ส่วนเจ้าของเรือนร่างผอมบาง เอวคอดกิ่วแม้ใส่แค่เสื้อยืดกับยางเกงยีนส์ขายาว ก็ไม่อาจจะปกปิดหุ้นอรชรอ้อนแอ้นเอาไว้ได้นั้น ก็กำลังถือจานข้าวราดด้วยกับเหลือๆ สองจาน
ผลไม้เหลือแขกกับน้ำเปล่า เดินตรงไปยังสนามหลังบ้าน มีแม่นั่งอยู่บนตั่ง ท่ามกลางกองถ้วยชามสูงแทบจะท่วมหัว
“แม่จ๋า! มากินข้าวกินจ้ะ เดี๋ยวค่อยไปทำ”
ถาดในมือถูกวางไว้บนตัก เมื่อหญิงสาวนั่งลงตั่งข้างๆ แม่ มือนั้นก็ตักข้าวมื้อที่สองของวันเข้าปากด้วยความหิว เพราะตั้งแต่เช้า สองแม่ลูกก็ถูกให้มาช่วยงานแล้ว หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือ ถูกใช้ให้มาเตรียมเครื่องแกงตั้งแต่เมื่อคืนด้วยซ้ำ
“กินไปก่อนเถอะลูก แม่จะรีบทำให้เสร็จแล้วถึงจะยกไปกินบ้านเรา”
ปรียาที่ออกอาการล้าเต็มทีหันไปบอกลูกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใจนั้นอยากทำงานให้เสร็จจะได้ไปพักสักที
“แม่จ๋า! ไม่ต้องรีบหรอก มากินก่อน ยิ่งเรารีบล้างให้เสร็จ พวกนั้นก็จะมีงานอื่นมาให้ทำเพิ่มอีกอยู่ดี สู้เราทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หิวก็กินแบบนี้ดีกว่า นะแม่นะ เดี๋ยวแม่เป็นลม เดียร์จะอุ้มไปบ้านไม่ไหวนะจ๊ะ มากินก่อนเร็ว ดูสิ! มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้นเลย”
ปรียาเห็นท่าคะยั้นคะยอของลูกก็อดยิ้มไม่ได้ ตานั้นจ้องมองอาหารที่ว่าอร่อยของลูกแล้วก็ถอดถอนใจ ด้วยรู้ดีว่าล้วนแล้วแต่เป็นของเหลือแขกและคนใช้ในบ้านทั้งนั้น แต่อีกใจก็เห็นด้วยกับคำของลูก เลยล้างมือแล้วรับจานจากลูกมาตักข้าวมื้อที่สองเข้าปากเช่นกัน
“นี่ๆ มัวแต่อ้อยอิ่งกินอยู่นั่นล่ะ เมื่อไหร่จะเสร็จยะ”
กินไปได้แค่ครึ่งจาน แม่บ้านร่างอวบอ้วนกับเด็กรับใช้อีกสองคน ก็ช่วยกันหามหม้อ ถาด และอะไรอีกมากมายมากองเพิ่มอีก สองแม่ลูกไม่ว่าอะไร ยังคงตักอาหารเข้าปากแค่นั้น
“พวกฉันน่ะ! เก็บกวาดข้างนอกจนจะเสร็จหมดแล้ว พวกแกสองคนยังล้างไม่ถึงไหนเลย บอกไว้ก่อนนะว่า ถ้างานฉันเสร็จแล้ว จ้างให้ฉันก็ไม่มีช่วย อยากอ้อยอิ่งล้างไปจนถึงเช้าก็ตามใจ ปะพวกเรา”
ปริยกรมองตามบั้นท้ายเท่ากะละมังของแม่บ้าน มีเด็กรับใช้เดินตามไปสองคนแล้วก็ถอนหายใจ ถ้าไม่ติดว่ากลัวแม่จะรู้ที่มาของเงิน ก็อยากจะชวนไปอยู่ที่อื่นให้รู้แล้วรู้รอดไป
“แม่จ๋า! อิ่มแล้วเหรอจ๊ะ”
คนเป็นแม่พยักหน้าน้อยๆ ให้ แล้วหันไปหางาน พลอยทำให้ลูกสาวก็อิ่มไปด้วย อาหารในจานถูกเทใส่ถังขยะ แล้วกลับไปทรุดกายลงนั่งข้างแม่ รับจานที่แม่ล้างด้วยน้ำยามาล้างน้ำเปล่า แล้วก็กองๆ ไว้ เพื่อล้างน้ำเปล่าอีกทอด
“เฮ้อ! กองเท่าภูเขาเหล่ากอขนาดนี้ ถึงเช้าจะเสร็จกันมั้ยล่ะสองแม่ลูก”
“ป้ามี!”
สองแม่ลูกหันไปหาเจ้าของเสียงแทบจะพร้อมกัน ก็เห็นเดินมาพร้อมตั่งพลาสติกติดมือมาด้วย
“ป้ามียังไม่นอนเหรอจ๊ะ” ปริยกรเอ่ยถามเสียงใส แม้จะเหนื่อยแต่ก็ยังยิ้มได้
“จะนอนได้ยังไงล่ะ ก็ห่วงเรากับแม่น่ะสิ เยอะแยะขนาดนี้เมื่อไหร่จะเสร็จ มาๆ ส่งมานี่”
ว่าแล้วมีก็วางตั่งลงตรงข้างกะละมังน้ำ เอาถ้วยที่กองไว้มาล้างน้ำเปล่าเป็นทอดที่สองให้ เสร็จแล้วก็เอาคว่ำในหลัวพลาสติก สองแม่ลูกหันไปยิ้มให้กันด้วยความดีใจ ที่ไม่ว่าจะมีงานเลี้ยงครั้งใด มีก็จะมาช่วยล้างชามแบบนี้เสมอ ทำให้ชื้นใจขึ้นมาได้บ้างว่างานล้างคงจะเสร็จเร็ว
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เที่ยงคืนครึ่ง ทั้งสามถึงเสร็จงานล้าง และช่วยกันยกหลัวหนักๆ พักไว้บนแคร่ไม้ แล้วเดินกลับบ้านพักด้วยความเหนื่อยอ่อน คนงานอื่นต่างหลับหรือไม่ก็ได้นั่งคุยกันอยู่หน้าห้องพักนานแล้ว ทั้งสามไม่สนใจได้แต่เดินกลับเงียบๆ เท่านั้น
‘Pal: ออกมาหาผมได้มั้ย รออยู่ซอยข้างบ้านแล้ว จะออกตอนไหนไลน์มาบอก ผมจะกระพริบไฟใส่ เร็วนิดหนึ่งนะ ผมไม่ค่อยสบาย’
พอเข้าบ้านมาก็มีไลน์จากเขา ปริยกรไม่รู้จะทำยังไงเพราะกะทันหันเกิน จะปฏิเสธก็กลัวเขาจะเป็นอะไรมาก ในใจก็สงสัยไม่น้อยว่าเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ในเมื่อตอนเห็นในงานยังดูดีไร้ที่ติอยู่
“ใครส่งอะไรมาเหรอลูก”
ปรียาได้ยินเสียงไลน์เลยหันมาถาม ขณะกำลังคว้าผ้าเช็ดตัวจะเข้าไปอาบน้ำ ลูกไม่รู้จะตอบยังไง เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว
“เอ่อ! มลไลน์มาบอกว่าไม่สบายจ้ะแม่ หาคนไปส่งโรงพยาบาลอยู่ เดียร์ไปดูได้มั้ยจ๊ะ”
“แล้วจะไปยังไงล่ะลูก ดึกดื่นป่านนี้แล้ว”
“เพื่อนอีกคนจะเอารถมารับจ้ะ ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร เดียร์ขอไปดูเพื่อนนะจ๊ะ แล้วพรุ่งนี้เดียร์จะรีบกลับมาหาแม่จ้ะ”
“ไม่ว่าหรอก แต่จะให้แม่เดินไปส่งหน้าบ้านมั้ยลูก ทางมันเปลี่ยวออก”
“เพื่อนจะเอารถมารอรับตรงซอยข้างๆ นี่ล่ะจ้ะแม่ งั้นเดียร์ไปนะจ๊ะ”
“ระวังตัวด้วยนะลูก มีอะไรก็โทรมาบอกแม่ด้วย”
“จ้ะ”
มือบางยกไหว้แม่ แล้วรีบตรงไปคว้าเอากระเป๋าใบเก่งใส่บ่า รีบเดินออกไป ราวกับกลัวแม่จะตามไปแอบดูก็ไม่ปาน พอพ้นประตูเล็กๆ ตรงหลังบ้านได้ ก็วิ่งอย่างรวดเร็ว มือก็กดเบอร์โทรหาเขาแทนการส่งไลน์
พอเห็นเขากระพริบไฟก็รีบวิ่งไปหา เพราะหนึ่งคือกลัวคนเห็น กับสอง ซอยนั้นเปลี่ยว อดกลัวไม่น้อย
“คุณจะไปหาหมอมั้ยคะ”
หลังยกมือไหว้เขาแล้ว ก็ถามทันที ตาก็มองด้วยท่าทีเป็นห่วงเป็นใย แม้ไม่รู้ว่าตัวเองจะช่วยอะไรก็ตาม
“ไม่ล่ะ ไปคอนโดก่อน”
ปริยกรไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เมื่อเขาบอกแบบนั้น ส่วนเขาก็ถอยรถออกเพราะซอยแคบกลับไม่ได้ และทันทีที่รถแล่นออกถนนใหญ่ได้ มือบางที่วางอยู่กับต้นขา ก็ถูกเขาเอื้อมไปกุมไว้
“เหนื่อยมั้ย”
น้ำเสียงของเขานั้นนุ่ม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงหาอาทรในความรู้สึกเจ้าของมือ เลยไม่เอ่ยอะไร นอกจากหันไปมองเขาแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมา แล้วซึมซับเอาความอบอุ่นจากอุ้งมือของเขาโดยไม่เคยอะไรอีกเลย