EP 5

1140 คำ
บ้านที่แท็กซี่พามาส่งนั้น หลังใหญ่โตพอสมควร ส่วนพื้นที่นั้นปริยกรไม่มีเวลาได้สนใจมากมายนัก เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับรุ่นพี่ที่เดินแกมยิ้มตรงมาเปิดประตูเล็กๆ ให้ แล้วพาเข้าไปในบ้าน ซึ่งไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย นอกจากคนรับใช้ พูดภาษาไทยไม่ชัดด้วยซ้ำ “พ่อแม่กับพี่ๆ ไปงานเลี้ยงน่ะ เหลือพี่คนเดียวกำลังเตรียมของ เลยไม่อยากไปไหน เดียร์กินข้าวยัง มากินกับพี่ก่อนสิ พี่หิวจนตาลายแล้ว เพราะมัวแต่วิ่งวุ่นซื้อของจนไม่มีเวลากินเลย” “เอ่อ! ไม่ดีกว่าค่ะพี่เอ็ด เกรงใจค่ะ” ปริยกรยืนตัวลีบ เมื่อรุ่นพี่เอามือมาโอบไหล่ไว้หลวมๆ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เงินพี่อยู่ข้างบน กินข้าวก่อน แล้วค่อยขึ้นไปเอา พี่ไม่อยากให้ยัยม่วยเห็นน่ะ” เขาปรายตาไปหาคนรับใช้วัยสิบห้าหยกๆ สิบหกหย่อนๆ ที่ยืนเมียงมองมาหา “ม่วย! ช่วยจัดจานเพิ่มให้เพื่อนฉันอีกที่นะ เร็วๆ ด้วย หิว” เอ็ดสั่งเสียงเข้ม แล้วจูงมือปริยกรไปห้องอาหารติดกับห้องครัว จัดแจงให้นั่งข้างๆ กัน ส่วนสาวใช้ก็ทำหน้าบึ้งนิดๆ ใส่ แต่ก็เดินไปจัดจานกับช้อนมาวางให้แต่โดยดี “เดี๋ยวพี่ไปหาน้ำมาให้เดียร์นะจ๊ะ” ปริยกรมองตามรุ่นพี่เดินเข้าไปในครัว แล้วก็มองอาหารบนโต๊ะด้วยความหิวไม่น้อย วันนี้กินข้าวเที่ยงไปไม่กี่คำ ม่วยตักข้าวใส่จานให้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงไม่เปลี่ยน แม้ปริยกรจะยิ้มให้แล้วบอกขอบคุณยังไงก็ตาม “เทอมาทะมะ คุเอ๊ะเปผัวชะ” ปริยกรสงสัยไม่น้อย เมื่อเด็กสาวพูดอะไรบางอย่างที่แปลไม่ออก “ม่วย!” ยังไม่ทันที่ปริยกรจะถามออกไปด้วยซ้ำว่าพูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็มีเสียงของรุ่นพี่ส่งมาก่อน ม่วยทำหน้าถอดสีทันที “ออกไปรอดูหน้าบ้านโน่น ฉันนัดเพื่อนไว้ ถ้ามาแล้วให้ไปรอฉันอยู่ห้องนั่งเล่นก็แล้วกัน ฉันจะกินข้าวกับก่อน ไปเร็วเข้า!” สิ้นเสียงดังกว่าปกติ ม่วยรีบถอยกรูดออกจากห้องอาหารทันที คนเป็นรุ่นพี่ถือแก้วน้ำอยู่ก็หันมายิ้มให้รุ่นน้องพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ “อย่าถือสาเลยนะเดียร์ เด็กบ้านพี่ก็มีแต่เป็นแบบนี้ล่ะ แต่ก็ต้องทน เพราะคนทำงานบ้านทุกวันนี้หายากจะตาย” ปริยกรไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นอะไร ได้แต่ส่งยิ้มบางๆ ให้เขา ก็ประจวบเหมาะกับแม่โทรเข้ามาพอดี เลยขอตัวออกไปคุยข้างนอก แล้วตัดสินใจบอกแม่ไป ว่ามาสมัครงานร้านอาหารที่เพื่อนทำงานอยู่ อาจจะกลับช้า หรือไม่ก็อาจจะนอนห้องเช่าเพื่อนก่อน พรุ่งนี้เย็นหลังเรียนจบถึงจะกลับเลย แล้วก็รีบเข้าไปหารุ่นพี่ที่นั่งรออยู่โต๊ะอาหารพร้อมกับมองมาแล้วยิ้มให้ “มากินข้าวกันเร็วเดียร์ พี่หิวมากเลยวันนี้ ของโปรดพี่ทั้งนั้นเลย ทุกคนพากันเอาใจเพราะกลัวพี่ไปอยู่ทางโน้นแล้วไม่ได้กินอาหารไทยหลายปี” “ค่ะพี่” รุ่นน้องเดินไปนั่งด้วยความนอบน้อม แล้วกินอาหารที่รุ่นพี่ตักมาใส่จานให้ กับยกน้ำขึ้นจิบสลับกันไปมาอยู่ราวยี่สิบนาที ก็มีมึนศีรษะ อาการง่วงหงาวหาวนอนก็พ่วงมาด้วย จนต้องพยายามตักต้มยำรสจัดๆ ใส่ปากเพื่อไล่ความง่วง “เดียร์เป็นอะไรไปจ๊ะ” ได้ยินเสียงรุ่นพี่ถามออกมา ก็หันไปมองแล้วพยายามกำจัดความง่วงแล้วตอบออกไปด้วยความยากลำบาก “ง่วงค่ะพี่ ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็ง่วงขึ้นมา” ดวงตาก็ปรือลงเรื่อยๆ จนไม่ทันได้เห็น ว่ารุ่นพี่ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ พร้อมกับลุกจากเก้าอี้มาหา “ถ้าง่วง ก็ไปนอนก่อนสิจ๊ะ ตื่นแล้วค่อยกลับ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกนะ รับรองพี่ให้แน่ๆ แค่สองหมื่นสองเอง พี่กับเพื่อนๆ อีกสี่คน หารกันแล้วตกคนละไม่ถึงห้าพันด้วยซ้ำ” “พี่เอ็ดว่าอะไรนะคะ” คนง่วงสุดขีดพยายามถามกลับรุ่นพี่ที่เดินมาพยุงแขนขึ้น พาลุกเดินออกจากห้องอาหารไปห้องนั่งเล่นที่อยู่ไกลออกไปพอสมควร “นอนรอเพื่อนๆ พี่มาถึงก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะพาขึ้นไปบนห้องพี่เอง” ร่างผอมบางที่ง่วงจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้วทรุดลงกับโซฟาตัวยาวไปทันที ส่วนรุ่นพี่ก็ช่วยยกสองน่องเรียวขึ้นไปพาดไว้แล้วผลักให้เอนนอนลงไปอย่างง่ายดาย “ขอเดียร์นอนแป้บนะคะ ฝากพี่เอ็ดปลุกด้วยนะคะ” รุ่นน้องบอกขณะปิดเปลือกตาลง ส่วนรุ่นพี่ที่มองอยู่นั้นก็ยิ้มกริ่มอย่างดีใจ “ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าพี่จะปลุกให้น้องตื่นจนครางไม่เป็นภาษาเลยล่ะ ได้ข่าวว่ายังซิงอยู่ไม่ใช่เหรอ ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาเป็นของขวัญส่งท้ายพี่ก่อนไปน่ะ” เรียวน่องมีกระโปรงพลีทยาวระดับเข่าอยู่ ถูกรุ่นพี่คุกเข่าลงไปนั่งใกล้ๆ ใช้มือลูบไล้ไปมาเบาๆ ตาก็จ้องมองส่วนเว้าส่วนโค้ง ที่ซุกซ่อนไว้ในชุดนักศึกษาหลวมๆ ไม่ฟิตเปี๊ยะเหมือนคนอื่นที่เขามักพบเห็น “คุเอ๊อะคะ เพื่อๆ มากะแล้ค่า” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ม่วยก็เดินมาร้องบอกเสียงดัง ทำให้เจ้านายหนุ่มหันไปหาด้วยความฉุนกึก “ก็ไปบอกพวกมันมาในนี้สิ มัวชักช้าอยู่ทำไม ไป๊!!!” ม่วยกลัวเจ้านายหนุ่มจนต้องลนลานออกจากห้องนั่งเล่นไป เพื่อบอกกลุ่มเพื่อนของเจ้านาย ที่ต่างออกมาจากรถคันเดียวกันถึงสี่คน พอม่วยบอกให้ไปที่ไหน ก็ไม่มีใครสนใจม่วยอีกเลย แต่ต่างพากันไปห้องนั่งเล่นอย่างเร็ว “เอ้ยๆ รอก่อนดิวะไอ้เอ็ด กะเปิดคนเดียวหรือไงมึง” หนึ่งในสี่ส่งเสียงไปตั้งแต่ตัวยังไม่ถึงห้องนั่งเล่นด้วยซ้ำ อีกหนึ่งก็ตามไปด้วยท่าทีตื่นเต้น ส่วนอีกสองนั้นหันไปมองหน้ากัน ทำท่าทีละล้าละลัง เหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่กำลังจะทำยังไงยังงั้น “แหม! ยังไงกูก็จะต้องได้เปิดก่อนพวกมึงอยู่แล้ว จะรีบไปทำไมกัน” เอ็ดหันไปหาเพื่อนสองคนที่เดินเข้ามา ส่วนอีกสองยังยืนอยู่นอกห้อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม