่สนได้ไง” “หล่อตรงไหนอะข้าวหอม ฉันมองไม่เห็นเลย” “งั้นก็มองซะจะได้รู้ว่าความหล่อของฉันมันอยู่บนหน้า” “!” ❤️ เปิดตัวผู้ใหม่ ยังไม่มีบทมาแต่อริยาบท แต่ที่แน่ๆคู่แข่งอิพี่แน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม