“ผลนี้หรือ” นางเอ่ยถาม
เซียนน้อยพยักหน้า ดวงตากลมโตสุกสกาววาววับด้วยความสนใจ ซึ่งเป็นเพราะตั้งแต่เกิดมาจากครรภ์มารดา เซียนน้อยยังไม่เคยพบเห็นผลท้อสีทองในเทวโลกมาก่อน
เลี่ยงหรงเห็นดวงตาของเซียนน้อยเต็มไปด้วยความสนใจ จึงเอ่ยถามด้วยความใจดี
“เจ้าอยากกินหรือ”
เซียนน้อยพยักหน้ารัวเร็วอีกครั้ง คราวนี้กลิ่นหอมหวนของมันช่างเย้ายวนจนน้ำลายสอ
เลี่ยงหรงยิ้มอย่างเอ็นดู ทว่ามีบางอย่างที่นางเอะใจ นางเป็นเพียงเซียนประจำต้นไม้ เหตุใดจึงเรียกนางว่าท่านเทพ
นางแบมือและเสกผลท้อทองคำออกมาอีกลูก จากนั้นยื่นให้เซียนน้อยอย่างใจดี
เซียนน้อยรับมาแล้วโค้งคำนับอย่างดีใจ
“ขอบคุณท่านเทพขอรับ ข้าเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก เจ้าสิ่งนี้เรียกว่าอันใดหรือขอรับ รูปร่างเหมือนผลท้อ แต่กลิ่นเหมือนน้ำผึ้ง สีก็เหมือนทองคำ!” คำถามด้วยความใคร่รู้ถูกส่งออกมาจากปากเล็กๆ รัวเร็ว ดวงตาสีนิลเป็นประกายยามจ้องมองผลท้อทองคำที่อยู่ในมือ
เลี่ยงหรงหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู จากนั้นเอามือตบที่นั่งข้างๆ
“มานั่งข้างๆ ข้าสิ แต่ข้าจะตอบคำถามของเจ้า หลังจากที่เจ้าตอบคำถามข้า”
เซียนน้อยรีบมานั่งแต่โดยดี ทั้งที่เคยถูกสั่งสอนว่าห้ามคุยหรือรับของจากผู้อื่น โดยเฉพาะจากเทพชั้นสูงที่มารดาเคยกล่าวเตือนว่ามีแต่ความเย็นชาและเย่อหยิ่ง แต่ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนจากเทพชั้นสูงผู้นี้ จนอยากเข้าใกล้และอยู่ด้วยนานๆ
“ได้ขอรับท่านเทพ”
เลี่ยงหรงยิ้มบางๆ
“เช่นนั้นควรบอกข้าก่อนว่าเจ้ามีนามว่าอันใด”
แก้มขาวของเซียนน้อยแดงปลั่ง หลังจากรู้ตัวว่าเสียมารยาทต่อท่านเทพแล้ว
“ข้า ข้าน้อยมีนามว่าซือซิง เป็นเซียนชั้นต้นขอรับ ขอท่านเทพโปรดให้อภัยที่ข้าเสียมารยาท” ซือซิงกลัวถูกลงโทษจนถึงขนาดต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ ทว่าหลังจากถูกฝ่ามือเรียวบางแต่อบอุ่นของท่านเทพผู้นี้สัมผัส ก็รู้สึกผ่อนคลายลงทันที
“นามของเจ้าน่ารักน่าเอ็นดูมาก”
“ข้าขอถามนาม...นามของท่าน ได้หรือไม่ขอรับ” เซียนน้อยช้อนสายตามองอย่างเป็นกังวล กลัวว่าเขาจะล่วงเกิน
เลี่ยงหรงยิ้มกว้างจนตาหยี ซือซิงน่ารักน่าเอ็นดูจนนางอยากจะพาไปเที่ยวเล่นชมสัตว์อสูรในป่าศักดิ์สิทธิ์สักสองรอบเลยทีเดียว
ชักเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพญามารว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบเจอความน่ารักของนางเอกเสียแล้วสิ
“ได้แน่นอน นามของข้าคือเลี่ยงหรง แต่เหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าว่าท่านเทพ ข้าเป็นเพียงเซียนชั้นต้นเช่นเจ้า มิใช่ท่านเทพสักหน่อย” เลี่ยงหรงตอบพลางกัดกินเนื้อหวานของผลท้อทองคำในมืออย่างเอร็ดอร่อย
ซือซิงเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เลี่ยงหรงคือเทพชั้นสูงอย่างแน่นอน เหตุใดนางจึงคิดว่าตัวเองเป็นเพียงเซียนชั้นต้น
“ท่านเทพเลี่ยงหรง ท่านคือท่านเทพชั้นสูงนะขอรับ ปราณเทพของท่านบริสุทธิ์มากอย่างที่ท่านครูเคยสอน ข้าเองก็เพิ่งเคยพบเจอเทพชั้นสูงที่มีปราณเทพบริสุทธิ์เช่นนี้ ท่านมิได้อาศัยอยู่บนเทวโลกหรอกหรือขอรับ”
เลี่ยงหรงเลิกคิ้ว จากนั้นหลบตาแล้วแสร้งมองไปทางงานเลี้ยงบุปผาแทน
“ข้ามิได้อาศัยอยู่ที่นี่ ข้าเพิ่งตื่นจากห้วงฝัน” นางตอบเสียงแผ่วเบา จากนั้นก้มมองดูฝ่ามือของตัวเองอย่างสงสัย
นี่นางคือเทพชั้นสูงอย่างนั้นหรือ พลังปราณของนางบริสุทธิ์ขนาดนั้นเชียว ไม่รู้มาก่อนเลยทั้งที่ตอนเกิดมาก็อยู่ในต้นท้อทองคำเพียงลำพัง ซ้ำยังใช้ชีวิตอย่างสันโดษมานับหมื่นปี นางรู้เพียงแค่เขานั้นแตกต่างจากเผ่ามาร และมิใช่ภูตหรือสัตว์อสูร มิเช่นนั้นนางคงจะก้าวผ่านประตูลับมามิได้
ต่อให้นางเป็นถึงเทพชั้นสูงจริงๆ แต่ก็คงจะเป็นเทพไร้ประโยชน์ในนิยาย การไม่ถูกกล่าวถึงก็พอจะทำให้นางรู้ว่าตัวเองนั้นไรตัวเขาที่สุดในบรรดาเทพชั้นสูงของเทวโลก
ซือซิงมองท่านเทพผู้ใจดีด้วยท่าทางสงสัย จากนั้นแทะกินผลท้อทองคำในมืออย่างห้ามใจไม่ได้ เนื่องจากกลิ่นหอมหวนนี้เย้ายวนใจมากเกินไป หากท่านอาจารย์รู้ว่าเขาไม่มีความอดทนต่อสิ่งเย้ายวน คงถูกลงโทษให้ไปคัดพระสูตรจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นแน่
ทว่าหลังจากกัดคำแรกไปเพียงไม่กี่อึดใจ เนื้อผลไม้ก็ถูกแทะจนเหลือเพียงแค่เมล็ดในชั่วพริบตาเสียแล้ว
“อร่อยมากๆ เลยขอรับท่านเทพ ตั้งแต่เกิดมาสามร้อยปี ข้าเพิ่งเคยกินผลไม้ที่อร่อยเช่นนี้เป็นครั้งแรก!” ซือซิงเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น จากนั้นมองเมล็ดในมือที่ค่อยๆ จางหายไป จึงเงยหน้ามองท่านเทพด้วยความอัศจรรย์ใจยิ่ง
เลี่ยงหรงคลี่ยิ้มเอ็นดู วันนี้รู้สึกเหมือนว่านางจะยิ้มมากเกินไปจนแก้มแทบเป็นตะคริวเลยทีเดียว เป็นเพราะซือซิงน่ารักเกินไปต่างหาก จึงถือเป็นข้อละเว้น
“ผลไม้นี้เรียกว่าผลท้อสวรรค์ทองคำ คงหาได้ไม่ยากในแดนเทวโลก” เสียงหวานกล่าว จากนั้นเสกผลท้อทองคำออกมาอีกหนึ่งลูกแล้วยื่นให้ซือซิง
ซือซิงตาเป็นประกายเมื่อได้เห็นผลท้อทองคำอีกลูก เนื่องจากติดใจในรสชาติของมัน
“ท่านเทพให้ข้าหรือขอรับ”
เลี่ยงหรงพยักหน้า เมื่อซือซิงรับไปแล้ว นางจึงลูบศีรษะเล็กๆ ด้วยความเอ็นดู
“ข้าให้เจ้าเป็นของขวัญ เพราะเจ้าเป็นสหายคนแรกของข้า”
ซือซิงยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ถ้าเช่นนั้นข้ามาพบท่านบ่อยๆ ได้หรือไม่!”
ใบหน้าของเลี่ยงหรงเจื่อนลงทันทีหลังจากได้รับความคาดหวังจากเด็กน้อย เพียงแต่นางไม่สามารถตอบรับความหวังนั้นได้ เนื่องจากนางไม่คิดจะอาศัยอยู่บนเทวโลก เป้าหมายหลังจากนี้มีเพียงสิ่งเดียวคือหลบหนีจากเรื่องราววุ่นวาย และใช้ชีวิตอย่างปุถุชนจนสิ้นอายุขัยเพียงเท่านั้น
เลี่ยงหรงกล้ำกลืนตอบกลับ แต่กระนั้นก็มิได้ให้คำมั่นสัญญาแต่อย่างใด
“หากมีวาสนาต่อกัน ก็หวังว่าจะได้พบกันอีก”