ระหว่างปรีชา ปรียา ที่ทำให้ชีวิตน้อยๆ เกิดมา แล้วดูแลรักษาได้ไม่ดี หรือจะโทษอังคณาที่โกรธแค้นไม่ถูกคน
เมื่อก่อนเขาแค่สงสัยหรือคลางแคลงใจในตัวอังคณา ว่าอาจจะไม่รู้ไม่เห็นว่าสองแม่ลูกถูกคนใช้ในบ้านกระทำอะไรบ้าง แต่วันนี้ได้ยินคำพูดเสียดสีด่าทอเต็มสองหู
เพราะเขานั่งฟังอยู่ในรถนอกกำแพง เขาดีใจที่มีแท็กซี่มาจอดต่อท้าย จนถอยออกยังไม่ได้ ต้องรอให้ส่งผู้โดยสารก่อน ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของอังคณาแน่
สำหรับคนที่เขาตัดสินใจหมั้นด้วย แม้จะทำตามคำพ่อแม่เป็นที่ตั้ง แต่เขาก็พึงพอใจในตัวอลิยาไม่น้อย และเชื่อว่าคงจะเป็นภรรยาที่ดีและเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ ตอนนี้ก็ยังเชื่ออย่างนั้นอยู่
เพราะเท่าที่คบหากันมา อลิยาไม่เคยแสดงอาการหรือท่าทีที่ลดราคาตัวเองลงสักนิด ตรงกันข้ามกลับทำตัวสูงส่ง จนชายทั่วๆ ไปยากยิ่งจะเอื้อมถึง
‘นายน่าจะดีใจมากกว่านะ ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้หญิงอื่นเข้ามาก่อนกวนจิตใจแบบนี้’
แม้จะเป็นวันอาทิตย์และเป็นวันหยุด แต่เด็กฝึกงานก็ถูกรุ่นพี่เรียกให้มาช่วยหน้างานด่วนตั้งแต่เช้า เพราะงานมีปัญหา ความคิดของปริยกรที่จะได้นอนพักอยู่บ้านเป็นอันต้องพับเก็บลง ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็เหนื่อยจากงานข้างนอกมาแล้ว แต่พอกลับเข้าบ้าน ก็เห็นแม่
ป้ามีกับลุงลีตัดหญ้าอยู่กลางแดดเปรี้ยงๆ เลยอดใจไม่ไหวต้องไปช่วยจนหมดเรี่ยวแรง ดีที่ไม่ต้องไปหาปาลที่คอนโดในตอนเย็น เพราะเขาบอกว่าติดธุระสำคัญ เมื่อคืนเลยได้นอนอยู่กับบ้าน
“เฮ้อ! เหนื่อยฉิบเป๋งเลยอะเดียร์ วันหยุดแทนที่จะได้อยู่บ้าน กลับต้องมาทำงานงกๆๆ พี่วินนี่ทำอะไรก็ไม่รู้ เล่นเอาเหนื่อยกันทั้งบริษัทเลย”
พิมลแขอดบ่นไม่ได้ ขณะเดินออกมาด้วยกัน
“นั่นน่ะสิ! เลยไม่ได้นอนพักเอาแรงอย่างที่ตั้งใจไว้” ปริยกรเห็นด้วยกับเพื่อน แล้วก้มดูนาฬิกาในมือถือบอกเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว
“แล้วนี่เดียร์จะกลับบ้านหรือไปไหน”
แรกทีเดียวปริยกรตั้งใจจะกลับบ้านไปหาแม่ก่อน ตอนค่ำๆ ค่อยมาหาปาลตามที่ได้นัดไว้แล้ว แต่ก็เหนื่อยจนเกิดอาการลังเล
“ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เฮ้อ! เหนื่อย”
อากาศก็ร้อนอบอ้าว ข้าวของก็หิ้วพะรุงพะรัง เลยตัดสินใจนั่งพักตรงบาทวิถี หลังเดินออกจากไซท์งานได้ไม่กี่ก้าว เพื่อโทรไปถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแม่ พิมลแขนั้นมีจุดหมายแล้วคือกลับห้องไปนอนเอาแรงก่อนทำงาน แต่ก็ยังอยากนั่งพักเป็นเพื่อนก่อน
“บอกป้ามีเหลือไว้ให้เดียร์ด้วยนะจ๊ะแม่ กลับไปจะกินให้หนำใจเลย...”
จนได้รู้ว่าคืนนี้ป้ามีกับลุงลีเงินเดือนออก จะเลี้ยงหมูกระทะ ปริยกรเลยเบาใจหายห่วงในตัวแม่ เพราะมีเพื่อนแล้ว เลยบอกว่าจะกลับห้องเพื่อนไปนอนพักก่อนทำงานคืนนี้
เพราะเหนื่อย แม่ก็ไม่ว่าอะไร นอกจากกำชับให้ลูกพักผ่อนบ้างเท่านั้น ทุกครั้งที่ต้องโกหกแม่ ปริยกรไม่เคยมีความสุข แต่ก็เลือกไม่ได้
“สรุปว่าไม่กลับบ้าน แต่จะไปตากแอร์ที่คอนโดพระเอกว่างั้น”
พิมลแขแซวน้อยๆ โดยเพื่อนไม่ต้องบอก เพราะได้ยินตอนคุยโทรศัพท์กับแม่แล้ว ก็เดาจุดหมายปลายทางได้ไม่ยากว่าจะไปไหนได้ ในเมื่อข้างนอกร้อนตับแลบขนาดนี้
“อืม!!!”
ที่รับคำนั้นก็คือจะไปคอนโด
“ฮั่นแน่!!! ยอมรับว่าเขาเป็นพระเอกแล้วล่ะสิยะ”
แต่ไม่ใช่คำที่เพื่อนเพิ่งแซวออกมา ปริยกรปรายตามองดุน้อยๆ ปรามหน่อยๆ แต่พวงแก้มนั้นแดงเปล่งปลั่ง
“ยังไงๆ ก็เผื่อใจไว้ด้วยนะเดียร์ เขากับเรามันคนชั้น คนละสังคม หลวมใจกับเขาไปแล้วจะมานั่งร้องไห้ให้เราปลอบไม่ได้นะ”
แม้จะอายุเท่ากัน แต่พิมลแขนั้นผ่านชีวิตอย่างโชกโชนมามากกว่า เลยอดเตือนเพื่อนไม่ได้
“ขอบใจมากจ้ะเพื่อนที่เตือน ไม่ต้องห่วงหรอก เราเอาตัวรอดได้สบายมาก ไปกันยังล่ะ จะได้รีบนอนพักเอาแรงไง”
แม้จะรู้ว่าตัวเองหลวมใจให้เขาไปนานแล้ว แต่ปริยกรก็พยายาปกปิดไม่ให้เพื่อนรู้ ด้วยการเฉไฉยกเอาเรื่องอื่นมากลบ
“เอ่อ! ไปก็ไป เหนื่อยเหมือนกัน”
ปริยกรโบกแท็กซี่แทนการขึ้นรถเมล์เหมือนทุกครั้ง แล้วส่งเพื่อนลงจุดใกล้ห้องเช่าสุด เพื่อต่อรถไปอีกทอด ส่วนตัวเองนั้นพอถึงคอนโด ก็รีบเปิดแอร์เย็นๆ แล้วลงไปแช่ในจากุซซี่ก่อนเรื่องอื่น ใจก็คิดถึงเจ้าของห้อง แม้จะเป็นวันหยุด แต่เขาก็บอกว่ามีธุระ ค่ำๆ ถึงจะกลับ
ตั้งใจว่าอาบน้ำแล้วจะหลับ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่อาจจะนอนได้ เพราะห่วงงานวิจัยที่จะต้องทำส่งอาจารย์ก่อนจบ ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่เดือนเศษๆ เท่านั้น
เลยต้องหอบงานไปนอนคว่ำหน้าทำอยู่กับพื้นใกล้ระเบียงห้อง ทำงานไปได้ไม่เท่าไหร่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก หญิงสาวส่งยิ้มสว่างไสวไปหา เมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา
ปาลที่มีกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเข้มกับเสื้อยืดพอดีตัวสีเทาเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนอนใกล้ๆ เพราะเหนื่อยกำการไปถ่ายพรีเวดดิ้งมา ริมฝีปากหยักได้รูป จูบลงไปกับแก้มขาวเบาๆ
“ทำอะไรอยู่เหรอ”
เขามองมือบางทีถือดินสออยู่ด้วยความอยากรู้
“งานวิจัยค่ะ”
“ใกล้จบแล้วล่ะสิ”
เขาคว้ามือขาวบางมากุมไว้หมายจะจูบ
“ถ้างานวิจัยผ่านก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ เตรียมตัวสมัครงานได้เลยค่ะ”
เจ้าของมือก็ยอมแต่โดยดี ทว่าเขากลับชะงักแล้วจ้องมองฝ่ามือทั้งแดง ทั้งกร้านและมีบาดแผล
“ไปทำอะไรมา มือถึงเป็นแบบนี้”
เขาถามไปอย่างนั้น เพราะเดาได้ไม่ยาก ว่าเจ้าของมือคงจะถูกใช้ให้กวาดใบไม้ใบหญ้าเหมือนครั้งก่อนๆ เป็นแน่ และเขายังเดาได้อีกว่า คงจะทำเมื่อวานหลังเลิกงานแล้วนั่นเอง เพราะตอนเช้าก่อนผละจากเขา มือน้อยๆ ยังไม่มีอะไรผิดปกติเลย
“พอดีที่ไซท์งานมีปัญหาการส่งมอบงานน่ะค่ะ เลยต้องช่วยกันเก็บกวาดให้ทัน เพิ่งเสร็จตอนบ่ายสามนี่เองค่ะ”