“อ้าว! แล้วพวกมึงไม่เข้ามาหรือไง กูจะได้ปิดประตู”
เจ้าของบ้านส่งเสียงหนักๆ ออกไป ทั้งสองมองหน้ากันอีกด้วยท่าทีไม่แน่ใจ หนึ่งคือกลัวความผิด สองคือสงสารรุ่นน้องผู้นิสัยดีและตั้งใจเรียน
“เอ้ย! ใจจริงแกจะทำห้องนี้เหรอ ไม่แบกขึ้นข้างบนล่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่มึงกลับจากงานเลี้ยงได้เห็นกันพอดี”
เพื่อนมาใหม่สองคนที่อยู่ในห้องทักท้วง
“เอางั้นก็ได้ พวกมึงมาช่วยกูแบกขึ้นไปแล้วกัน”
สองเพื่อนรีบตรงเข้าไปช่วยทันที อีกสองเพื่อนที่ยืนอยู่นอกห้องหลีกทางให้แต่โดยดี แม้อยากห้าม แต่ก็คิดว่าคงห้ามเพื่อนไม่ได้แล้ว เลยตัดสินใจจะไม่ทำอะไรนอกจากรออยู่ข้างล่างแค่นั้น
“พี่เอ็ด! จะเอาเพื่อนมลไปไหน”
ยังไม่ทันจะเดินไปถึงบันไดด้วยซ้ำ พิมลแขก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในบ้าน แล้วร้องถามเสียงดัง ห้าหนุ่มหันไปหาพร้อมกัน ก็เห็นชายร่างล่ำตามหลังมาอีกสี่คน ในมือมีไม้หน้าสาม
สองหนุ่มที่ไม่คิดจะเอาด้วยแต่แรก รีบถอยห่างแล้ววิ่งออกบ้าน ผ่านม่วยที่ยืนแอบยิ้มอย่างพอใจ ที่ตัวเองแทบไม่ต้องทำอะไร ก็มีคนมาช่วยกันคุณเอ็ดที่รักไม่ให้ยุ่งกับหญิงอื่นได้แล้ว
“มล! มาได้ยังไง”
รุ่นพี่หน้าถอดสีถามออกไป ส่วนรุ่นพี่อีกสองที่กำลังช่วยกันอุ้มร่างอ่อนระทวยอยู่นั้น ก็หันไปมองด้วยไม่รู้จะเอายังไง
“มาได้ยังไงพี่อย่าสนเลย ว่าแต่จะเอาเพื่อนมลไปไหน พี่ช่วย พี่ภพไปอุ้มเดียร์มาเลย”
พิมลแขหันไปหารุ่นพี่ ที่เป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารที่เพิ่งจะออกเวรแล้วถูกเรียกมาช่วย
“ส่งเดียร์มานะพี่เอ็ด ไม่งั้นมลรายงานถึงมหาวิทยาลัยที่พี่กำลังจะไปเรียนแน่”
พิมลแขใช้ไม้หน้าสามในมือชี้ไปหารุ่นพี่จอมแสบ พร้อมกับส่งเสียงดังคับบ้าน และสีหน้าท่าทางเอาจริงกว่าครั้งไหนๆ แถมยังมีอีกสองหนุ่มยืนขนาบซ้ายขวาพร้อมไม้ไม่ต่างกัน
“เอ้ย! ไม่มีอะไรน่ามล เดียร์ง่วงพี่ก็แค่จะพาไปนอนเท่านั้น”
เอ็ดพยายามกลับเกลื่อน สองเพื่อนก็ยอมส่งร่างเล็กๆ ที่หลับเป็นตาย ไปให้หนึ่งในสองเพื่อนของพิมลแขอุ้มมาแต่โดยดี
“ไม่มีก็ดีแล้ว จำไว้นะ ถ้าพี่ปากโป้ง เรื่องนี้ไม่จบดีๆ แน่”
พิมลแขใช้ไม้หน้าสามชี้หน้ารุ่นพี่ด้วยสีหน้าเอาจริง ก่อนจะหันไปหาเพื่อนเด็กเสิร์ฟด้วยกัน
“ไปเรา! กลับ”
ทุกคนเดินออกบ้านไปหาแท็กซี่คันเดิม จอดรออยู่ พิมลแขหันมายิ้มให้ม่วยเป็นการขอบคุณ ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการบอกว่าปริยกรอยู่ไหน กำลังถูกรุ่นพี่จะทำมิดีมิร้ายแถมยังรีบเปิดประตูให้อีกต่างหาก
เพื่อนที่เป็นพนักงานเสิร์ฟต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อทุกอย่างจบง่ายๆ ไม่มีเรื่องราวเหมือนที่คิดไว้
เจ้าของรูปร่างผอมบางที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับตัวเองบ้างนั้น กำลังขยับกายไปมาอยู่บนฟูกปูไว้กับพื้น จ้องมองเพดานกับผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย แต่ทว่าคุ้นตาเหมือนเคยเห็น
พอจำได้ว่านี่เป็นห้องเพื่อนก็ผุดลุกขึ้นทันที ไม่รู้ว่ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง ยิ่งเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นเป็นของเพื่อนทั้งหมดยิ่งสงสัยไปกันใหญ่
“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะคุณนาย สายโด่งเด่ง แปลว่าไอ้พี่เอ็ดเวรนั่นใส่ยาหนักเลยล่ะสิ นี่คงกะไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวอะไร หรือไม่ก็จะรุมโทรมกันถึงเช้าเลยล่ะสิ”
พิมลแขเดินเข้ามาในห้องพร้อมถุงโจ๊กกับปาท่องโก๋ พอเห็นเพื่อนก็ทักด้วยประโยคยาวเฟื้อย ส่วนเพื่อนก็ไม่รู้เรื่องราวอะไร ได้แต่มองพร้อมกับทำหน้าสงสัย
“เรามาอยู่นี่ได้ไงอะมล”
“โอ๊ย! เรื่องมันยาว ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า แล้วจะเล่าให้ฟังตอนนั่งกินนี่ด้วยกัน” สาวห้าวยกถุงในมือให้ดู แล้วเดินมาเอาผ้าเช็ดตัวโยนให้เพื่อน
“เสื้อผ้าก็เลือกใส่เลยในตู้นั่นล่ะ ดีนะวันนี้มีเรียนคาบบ่าย”
ปริยกรรับของมาแล้วทำตามคำเพื่อนแต่โดยดี เพราะรู้สึกเหนียวๆ ตัวเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อวาน พอเสร็จก็ตรงไปคว้าเสื้อผ้าเพื่อนในตู้ มาใส่แล้วตรงไปหาเพื่อนที่นั่งบนพื้น เบื้องหน้ามีเก้าอี้ญี่ปุ่นวางไว้ พร้อมกาแฟมีควันโชยมาสองแก้ว ชามโจ๊ะกับจานปาท่องโก๋วางรออยู่แล้ว
“ตกลงเรามาอยู่นี่ได้ไงมล จำได้ว่าเมื่อวานกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับพี่เอ็ดดีๆ แล้วง่วงมาก จนพี่เอ็ดพาไปนอน แล้วเราก็ไม่รู้อะไรอีกเลยตั้งแต่นั้น”
พิมลแขเชื่อเพื่อนสนิทใจ แล้วรีบเปิดปากเล่าความจริงทุกอย่างออกไป และด้วยท่าทีเคืองแค้นรุ่นพี่ที่อุตส่าห์นับถือมานานปี ส่วนสาวผู้เคราะห์ร้ายที่เกือบจะเสียท่ารุ่นพี่ ก็ถึงกับน้ำตาร่วงทันทีที่รู้เรื่อง ด้วยไม่คิดว่าคนเราจะทำกันได้ขนาดนี้ ทั้งที่รู้จักกันมาหลายปี
“ดีนะที่เราได้ข่าวจากพี่บิ้วมา ไม่งั้นมีหวังไม่ช่วยเดียร์ไม่ทันแน่ๆ”
เพราะหลังจากข่าวนัดรุมโทรมสาวรุ่นน้องของเอ็ด ที่ส่งให้สี่เพื่อนรั่วออกไป จนมีรุ่นพี่ที่สนิทกับพิมลแขโทรบอก ถึงได้รีบไปช่วยไว้ได้ทันท่วงที
“เราไม่เคยคิดเลย ว่าพี่เอ็ดจะเป็นคนแบบนี้ ถ้าไม่ได้มลกับเพื่อนๆ ไปช่วยเราต้องเสียใจไปจนวันตายแน่ๆ เลย ขอบคุณมลมากๆ นะเพื่อนรัก เราจะทำยังไงดีถ้าไม่มีมล แล้วเราจะไปขอบคุณเพื่อนๆ มลได้ยังไง”
“ไม่ต้องหรอก พวกนั้นน่ะช่วยเต็มที่ขอให้บอก เดี๋ยวเราซื้ออะไรไปเลี้ยงเอง เราเพื่อนกัน ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วใครจะมาช่วยล่ะ ว่าแต่จะเอายังไงต่อล่ะทีนี้”
“มลก็รู้ ว่าเราไม่มีใครที่ไหนแล้ว จะเอาอะไรในบ้านขายก็ไม่มีแล้ว หมดแล้ว ทำไมเราต้องเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ด้วยนะ เราจะทำยังไงดี มลช่วยเราคิดหน่อย เราจะทำยังไงดี”
ปริยกรส่งเสียงสั่นเทามาหาเพื่อนอีก เมื่อความเจ็บเริ่มรุกแล่นเข้ามาเล่นงานหัวใจด้วยน้อยๆ อีกครั้ง