รถบัสเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยนวภา บนรถคือนักศึกษาของคณะบริหารธุรกิจที่แบ่งกลุ่มตามสายรหัสและสาขาวิชาแล้วเรียบร้อย ทางสาขาของปริมกับจินเลือกที่จะมารับน้องที่ชายหาดบางแสน และยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือการปล่อยเต่าลงสู่ทะเล
เสียงร้องเล่นบนรถบัสดังก้อง ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องปรบมือเข้ากับจังหวะ บางคนก็นอนหลับ บางคนก็ลุกขึ้นเต้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
จินนั่งอยู่เบาะเกือบหลังสุด สายตาคมมองดูพี่สาวคนสวยกำลังร้องเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ด้านหน้า ครู่หนึ่งที่เธอหันมา ทำให้สายตาสบกันพอดี มุมปากยิ้มยกเป็นรอยยิ้ม ส่วนเธอก็ส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ แล้วก็หันกลับไปสนุกกับเพื่อนต่อ
“ไอ้ปริม นี่จีบกันไปถึงไหนแล้ว” นรีที่ยืนเต้นอยู่ข้างกันอดที่จะถามไม่ได้ เพราะเห็นเพื่อนซี้กับรุ่นน้องรูปหล่อเอาแต่มองหน้ากันแล้วยิ้มอยู่นั่น
“จีบอะไรรี แกก็ถามอะไรแปลก ๆ”
“อย่ามาโกหก ฉันรู้นะว่าน้องมันตามจีบแกอยู่น่ะ”
ที่เพื่อนพูดมาไม่ผิดแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่ที่จินประกาศว่าจะจีบเธอ เขาก็ตามคอยไปรับไปส่ง ซื้อของมาฝาก มีช่อดอกไม้ให้ทุกอาทิตย์ วันหยุดก็ชวนไปกินข้าวดูหนังบ้าง ซึ่งปริมเองก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง หากเขาชวน ถ้าว่างตรงกันเธอก็ไป
“ก็เรื่อย ๆ น่ะ ไม่มีอะไรมากกว่าที่แกเห็นหรอก” เพราะการโดนแทนไทบอกเลิกทำให้แผลในหัวใจยังไม่แห้งสนิทดี ถึงแม้จะเริ่มชอบจินขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าเปิดใจยอมรับทั้งหมด กลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิม
“โห...ไอ้ปริม จะเล่นตัวทำไมยะ นี่แกไม่อยากเห็นไซส์ 62 ให้เป็นบุญตาหน่อยหรือไง”
“ทะลึ่งอีกแล้วนะแก”
ฝ่ามือฟาดลงบนต้นแขนเพื่อนเพียงเบา ๆ ส่วนนรีก็เอาแต่ทำหน้าทำตาหยอกล้อเธอไม่หยุด ใครจะไม่คิดล่ะ เธอคิดมาตลอดนั่นแหละว่าไอ้ไซส์ 62 มันจะขนาดไหน ถึงแม้จะเคยเห็นของแทนไทมาบ้าง แต่เขาบอกว่าไซส์ 59 เท่านั้น
ที่บอกว่าเคยเห็นก็ใช่ว่าจะเคยสอดใส่ กับแทนไทแค่เคยช่วยกันและกันให้เสร็จสมด้านนอกเท่านั้น พอถึงจุดที่เขาจสอดใส่เข้ามาจริง ๆ ก็เกิดกลัวจนไม่กล้าให้ทำ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอโดนทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
“เอ้า จู่ ๆ ก็นิ่ง ไอ้ปริม แกเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
เสียงของนรีที่พูดขึ้นทำให้ปริมได้สติกลับมา ใบหน้าสวยหันมองเพื่อนแล้วก็ส่งยิ้มให้
“เปล่าแก แค่คิดอะไรเพลิน ๆ”
“จินตนาการถึง 62 อยู่เหรอจ๊ะ”
ฝ่ามือเล็กตีลงบนต้นแขนเพื่อนอีกครั้งอย่างไม่จริงจังนัก เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีนี่แหละ ทำให้แม้แต่ความคิดในใจก็รู้ทันไปหมด
รถบัสแล่นมาตามทางเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาจอดด้านของศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ที่อำเภอสัตหีบ กิจกรรมของวันนี้คือการปล่อยเต่า หลังจากนั้นทั้งหมดจะไปพักค้างคืนที่โรงแรมใกล้หาดบางแสน 2 คืน 3 วัน
“ทุกคนจับกลุ่มตามสายรหัสนะ มีแค่ไหนก็แค่นั้น จะได้ทำกิจกรรมได้สะดวก” รุ่นพี่ปีสี่คนสวยประกาศใส่โทรโข่งเพื่อแจ้งรายละเอียดให้ทุกคนทราบ ได้ยินแบบนั้นจินก็เดินมาหาปริมที่ยืนอยู่ไม่ไกลทันที
“เบื่อคนสวยว่ะ มีเด็กมาติดด้วย” นรีพูดแซวขึ้นก่อนที่จะเดินไปยังกลุ่มรหัสของตัวเอง
สายรหัสของปริมกับจินนั้น ทั้งปีสองและปีสี่ต่างซิ่วไปเรียนที่อื่นแล้ว ทำให้ตอนนี้มีเพียงพวกเขาสองคน
“ดีจัง ได้อยู่กับพี่ปริมสองคน” สีหน้าและแววตาของเขาไม่ปกปิดความดีใจเอาไว้เลยสักนิด
“ทำไมถึงดีใจ”
“ก็ผมจะได้มีเวลาอยู่กับพี่มากขึ้นไงครับ”
จริงอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ ส่วนมากกิจจกรรมทุกอย่างจะแบ่งกลุ่มทำตามสายรหัสอยู่แล้ว ก็เท่ากับว่าตลอดเวลาที่มารับน้อง เขาและเธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดเวลา ยกเว้นตอนเข้าห้องน้ำกับตอนนอน
เจ้าหน้าที่ของศูนย์พานักศึกษาทั้งหมดไปชมเต่าทะเลหลากหลายสายพันธุ์ อธิบายถึงการอนุรักษ์เต่าทะเล และกิจกรรมต่างๆ ของศูนย์
“วันนี้เราจะได้ปล่อยเต่าทะเลตัวเล็ก ๆ พวกนี้ลงสู่ทะเลกันนะครับ” เจ้าหน้าที่เอ่ยบอกอีกครั้ง จากนั้นนักศึกษาทั้งหมดก็จัดเตรียมอุปกรณ์และเตรียมตัวให้พร้อม
ทั้งหมดเดินลงไปที่ชายหาด
“เจ้าตัวเล็ก ขอให้เติบโตเป็นเต่าที่แข็งแรงนะ” ปริมเอ่ยพูดกับลูกเต่าที่กำลังเดินลงไปในทะเล ดูน่ารักน่าเอ็นดู
“จิน ถ่ายรูปให้พี่หน่อยสิ”
“ได้ครับ ใช้โทรศัพท์ผมนะ”
ปริมพยักหน้า แล้วก็ไปยืนโพสท่ารอให้เขาถ่ายรูปให้ สายตาคมที่มองดูร่างเล็กผ่านหน้าจอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอดูสดใสไม่แพ้ดวงอาทิตย์และท้องฟ้าสีครามเลย
หลังจากกิจกรรมที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลเสร็จสิ้นแล้ว รถบัสก็พานักศึกษาทั้งหมดมายังชายหาดบางแสน ทุกคนขนของลงจากรถแล้วมารวมตัวกันด้านหน้าโรงแรม เพื่อรอรุ่นพี่ประกาศแจ้งกิจกรรมวันนี้อีกครั้ง
“ทุกคนเข้าพักผ่อนตามห้องของตัวเองได้เลยนะคะ ช่วงบ่ายไม่มีกิจกรรมอะไรแล้ว เราจะมีเล่นรอบกองไฟหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ”
เมื่อทุกคนรับทราบกันดี ก็ขนกระเป๋าสัมภาระของตัวเองเพื่อที่จะขึ้นไปบนห้องพัก แน่นอนว่าปริมต้องพักกับนรี
“พี่ปริม ผมช่วยถือครับ” จินรีบอาสาช่วยถือกระเป๋าให้ ทำให้อีกคนที่ยืนอยู่มองด้วยความหมั่นไส้
“คลั่งรักเหลือเกินนะจ๊ะน้องจิน ไม่ถือให้พี่บ้างล่ะ หนักเหมือนกันน่ะเนี่ย”
จินหันมามองนรีที่ยืนอยู่ข้างปริมลดา ใบหน้าหล่อระบายด้วยรอยยิ้มกว้าง
“มือเต็มพอดีเลยครับพี่รี ขอโทษด้วยนะครับ”
“จ้า...ใช่ซี้ พี่มันไม่ใช่พี่สาวคนสวยของนายหนิ”
เสียงแหลมที่ดังออกมาประชดอย่างไม่จริงจังทำเอาปริมแทบจะกลั้นหัวเราะเพื่อนตัวเองเอาไว้ไม่ไหว
“อะไรของแกเนี่ยรี”
“อะไร อิจฉาไม่ได้หรือไงยะ”
“จะมาอิจฉาอะไร ตัวเองก็มีแฟน”
จินช่วยเธอหิ้วกระเป๋าขึ้นมาส่งหน้าห้อง นรีขอตัวเข้าห้องไปก่อน ปล่อยให้สองคนยืนทำตาหวานเยิ้มใส่กันให้พอใจ
“พี่ปริม เลิกรอบกองไฟแล้ว ไปเดินเล่นกันนะครับ” วันนี้อุตส่าห์ได้มาทะเล เขาอยากจะถือโอกาสนี้จีบเธออีกหน่อย เผื่อว่า อาจจะได้ตกลงเป็นแฟนกันก็ได้
“เอาสิ ดึก ๆ ลมน่าจะเย็นสบายดี” เธอเองก็ไม่ปฏิเสธ ไหน ๆ น้องมันก็จีบขนาดนี้แล้ว เปิดโอกาสให้หน่อยก็คงไม่เป็นไร
หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ทั้งหมดก็มารวมตัวกันอยู่ตรงชายหาด กิจกรรมรอบกองไฟเริ่มขึ้น มีการร้องเพลง เล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน เครื่องดื่มมึนเมาก็มีบ้างตามประสาวัยรุ่น
จินนั่งอยู่ข้างปริม ดวงตาคู่สวยมองตรงไปด้านหน้าที่กลุ่มอื่น ๆ กำลังทำการแสดงอยู่ ส่วนเขา เอาแต่จับจ้องอยู่ที่เธอแทบไม่ละสายตาไปไหน มันเป็นความรักที่เพิ่มมากขึ้นจากเมื่อสามปีที่แล้วมาก จากชอบแบบเด็ก ๆ กลายมาเป็นความรักแบบหนุ่มสาว จนตอนนี้อยากจะใช้ชีวิตกับเธอไปตลอด
เขาเอาแต่มองเธออยู่แบบนั้นจนกิจกรรมรอบกองไฟตรงหน้าจบลง
“จิน”
“คะ ครับ”
ได้ยินเสียงหวานเอ่ยเรียกสติถึงได้คืนกลับมา เมื่อมองดูรอบ ๆ ก็เห็นว่าทุกคนกำลังทยอยกลับขึ้นไปบนห้องแล้ว
“จะไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ ไปกันได้ยัง”
“ครับ ไปตอนนี้เลยครับ”
เมื่อเธอถามเขาก็รีบตอบรับทันที ปริมบอกนรีเอาไว้แล้วว่าจะไปเดินเล่นกับจิน ทำให้เพื่อนซี้รีบขึ้นห้องไปก่อน ปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับหนุ่มรุ่นน้องได้เต็มที่
เสียงน้ำทะเลซัดสาดเข้ากระทบฝั่งดังอยู่ตลอดเวลา ท้องฟ้าคืนนี้ไร้ดวงจันทร์แต่เต็มไปด้วงแสงดาวมากมายที่ประดับประดาอยู่บนท้องฟ้า
เธอกับเขาเดินเคียงคู่กันเลียบชายหาด จนมาจุดที่ไม่มีคน จินทิ้งตัวลงนั่ง แล้วพยักหน้าให้อีกฝ่ายนั่งลงตาม
“ไหนบอกจะมาเดินเล่น ทำไมชวนนั่งแล้วล่ะ” ปริมเอ่ยถาม แต่ก็ยอมนั่งลงข้างเขาแต่โดยดี
“เดินนาน ๆ ก็เหนื่อย นั่งมองดาวก็ไม่เลวนะครับ”
“โรแมนติกเหมือนกันนะเราน่ะ”
เธอพูดออกมาทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่บนท้องฟ้า แสงของดวงดาวพวกนี้สวยมากจริง ๆ มองนาน ๆ ก็ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายได้ดีเหมือนกัน
“พี่ปริมสบายใจขึ้นหรือยังครับ” พอได้ยินคำถาม ใบหน้ามนก็หันกลับมามองที่เขา
“เรื่องอะไรเหรอ” ปริมถามขึ้น เพราะไม่รู้คนข้างกายหมายความถึงเรื่องอะไรกันแน่
“ก็เรื่องที่พี่เลิกกับแฟน”
“เรื่องนั้นเหรอ เลิกคิดไปนานแล้วล่ะ” เธอตอบออกมาตามตรง จะเอาเวลาไหนไปคิดถึงไอ้แฟนเก่าเฮงซวยนั่น เพราะในทุก ๆ วันมีเขาตามติดเป็นเงาอยู่แบบนี้
“ถ้าอย่างนั้น เป็นแฟนผมได้มั้ยครับ” คำถามตรง ๆ ของจินทำให้เธอหันกลับมามองเขาอีกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยมีความไม่แน่ใจอยู่เล็กน้อย
“ผมสัญญาว่าจะไม่เป็นเหมือนผู้ชายคนนั้นแน่นอน”
“ไม่ต้องสัญญาหรอก เพราะหากจินทำไม่ได้ เดี๋ยวพี่ก็ต้องมานั่งร้องไห้อีก ไม่อยากเจ็บแบบเดิมแล้ว” เพราะก่อนหน้า แทนไทก็สัญญากับเธอว่าจะไม่ทำให้เสียใจ แล้วยังไงล่ะ ร้องไห้เหมือนหมาโดนทิ้งเลย
“พี่จะไม่รับรักผมเหรอครับ” ทั้งใบหน้าและสายตาของเขามันเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด โอ้ย..นาทีนี้ใครเห็นแล้วยังปฏิเสธลงก็บ้าแล้ว
“พี่ยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าพี่ตกลง”
ไร้เสียงตอบกลับ มีเพียงใบหน้าสวยที่พยักขึ้นลงแทนคำตอบ เห็นแบบนั้นจินก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เขาเป็นคนที่ปกปิดความรู้สึกไม่เก่งเอาเสียเลย
“ผมขอจูบพี่ได้ไหม”
หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักเมื่อได้ยินคำถามนั้น แต่สมองดันไม่ไวเท่าร่างกาย เมื่อตอนนี้ศีรษะเล็กขยับหงึกหงักขึ้นลงเป็นการบอกว่าตกลงไปแล้วเรียบร้อย
ใบหน้าคมค่อย ๆ โน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากของเขาประทับจูบลงมาแผ่วเบา ละเมียดละไมราวกับต้องการให้เธอได้ชิมรสชาติแสนหวานนี้อย่างล้ำลึก แต่มันก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น
ฝ่ามือหนาดันท้ายทอยของเธอเข้ามา ทำให้ริมฝีปากแนบชิดสนิทกันยิ่งกว่าเดิม จากจูบนุ่มนวลในตอนแรกกลายเป็นดุดันในเวลาเพียงเสี้ยวนาที
ลิ้นชื้นเขี่ยดุนกลีบปากสีชมพูให้เปิดออกเพื่อตัวเขาจะได้แทรกเรียวลิ้นเข้ามาข้างใน ซึ่งเธอก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ปลายลิ้นสัมผัสกันและกัน เกี่ยวกระหวัดอย่างไม่ยอมแพ้
รสจูบของเขามันหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะช่วงชิงลมหายใจไปจากกัน น้ำลายสีใสแลกเปลี่ยนอยู่ในโพรงปากนุ่มจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะ ฝ่ามือร้อนที่ดันอยู่ตรงท้ายทอยไล้ลงต่ำเรื่อย ๆ บีบเคล้นเนื้อเนียนผ่านเสื้อผ้า อารมณ์ทั้งของเขาและเธอเตลิดจนเกินจะควบคุมแล้วในตอนนี้
“ไปต่อห้องผมนะครับ”
///////////////////////////////////////////////////////