“แกมองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือโกรธแทนแม่แกเหรอ ใช่สิ! แกมันแม่ลูกผูกพันนี่ อีกหน่อยสันดานเลวๆ ในตัวแม่แก ก็จะออกลายให้เห็นแน่ รับรองว่าต้องมีข่าวมากระเด็นเข้าหูฉัน ว่าแกเที่ยวแรดไปแย่งผัวใครต่อใครเหมือนแม่แกไม่มีผิด โดยเฉพาะผู้ชายรวยๆ ที่พร้อมจะบำรุงบำเรอข้าวของให้แกไม่อั้น แต่ระวังไว้ให้ดีๆ นะ ว่าแกอาจจะหาเมียหลวงประเสริฐอย่างฉันไม่ได้อีกแล้ว สมัยนี้! มีแต่พวกไก่แก่แม่ปลาช่อน ใครลองดีเป็นได้ไม่มีที่จะอยู่ เผลอๆ พวกก็จะเอาน้ำกรดมาราดหน้าสวยๆ ของแกให้เป็นหน้าผีไม่มีใครอยากมองด้วยซ้ำ ถ้าแกอยากเป็นแบบนั้น ก็รีบๆ ร่านไปแย่งผัวชาวบ้านเร็วๆ สิ ฉันจะได้คอยดูหน้าผีๆ ของแกให้ฉ่ำใจไปเลย ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่รับเลี้ยง จะไปตายห่าตายโหงที่ไหนก็ไปทั้งแม่ทั้งลูก”
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากงานหายไปจนหมดสิ้น เมื่อมีความโกรธกริ้วเข้ามาแทนที่ ปรียาเอื้อมไปกุมมือลูกสาวเอาไว้ แล้วส่ายหน้าน้อยๆ ว่าให้อดทนและห้ามตอบโต้ใดๆ เพราะยังไงก็จะพบแต่ความพ่ายแพ้ ในเมื่ออีกฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าทุกด้าน ต่อกรป์ไปก็รังแต่จะเจ็บเท่านั้น
“นี่นะผู้ดี! อีมีไม่อยากจะเชื่อ ปากจัดยิ่งกว่าแม่ค้าในตลาดอีกเว้ย”
เสียงของมีดังขึ้นเบาๆ พอได้ยินแค่สี่คน ส่วนคุณผู้หญิงของบ้านกับข้าทาสรับใช้ใกล้ชิดนั้น เดินไปไกลแล้ว เพราะอลิยาให้เด็กรับใช้เดินมาตาม
“พี่มี”
ปรียาปรามเบาๆ เพราะกลัวมีจะพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย ปริยกรปล่อยให้น้ำตาร่วงผล็อยลงดิน เมื่อไม่มีทางระบายอื่น นอกจากทางนี้
“อดทนนะลูก สักวันเราจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เชื่อแม่นะ”
ปรียาปลอบลูกด้วยการยกแขนไปโอบไหล่ลูกไว้ แล้วปล่อยให้น้ำตาตกอยู่ภายใน ไว้ยามได้อยู่ในบ้านคนเดียวถึงจะเป็นเวลาของตัวเองที่จะร้องไห้ออกมาบ้าง เพราะไม่อยากร้องไห้ให้ลูกเห็น รังแต่จะทำให้ลูกเสียใจแล้วร้องไห้หนักกว่านี้อีก และนี่คือสิ่งที่ปรียาทำมาตลอดหลายปี
“จ้ะแม่จ๋า”
ปริยกรอยากจะบอกแม่ ว่าตอนนี้มีเงินมากพอที่จะพาแม่ไปเช่าอยู่ที่อื่นได้แล้ว แต่ก็บอกไม่ได้ เพราะกลัวแม่จะเสียใจกับที่มาของเงิน และวิธีการหาเงินของลูก จึงได้แต่ปาดน้ำตาออกจากสองแก้ม แล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่นานเสียงเครื่องตัดหญ้าของลุงลีก็ดังขึ้น สามสาวต่างวัยเลยไม่มีใครพูดอะไร นอกจากทำงานไปเท่านั้น
สองสามีภรรยาเจ้าของคฤหาสน์ ‘ตั้งวัฒนาชัยชาญ’ ต่างเกี่ยวมือกันเดินชมนกชมไม้ รับอากาศบริสุทธิ์ในสวนอย่างเป็นสุขใจ เพราะเปรมในวัยหกสิบปี และเนตรนิตย์ในวัยห้าสิบปีนั้น
เป็นชีวิตที่เรียกได้ว่า ผ่านอะไรมามากแล้ว พร้อมจะปล่อยวางทุกอย่างแล้ว รอเพียงลูกชายคนโต ผู้เป็นทายาทอันดับหนึ่งพร้อมสานต่อกิจการเพียงลำพัง ทั้งสองก็จะวางมือทุกอย่าง แล้วออกท่องเที่ยวรอบโลก ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้
“พี่เปรม! เราไปกันเถอะ เนตรหิวแล้ว ป่านนี้ต้อยคงตั้งโต๊ะเสร็จแล้วล่ะค่ะ”
เนตรนิตย์รั้งแขนสามีให้ผละจากสวนกล้วยไม้หลังบ้าน ซึ่งเป็นที่ที่สามีโปรดปรานมากสุด และให้เวลากับมันมากสุด รองจากการทำงาน
“อืม! เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
คนเป็นสามีนั้นก็ตามใจไม่มีขัด และนี่คือเสน่ห์ของเขา ที่ทำเอาภรรยารักและหลงมาตั้งแต่แต่งงานกันกระทั่งลูกโตจนป่านนี้
“มีอะไรกินบ้าง”
“ข้าวผัดปูที่พี่เปรมบ่นอยากกินวันก่อนไงคะ แล้วก็ซุปเยื่อไผ่ ซี่โครงหมูตุ๋นยาจีนของตาปริม ยำต้นอ่อนทานตะวันแซลมอนของเนตร แล้วก็อะไรอีกสองอย่างค่ะ เนตรให้ต้อยเป็นคนตัดสินใจเอง”
“ทำไมเมียพี่น่ารักจังเลยนะ”
เปรมหอมแก้มภรรยาด้วยความรักระหว่างเดินกลับเข้าบ้าน และเป็นความรักแบบนิจนิรันดร์ไม่มีวันเสื่อมคลาย เพราะเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียวไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่เขารักนั้น
มีคุณสมบัติครบถ้วน จนไปไหนไม่รอดตั้งแต่แต่งงานกันแล้ว แม้ในวัยหนุ่มโสด เขาจะใช้ผู้หญิงเปลืองและซื้อหามาด้วยเงิน แต่พอปลงใจว่ารักใครแล้ว ก็ถอดเขี้ยวเล็บเสือออกจนหมดสิ้น
“หนุ่มๆ ยังไม่ลงมาอีกเหรอต้อย”
เนตรนิตย์เอ่ยถามแม่ครัวใหญ่ของบ้าน ที่กำลังลำเลียงอาหารลงบนโต๊ะ
“ยังเลยค่ะคุณผู้หญิง”
“ว่าแต่เมื่อคืนคุณปาลมานอนบ้านมั้ยต้อย”
นี่เป็นเช้าที่สามแล้ว ที่เนตรนิตย์ถามแม่บ้านแบบนี้
“ไม่เห็นนะคะ”
และแม่บ้านก็ตอบแบบนี้ มือก็ตักข้าวผัดใส่จานให้เจ้านายทั้งสองไป มีเด็กรับใช้อีกคน รินกาแฟมาวางข้างๆ ให้ด้วยท่าทีนอบน้อม
“เอ...เห็นหนูแอลลี่บอกว่านัดกับตาปาลจะมาเลือกของชำร่วย การ์ด แล้วก็คุยกับเรื่องถ่ายพรีเวดดิ้งกับทีมงานนี่นา แล้วจะมาตอนไหนล่ะ ส่ายโด่งเด่งแล้วนะ”
เนตรนิตย์อดบ่นไม่ได้ และรู้สึกว่าปล่อยลูกมากเกินไปแล้ว
“สายที่ไหนล่ะ เพิ่งจะแปดโมงเอง”
“แล้วตาปาลไปนอนที่ไหนกันล่ะคะ นี่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านหลายเดือนแล้วนะคะ เมื่อก่อนยังมีนอนบ้านบ้าง แต่ตอนนี้น้อยมากๆ เดือนละสองครั้งได้หรือเปล่าไม่รู้”
“บ่นอะไรกันครับแม่ เสียงดังไปถึงห้องนอนผมเลย”
ปลายเดินเข้าห้องอาหารด้วยชุดสบายๆ เพราะหมายใจว่ากินข้าวเสร็จแล้วก็จะขึ้นไปนอนต่อบนห้อง
“ก็พี่เราน่ะสิ พักนี้เอาใหญ่ ไม่กลับบ้านกลับช่อง ไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน กลับมานี่แม่จะต้องปรามบ้างแล้ว”
“อุย! พี่ปาลเจอดีคุณนายแม่เข้าให้แล้ว”
ปลายเย้าแม่ด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก แล้วยิ้มให้ต้อยที่ตักข้าวใส่จานให้ เปรมเพิ่งกลืนข้าวผัดปูลงคอคำแรกหันไปมองภรรยา
“ก็คงจะนอนคอนโดนั่นล่ะ อย่าไปอะไรลูกนักเลย ปล่อยๆ ไปเถอะ”