กลีบปากอิ่มเม้มแน่นพยายามมองหากระเป๋าทว่าก็มืดเกินจะมองเห็น ไม่กี่นาทีถัดจากนั้นก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในบ้านแอบมองก็เห็นอัศวเมฆินทร์หมุนล้อวีลแชร์ออกมานอกระเบียงเมียงมองมาทางบันไดที่หล่อนกำลังซ่อนตัว
“ใครอยู่ตรงนั้น!”
เสียงเข้มตะคอกถามหลายครั้งจนวารสายอมเดินออกมาจากที่ซ่อน แปลก… ที่ครั้งนี้เขากลับไม่ขับไล่แค่นำกระเป๋าสะพายหลังสีชมพูไปวางบนโต๊ะไม้ให้วารสาเดินเข้ามาหยิบเอง
หัวใจหล่อนเต้นแรงแปลกๆ
เท้าไม่สมประกอบเลยทำให้เดินไม่ถนัดนักกว่าจะมาถึงกระเป๋าก็ใช้เวลาหลายนาที ใกล้แค่นี้… ทำให้หล่อนเห็นได้ชัดว่าเขานั้นเดินไม่ได้ต้องใช้ชีวิตบนวีลแชร์
วารสายกมือไหว้ตามความเคยชิน
“ขอบคุณที่เก็บไว้ให้ค่ะ”
“ไปขอบคุณลุงชิดนู้นไม่ต้องมาขอบคุณฉัน” เขาตอบเสียงเย็นชาไม่มองหน้าวารสาเลยด้วยซ้ำ
“คุณเมฆ…”
“…”
เขาหันมามองแววตาว่างเปล่า
“สาเรียนจบปริญญาโทเอ็มบีเอแล้วนะคะ สาตั้งใจเรียนเพื่อจะได้กลับเมืองไทยเร็วๆ แต่มันก็ยังช้าไปมากอยู่ดี…” หล่อนพูดไปเรื่อยไม่สนใจว่าเขาจะฟังหรือไม่ ทิ้งบั้นท้ายลงนั่งบนเก้าอี้หันหลังให้เขาเพราะไม่อยากให้เขาหาว่าบีบน้ำตา “…สาไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับขาของคุณเมฆ ไม่รู้ว่าทำไมคุณเมฆถึงหมดรักสา แต่สาอยากให้คุณเมฆรู้ไว้ว่าสายังรักคุณเมฆเหมือนเดิม รัก… มากที่สุด”
“กลับไปได้แล้ว อย่ามาพร่ำเพ้อให้ไอ้พิการอย่างฉันฟังอีกเลย มันไม่น่าฟังสักเท่าไหร่หรอก” เขาบอกปัดเสียงแข็งกร้าวเสมือนรำคาญเต็มประดา มองเมินกายบอบบางของวารสาที่เคลื่อนเข้ามาทรุดกายนั่งอยู่เบื้องหน้ากอดขาเขาเอาไว้แน่น
“สาไม่สนใจว่าคุณจะปกติหรือพิการไม่สนว่าคุณจะรวยจะจน สาสนแค่สารักคุณ สาขอโทษยกโทษให้สานะคะ”
“รับได้เหรอที่ฉันพิการ!!”
“สารับได้ค่ะ” ดวงหน้านวลหมองคล้ำเพราะคราบน้ำตาเงยหน้าขึ้นยืนยันถ้อยคำนั้นให้อัศวเมฆินทร์เห็นถึงความรักที่อัดแน่นอยู่ข้างในดวงตาคู่นี้ ทว่า… เขากลับเหยียดยิ้มมุมปาก
“กล้าพูดทั้งที่รู้เต็มอกว่าฉันมีคนรักใหม่แล้วอย่างนั้นเหรอ แถมคนรักใหม่ยังดูแลฉันเป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เผลอๆ อาจจะดูแลได้ดีกว่าเธอด้วยซ้ำ”
“สาก็ดูแลคุณเมฆได้…”
“เหรอ”
“ค่ะ สายืนยัน ให้โอกาสสาได้ดูแลคุณเมฆนะคะ”
แพขนตางอนชุ่มน้ำตาซบลงบนหัวเข่าเขาอีกครั้งอย่างรักใคร่อ้อนวอนขอเขาซะจนนึกสมเพชตัวเอง หากใครล่วงรู้เข้าหล่อนคงไม่มีหน้าจะออกไปพบเจอใครได้อีก แต่กระนั้นหล่อนก็ไม่ลังเลเลยที่จะวอนขออย่างนี้เพราะอยากได้ความรักจากอัศวเมฆินทร์กลับคืนมา กลับคืนมาสักนิดเพื่อหล่อเลี้ยงหัวใจดวงนี้
มุมปากอัศวเมฆินทร์หยักขึ้นเล็กน้อยยามหลุบสายตามองศีรษะของอดีตคนรัก ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์ขอร้องเขาจะใจร้ายปฏิเสธได้ยังไงล่ะ!
ทว่าจะตอบรับเฉยๆ ก็คงจะง่ายไปเขาจึงหมุนล้อวีลแชร์ให้ถอยหลังไปห่างออกจากหล่อนเล็กน้อย
ตาสองคู่จ้องมองกันเนิ่นนาน
“ตกลง ฉันจะให้เธอได้ดูแลฉัน แต่…”
คำนั้นคำเดียวยุติรอยยิ้มบนเรียวปากบอบบางได้เป็นอย่างดี มุมปากคมคายยิ้มเยาะเย้ยหนักไปอีก
“เธอต้องอยู่ในที่ของเธอห้ามก้าวก่ายลูกปัดเด็ดขาด เธอต้องดูแลเอาใจใส่ตามใจฉันทุกอย่างต้องอยู่ที่นี่ยี่สิบสี่ชั่วโมงจนกว่าฉันจะไล่ แล้วถ้าเธอไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็อย่าได้หวนกลับคืนมาอีกเพราะฉันจะไม่ยอมให้เธอได้เข้ามาเหยียบอาณาจักรเมฆินทร์อีกเป็นครั้งที่สอง!”
“แล้ว…” นัยน์ตาคู่หวานค่อนข้างฉายแววสับสนเมื่อต้องตกเป็นรองทุกสถานการณ์ “คุณเมฆจะให้สาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรคะ”
“...”
ไม่รู้จะตอบอะไรอัศวเมฆินทร์ยักไหล่ชิลล์ๆ ให้วารสาได้ตัดสินใจเองว่าจะตอบรับหรือจะออกไปจากที่นี่!
ให้ทายว่าหล่อนเลือกทางไหน?
ตั้งคำถามอะไรโง่ๆ แบบนั้นทั้งที่แน่นอนว่าหล่อนต้องตอบรับและหลายๆ คนต้องทายถูกอย่างไม่มีเงื่อนไข
หลังจากเข็นวีลแชร์ส่งอัศวเมฆินทร์เข้านอนแล้วหล่อนก็สะพายกระเป๋าเดินมาหาห้องนอน เลือกห้องรับแขกที่อยู่ถัดจากห้องนอนเขามาคนละโซนแล้วก็จัดการกับตัวเองอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แผลตามเนื้อตัวก็ทายาเองลวกๆ เพราะบางแผลก็ทาไม่ถึง แล้วไม่ต้องพูดถึงแผลตรงหน้าผากกับข้อเท้าที่พลิกเลย หล่อนเจ็บจนไม่กล้าแตะมันเลยด้วยซ้ำไป
วารสาถอนหายใจยาวหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาวิธีรักษาเบื้องแล้วทำตามไปหากไม่ดีขึ้นไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาหมอแล้วกัน
แผลกายจัดการเองหมดแล้วทีนี้ก็มารักษาความหิวโหยของตนเอง วารสาทำอาหารง่ายๆ กะเพรากุ้งกับข้าวสวยร้อนๆ กินประทังความหิว มันอร่อยใช้ได้กินเพลินหมดไปสองจานอิ่มแปล้จนต้องพิงเก้าอี้ลูบหน้าท้องอย่างมีความสุข ก่อนเข้านอนวารสาจัดการปิดบ้านอย่างดี ย้อนกลับไปในห้องนอนของอัศวเมฆินทร์เห็นเขาหลับไปแล้วก็หรี่แอร์ไม่ให้หนาวเกินไปเดินไปห่มผ้าให้ถึงหน้าอกกว้าง
“ฝันดีนะคะ”
กระซิบบอกแผ่วเบาจากนั้นจึงเดินย่องเบาออกมาจากห้องนอนให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่เพราะหล่อนเองก็อยากพักผ่อนเช่นเดียวกัน
คล้อยหลังไปไม่ทันไรเปลือกตาของคนที่วารสาคิดว่าหลับไปแล้วก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมถอนหายใจหนักแน่น สับสนในใจว่าตนเองกำลังทำอะไรกันแน่ถึงรั้งวารสาให้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
“แกมันบ้า ไอ้เมฆ!”