ปริยกรหิ้วกระเป๋าเขียนแบบ สะพายกระเป๋าทำงานกับถุงเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว ออกจากรถญี่ปุ่นที่เปลี่ยนมาเป็นป้ายดำนานหลายเดือนแล้วด้วยความเหนื่อยอ่อน แม้อยากจะนอนห้องแอร์ในคอนโดหรูหราต่อสักหน่อย หลังจากเช้าตรู่ต้องตื่นมาทำที่ให้เจ้าของห้องจนพอใจ
ก็ได้งีบไปหน่อยเดียว พอตื่นมาเห็นเขาแต่งตัวจะออกจากห้อง กลับมาบ้าน ก็เลยรีบลุกตามมา จะได้ไม่กวนคนรถของเขามาคอยรับส่งในวันหยุด
สมัยเรียนอยู่กับเพื่อนๆ นั้น ตัวเองเฝ้าฝันถึงวันที่จะได้ออกไปทำงานมานานปี อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง แต่นี่แค่ช่วงฝึกงานเท่านั้น ก็รู้แล้วว่าโลกภายนอกรั้วมหาวิทยาลัย
ไม่ได้สวยหรูอย่างที่วาดหวังเอาไว้เลย เพราะถูกใช้ให้ทำทุกอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
วันๆ ต้องยกมือไหว้คนนั้นคนนี้มือเป็นหงอน ตามรุ่นพี่ที่จบก่อนหลายปีกับเจ้านายออกไปไซท์งาน ก็ถูกใช้หัวไม่วางหางไม่เว้น ตั้งแต่วิ่งตากแดดไปซื้อข้าวปลาอาหาร บุหรี่
หรือไม่ก็นั่งแท็กซี่กลับมาเอาของที่ออฟฟิศ เพราะต้องมีใครสักคนลืมอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเวลา เดินตั้งแต่เช้าจรดเย็นจนขาแทบจะหลุดให้ได้
ดีหน่อยที่เลิกงานแล้ว ได้กลับไปนอนคอนโดหรูหราในห้องแอร์เย็นสบาย และมีชายที่ตัวเองมั่นใจเต็มร้อยแล้ว ว่ารักจนหมดหัวใจ รักทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ทางจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับเขา
มากไปกว่าแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ รักทั้งที่เขามีคุณแอลลี่ผู้สมบูรณ์แบบไปแทบทุกด้านเป็นคู่หมั้น รักทั้งๆ ที่อีกเพียงแค่ไม่กี่เดือนเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว
หญิงสาวไขกุญแจประตูข้างกำแพงออก แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า และไม่ได้หันกลับไปหารถที่เพิ่งผละจากมา เพราะเหนื่อยและอยากนอนพักมากกว่า
แต่พอไปถึงบ้านหลังน้อยที่มีต้นไม้บดบังเอาไว้ จนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว ก็ไม่มีแม่อยู่ในนั้น เอาของไปเก็บในห้องนอนแล้วก็กะจะเดินไปบ้านป้ามี เพราะบ่อยครั้งที่แม่จะไปกินมื้อเช้าด้วย
“คุณผู้หญิงให้ไปหาตรงโน้นแน่ะ”
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนด้วยซ้ำ แม่บ้านร่างอวบก็เดินเข้ามาส่งเสียงแข็งๆ อยู่ตรงหน้าประตู มือก็ชี้ไปยังสนามหญ้าข้างกำแพงไกลออกไป ก็เห็นแม่
ป้ามีและลุงลีกำลังง่วนอยู่กับงาน เลยถอนหายใจหนักๆ ออกมา ด้วยเดาได้ว่าตัวเองไม่อยากจะนอนพักอย่างที่ใจอยากแล้ว
“เร็วๆ สิยะ คุณผู้หญิงรอนานแล้ว ไปไหนมาไม่กลับบ้านกลับช่อง”
ปริยกรอยากว่ากลับไม่น้อย แต่คิดๆ แล้วก็ไม่อยากลดตัวเองลงไปเกือกกลั้วกับพวกคนใช้ขี้ประจบ เลยเลี่ยงเดินออกบ้านตรงไปหาแม่ กำลังถอนหญ้าออจากจากโคนต้นปาล์มที่ปลูกเป็นแนว
ขนาบไปตามกำแพง ส่วนลุงลีกำลังเตรียมจะตัดหญ้า ป้ามีถือพร้าด้ามโต ฟันกิ่งไม้ตามมือของคุณผู้หญิงที่ชี้ตรงนั้นทีตรงนี้ที
“มาแล้วเหรอยะ”
เป็นคำทักทายแรกของคุณผู้หญิง ปริยกรไม่คิดจะตอบรับหรือปฏิเสธ ได้แต่ตีหน้าเรียบเฉย รอรับคำสั่งงาน หรือไม่ก็คำกระแทกแดกดันมาก่อน ค่อยมีงานตามมาทีหลัง บางครั้งก็มียัยแม่บ้านจอมเลียคอยผสมโรงด้วย
“แกหายไปไหนมา ไหนแม่แกว่าทำงานวันเสาร์แค่ครึ่งวันไง แล้วทำไมไม่กลับบ้าน ไปแรดไปร่านที่ไหนมายะ”
ปริยกรเกือบจะหลุดปากตอบโต้ออกมาแล้ว หากไม่มีแม่เดินมาหาแล้วกุมมือไว้
“ทำไม! แกมองหน้าฉันแบบนี้มีปัญหาอะไรเหรอยะ! ริปีกกล้าขาแข็งใส่ฉันเหรอ! ใช่สิ! เรียนจะจบแล้วนี่ อีกหน่อยก็หางานทำได้ ไม่ต้องพึ่งเงินฉันแล้วนี่”
ในใจนั้นอยากจะเถียงกลับไม่น้อย ว่าไม่เคยพึ่งมานานแล้ว แต่ก็ยังมีแม่สะกิดเอาไว้ เลยได้แต่ยืนนิ่งๆ และพยายามข่มใจเอาไว้เท่านั้น
“หรือที่แรดๆ ไปนอนนอกบ้านนี่ ไปแอบมีผัวเข้าแล้วล่ะ หาเอาเองหรือไปแย่งผัวชาวบ้านเหมือนแม่แกล่ะ”
หัวใจดวงน้อยๆ เต้นรัวเร็วและแรงขึ้นอีกหลายเท่า ปากนั้นอยากจะตอบโต้กลับ แต่แม่ก็ยังคงสะกิดเอาไว้อยู่อย่างนั้น
“อย่ามามองหน้าฉันแบบนี่นะยะ คิดเหรอว่าฉันจะกลัวแก ไป๊! งานการมีให้ทำมากมาย หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งเกาะคนอื่นกิน”
ปริยกรเดินตามแรงรั้งของแม่ไปทางต้นปาล์มเพื่อถอนหญ้าต่อ มองไปหาป้ามีกับลุงลีก็ไม่มีใครสนใจอะไร ต่างคนก็ต่างก้มหน้าหางานตัวเอง ราวกับเสียงของคุณผู้หญิงเป็นเสมือนลมพัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ปริยกรรู้ดีว่านั่นคือหนทางเอาตัวรอดของสองผัวเมียที่ทำมาช้านานแล้ว เพราะไม่อยากยุ่งหรือมีปัญหากับใคร
“วันนี้ตัดหญ้าให้เสร็จนะนายลี แล้วให้นังสองแม่ลูกนั่นกวาดกับหอบไปทิ้งตามโคนต้นไม้ใหญ่ ส่วนยัยมีสอยกิ่งไม้ตามที่ฉันบอกไว้”
“ครับๆ”
หูนั้นได้ยินลุงลีรับคำอย่างสุภาพ แล้วฝนใบมีดเครื่องตัดหญ้าต่อ ปริยกรถอนหายใจหนักๆ เมื่อเห็นว่าคุณผู้หญิงทำท่าจะเดินหนีไปแล้ว แต่ก็ไม่วายหันมาหาเมื่อเดินมาใกล้ๆ
“แล้วก็ไม่ต้องสะเออะกลับไปทำมื้อเที่ยงกินที่บ้านนะยะ ฉันจะให้นังอ้วนทำเผื่อ ฉันน่ะมีน้ำใจกับหล่อนสองแม่ลูกเสมอนั่นล่ะ จะหาคนอย่างฉันได้ที่ไหน อุตส่าห์เลี้ยงดูปูเสื่อคนใช้ที่สันดานเสีย ริมาแย่งผัวเจ้านายตั้งแต่มาทำงานในบ้านได้ไม่ถึงปี แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ คนอย่างแกมันคงไม่สำนึกในบุญคุณใครหรอก แกมันก็พวกงูเห่าดีๆ นี่เอง เลี้ยงดีแค่ไหนก็แว้งกัดจนได้ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าคนอย่างฉัน ถ้าจะตีฉันต้องเอาให้ตาย จะไม่ตีให้งูพิษอย่างแกแค่หลังหัก แล้ววกมากัดฉันอีกหรอก จำเอาไว้”
ปริยกรมองมือแม่กำแน่นเข้าหากัน แต่ตานั้นยังคงจ้องมองต้นหญ้าเล็กๆ ขึ้นอยู่ในหลุมวางกลมตามโคนต้นปาล์มเขม็ง นั่นบอกได้เป็นอย่างดี ว่าแม่ต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่ตอบโต้ แต่ตัวเองนี่สิ อดรนทนไม่ได้ เลยหันไปมองหน้าคุณผู้หญิงด้วยความโกรธ