“ปล่อยได้ยังไงกันค่ะ จะแต่งงานอยู่ไม่กี่วันแล้วยังทำตัวเหลวไหลอยู่ได้ แล้วจัดงานแต่งนี่ เนตรก็เห็นแต่หนูแอลลี่ทำคนเดียวไปแทบทุกอย่าง ดีที่มีเนตรกับคุณณาคอยช่วย ไม่งั้นป่านนี้หนูแอลลี่ลมจับไปล้วแล่ะค่ะ หรือว่าพี่เราไปแอบหมกใครไว้ที่คอนโดกันตาปลาย แล้วรู้มั้ยว่าคอนโดพี่เราอยู่ที่ไหน พาแม่ไปดูทีซิ”
“อุย!!! พี่ปาลออกจะปิดขนาดนั้น ผมจะรู้ได้ยังไงล่ะครับแม่ก็ ปล่อยๆ ไปก่อนเหมือนที่พ่อว่าดีกว่าครับ พอแต่งงานเดี๋ยวพี่ปาลก็เปลี่ยนวิถีชีวิตเองนั่นล่ะครับ ตอนนี้ยังไม่แต่งก็คงอยากจะใช้ชีวิตโสดให้คุ้มๆ ไปก่อนน่ะครับ”
แม้ปลายจะรู้ดีว่าคอนโดพี่อยู่ตรงไหน แถมยังรู้ลึกไปอีกว่า พี่กำลังเลี้ยงหญิงคนใดคนหนึ่งไว้ แต่นั่นเป็นความลับระหว่างพี่น้อง จะให้ใครรู้ไม่ได้
“กลัวจะไปใช้ความโสดจนได้เจ้าตัวเล็กๆ มาฝากก่อนแต่งน่ะสิ”
เนตรนิตย์รู้ดีว่าลูกชายไม่มีทางทำแบบนั้น แต่ก็อดบ่นไม่ได้ ทำเอาเปรมหันมองอีกรอบ
“ไม่หรอกน่าเนตร ดูผมเป็นตัวอย่างสิ ผมเป็นยังไงลูกก็ต้องเป็นแบบนั้นล่ะ เขาเรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว จริงมั้ยเจ้าปลาย”
“ครับ”
ลูกชายกลางหน้าเจื่อนเล็กน้อย รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ในก็ภาวนาให้พี่รีบกลับมา จะได้ไม่ทำให้แม่อารมณ์เสียมากไปกว่านี้ แล้วจะลามมาไล่เลียงถึงแฟนสาวของเขา ที่แม่เคยคะยั้นคะยออยากจะให้พามาเปิดตัวเมื่อนานมาแล้ว
ส่วนพี่ชายกำลังเปลี่ยนจากรถญี่ปุ่นไปขับเมอร์เซเดรสเบนซ์ ที่เอกภพขับมาส่งให้ตรงปากซอยนั้น ก็รีบขับรถเข้าบ้านทันที เพราะกลัวจะไม่ทันนัดคู่หมั้น พอออกจากรถได้เขาก็รีบตรงไปยังห้องอาหาร เพราะรู้ว่าคนในบ้านจะต้องอยู่กันครบ
“พี่ปาลมาแล้วครับแม่”
“อ้าว! มาแล้วเหรอพ่อตัวดี ไปอยู่ที่ไหนมา ไหนว่านัดหนูแอลลี่ไว้ไงล่ะ ทำไมมาช้านัก”
“ไม่ช้านะครับแม่ ผมนัดเก้าโมง นี่เพิ่งแปดครึ่งเองนะครับ ป้าต้อยครับขอกาแฟแก่ๆ ก่อนเลยครับ เมื่อคืนกว่าจะออกจากออฟฟิศตั้งเที่ยงคืนแน่ะ ยังง่วงไม่หายเลย”
ลูกชายคนโตเฉไฉไปเรื่องอื่น ไม่ยอมเปิดโอกาสให้แม่ซัก
“แล้วเสร็จหรือยังล่ะงานที่พ่อให้ทำน่ะ”
เปรมรู้ดีว่าลูกโกหก เลยรีบช่วยเอาไว้ กลัวจะถูกแม่ซักจนพรุนก่อนได้แต่งงาน
“เกือบแล้วครับพ่อ เดี๋ยวเย็นนี้จะรีบกลับไปทำต่อให้เสร็จครับ”
ลูกชายดีใจที่พ่อเล่นด้วย เลยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นก็ยกแก้วขึ้นจิบ
“นี่พี่เปรมให้ลูกทำอะไรนักหนาคะ จะแต่งงานแล้ว ให้เวลาลูกมาจัดงานบ้าง อีกหน่อยก็ต้องพาหนูแอลลี่ตระเวนแจกการ์ด เดี๋ยวลูกได้ตายก่อนจะมีเมียหรอก ไหนบอกว่าอยากอุ้มหลานไวๆ ไงล่ะคะ ถ้าตาปาลเป็นอะไรไป เนตรจะเล่นงานพี่เปรมเป็นคนแรก”
“อ้าว! เป็นงั้นไปอีก เฮ้อ!!!”
“มีอะไรกินบ้างครับป้าต้อย หิวจังเลย”
ปาลเห็นทางรอดอยู่รำไร เลยรีบหันไปหาแม่ครัวร่างผอมแล้วเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แม้อาหารจะวางอยู่ตรงหน้าแต่ก็อยากชวนคุยมากกว่า
“คุณปาลจะเอายำไข่เยี่ยวม้ามั้ยล่ะคะ เห็นมาครั้งก่อนบ่นว่าอยากกิน ถ้าเอาป้าเข้าไปทำให้แป้บเดียวค่ะ”
“จัดมาเลยครับป้าต้อย จานใหญ่ๆ ด้วย หิวที่สุดเลย”
จะไม่ให้หิวได้ยังไงไหว เพราะกินข้าวตั้งแต่ห้าโมงเย็น พอไปถึงห้องได้ ตั้งใจว่าจะกินคนตัวเล็กๆ ให้อิ่มหนำ แต่พอเห็นสภาพเหนื่อยล้าและอิดโรยจากงานเท่านั้น เขาก็อดสงสารไม่ได้ เลยให้นอนพัก ตอนเช้าถึงได้สมใจหมายและหลายยก จนเรี่ยวแรงแทบไม่หลงเหลือ
“อ้าว! คุณณากับหนูแอลลี่มาแล้ว”
สองแม่ลูกเดินเข้ามาในบ้านด้วยความคุ้นเคย เนตรนิตย์รีบลุกขึ้นยืน พลอยทำให้คนอื่นๆ ยืนตามด้วย
“เชิญๆๆ ค่ะ มากินอะไรด้วยกันก่อนค่ะ จัดที่ให้คุณๆ เร็วเข้าต้อย หนูแอลไปนั่งข้างพี่ปาลเลยค่ะ”
หลังยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสามแล้ว อลิยาทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ที่ปาลลุกขึ้นขยับให้ และแม้จะไม่หิว ก็ไม่คิดจะปฏิเสธคำเชิญของเนตรนิตย์เลย เพราะรู้ว่าจะต้องถูกถามเรื่องการจัดงานแต่งไปด้วย
“ถ้าวันนี้สรุปเรื่องถ่ายพรีเวดดิ้งได้ อาทิตย์หน้าก็เริ่มงานเลยค่ะ เห็นทีมงานบอกว่าของชำร่วยกับการ์ดใช้เวลาทำไม่นาน พี่ปาลลิสรายชื่อแขกเสร็จหรือยังคะ แอลจะให้เด็กที่ออฟฟิศเตรียมพิมพ์ซองให้...”
เห็นคู่หมั้นบอกรายละเอียดงานได้อย่างคล่องแคล่วและไม่มีขาดตกบกพร่อง ปาลก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมอะไรเลย สืบเนื่องจากงานที่ยุ่งเหยิง ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยด้วย อีกทั้งเวลาจะทำด้วยกันทีไร สิ่งที่เขาเลือกมักจะไม่ตรงกับใจของคู่หมั้นเท่าไหร่
ประชุมกับทีมงานทีไร เขาก็จะเป็นฝ่ายฟังมากกว่าจะได้ออกความคิดเห็น เลยยกหน้าที่ตัดสินใจทั้งหมดให้ จะได้ไม่มีปัญหากันตั้งแต่ก่อนแต่ง และอีกเหตุผลสำคัญนั่นก็คือ
ในยามค่ำคืนว่างเว้นจากงาน เขากลับไม่ต้องการทำอะไร มากกว่าการได้อยู่ใกล้ๆ กับคนตัวเล็กผู้น่าสงสารเลย
“คุณป้าอย่าว่าพี่ปาลเลยนะคะ พี่ปาลงานยุ่ง แอลจัดการเองได้ค่ะ”
ประโยคออกตัวแทนของอลิยา ก็ทำเอาเขาเสียวสันหลังวาบเข้าให้ แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาใดๆ นอกจากนั่งกินไปฟังไปเท่านั้น และจะว่าแปลกก็คงไม่ผิดนัก ที่เขาเองก็เพิ่งสังเกตเห็น
ว่าตลอดเวลาที่ประชุมย่อยๆ กับทีมจัดงานนั้น อลิยามีท่าทีจริงจังมากจนเกินไป ราวกับไม่ใช่กำลังจะแต่งงาน แต่กำลังจะประชันขันแข็งการจัดงานให้ยิ่งใหญ่ไม่เป็นสองรองใครมากกว่า
งบประมาณที่ใช้ก็ปาเข้าไปจะหกล้านอยู่แล้ว เขาเข้าใจว่าเป็นงานแรกและงานเดียวในชีวิต แต่เมื่อคิดไปถึงหญิงสาวผู้ไม่มีแม้แต่เงินจะจ่ายค่าเทอม จนต้องเอาความสาวมาขายในราคาเพียงแสนห้าแล้วก็ให้สลดหดหูใจ ไม่รู้จะโทษใครดี