EP 3

1147 คำ
หญิงสาวกับเพื่อนถูกเลขานุการวัยถึกของพ่อ มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ขณะยกโทรศัพท์กดเข้าไปถามเจ้านายในห้อง สีหน้าก็แสดงอาการไม่ชอบใจนิดๆ เพราะรู้ดีว่าลูกบ้านน้อยกำลังจะนำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้เจ้านาย ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง “จะมาทำไม! ไม่รู้หรือไงว่าฉันกำลังยุ่ง บอกให้นั่งรออยู่ตรงนั้นล่ะ” นั่นคือเสียงที่ดังมาจากลำโพงซึ่งผู้เป็นเลขาจงใจกดให้ฟังเอาเอง หัวใจที่มีความหวังเพียงริบหรี่เหือดแห้งลงทันที พร้อมอาการเจ็บหนึบหนับ ราวกับก้อนเท่ากำปั้นกำลังถูกมือหนาๆ ของใครบางคนบีบรัด หมายจะให้แหลกคามือยังไงยังงั้น และมือนั้นก็ไม่ใช่ของใคร เป็นมือของพ่อผู้ให้กำเนิดแบบไม่ตั้งใจนั่นเอง ปริยกรพยายามสกัดกลั้นน้ำตาที่อยากจะไหลออกมาอวดผู้คนในออฟฟิศพ่อเอาไว้ สั่งให้มันไหลอยู่ภายในแทน แล้วหันไปพยักหน้าชวนเพื่อนเดินไปนั่งยังชุดรับแขก ตามมือเลขานุการหน้าย่นชี้ไป พิมลแขไม่เอ่ยอะไรออกมา ด้วยรู้ดีถึงรายละเอียดของครอบครัวของเพื่อน “ต้องรออีกนานแค่ไหนเดียร์” แต่หลังจากนั่งนิ่งมาเกือบชั่วโมงแล้ว ไม่มีอะไรคืบหน้า เลยทนไม่ได้ตามนิสัยคนทนอะไรไม่ค่อยจะได้นาน จึงกระซิบกระซาบถามทันที ส่วนคนถูกถามที่กำลังครุ่นคิดหาทางออกอื่นเอาไว้อยู่นั้น ก็ไม่รู้จะตอบอะไร แม้ในใจจะเดาได้แล้ว ว่าแสงอันริบหรี่ ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายนั้นกำลังจะมอดดับลง “หล่อนมาทำอะไรที่นี่ยะ อย่าบอกนะว่าจะมาขอเงินคุณพ่อ” เสียงของคุณหนูแอลลี่ดังมาจากหน้าหลัง ทำเอาคนนั่งอยู่สะดุ้งโหยง ยังไม่ทันได้ตอบ เลขาพ่อก็เดินตรงมาและด้วยท่าทีนอบน้อม มากกว่าตอนเห็นกันครั้งแรกจนปริยกรแปลกใจ “แม่นี่มาทำอะไรเหรอพี่แหว๋ว” แล้วก็ได้คำตอบว่า ท่าทีนั้นไม่ได้เกรงลูกบ้านน้อยอย่างเธอสักนิด หากแต่เพราะมีคุณแอลลี่ยืนอยู่ เลขาเลยท่าทีเปลี่ยนไป แถมยังยิ้มเจื่อนๆ ออกมา “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณแอล เขาไม่ได้พี่ว่ามาทำไม” “แล้วคุณพ่อให้เข้าไปหรือเปล่าคะ” “ค่ะ” เลขาตอบผู้อำนวยการขายและการตลาดสาวสวยด้วยท่าทีนอบน้อม แต่พอหันมาหาสองสาวนักศึกษานั่งอยู่ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นมองหมิ่นๆ “เชิญ” เสียงนั้นก็ห้วนและแข็งอย่างเห็นได้ชัด กระนั้นปริยกรก็หันไปพยักหน้าชวนเพื่อน เลขาเห็นดังนั้นก็เดาออกว่าจะเข้าไปทั้งสองคน เลยรีบท้วงไว้ “แค่คนเดียวนะ ท่านให้เวลายี่สิบนาทีด้วยค่ะ มีประชุมต่อ” ปริยกรผ่อนลมหายใจหนักๆ แล้วหันไปส่งสายตาบอกให้เพื่อนรออยู่จุดเดิม อลิยายิ้มอย่างเหยียดหยันไปหา แล้วเดินนำไปยังห้องพ่อ โดยไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไง เพราะอยากรู้ว่าธุระของลูกเมียเก็บของพ่อคืออะไร แม้จะเดาออกแต่ก็อยากเข้ามาฟังอยู่ดี ปริยรได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วเดินตามไป “คุณพ่อคะ แอลจะมาคุยเรื่องลูกค้าที่ไปพบมาเมื่อสายๆ น่ะค่ะ แต่คุณพ่อคุยธุระก่อนก็ได้ค่ะ แอลรอได้ค่ะ” อลิยาส่งน้ำเสียงนุ่มนวลไปหา ก่อนจะปรายตามาหาอีกคน “อืม!” ปรีชา รักษ์สันติ รับคำลูกสาวคนกลางเบาๆ ก่อนจะหันไปมองลูกอีกคนด้วยความไม่สบอารมณ์นัก เพราะไม่ชอบให้ใครมากวนเวลาทำงาน “มีอะไรอีกล่ะ มาถึงนี่เลย” เสียงห้วนๆ ของพ่อส่งมา แม้ลูกจะยังไปไม่ถึงโต๊ะทำงาน มีเอกสารร้อยแปดกองอยู่ตรงหน้าก็ตาม หัวใจนั้นสั่นสะเทือนด้วยความเจ็บเพิ่มระดับขึ้นอีก กับคำที่ว่า ‘อีกล่ะ’ ในเมื่อนับตั้งแต่จำความได้ ลูกนอกสายตาคนนี้ เพิ่งจะได้มาหาพ่อเพียงสามครั้งเท่านั้น อลิยาพึงพอใจในคำพูด น้ำเสียงและท่าที ที่พ่อสื่อสารกับลูกอีกบ้านไม่น้อย เลยยิ้มหยันๆ ให้ ก่อนจะเดินไปทรุดกายลงนั่งกับชุดรับแขก คว้านิตยสารวงการเหล็กขึ้นมา แต่ก็ดูไปอย่างนั้น เพราะความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ว่าพ่อจะใจอ่อนควักเงินออกจากกระเป๋าให้ไปหรือจะว่ายังไงต่อ “มีอะไรก็รีบบอกๆ มา ฉันมีเวลาให้แค่ยี่สิบนาทีเท่านั้น ฉันมีงานต้องทำอีกมาก มีอีกเป็นร้อยๆ ปากร้อยๆ ท้องรอกินด้วย” อีกครั้งที่พ่อส่งเสียงห้วน และไม่แม้แต่จะเสียสละเวลาเพียงสองสามวินาที เงยจากเอกสารมามองหน้าลูกด้วยซ้ำ ส่วนคนเป็นลูกนั้น ก็อยากจะเดินกลับทางเดิมด้วยซ้ำ ถ้าไม่คิดถึงจุดที่ว่า ต้องการเงินเพื่อไปจ่ายค่าเทอมที่ค้างไว้ จะได้มีสิทธิ์เข้าสอบ จะได้รีบๆ จบ รีบๆ หางานทำ แล้วรีบๆ พาแม่หนีไปจากขุมนรกนั้นสักที “เดียร์มาขอเงินไปจ่ายค่าเทอมค่ะคุณพ่อ วันนี้ครบกำหนดผ่อนผันแล้ว ถ้าเลยนั้นมหาวิทยาลัยจะต้องให้เดียร์พ้นสภาพการเป็นนักศึกษา แล้วไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ ต้องลงทะเบียนเรียนใหม่เทอมหน้าค่ะ” คนเป็นลูกกลั้นใจบอกธุระสำคัญไปอย่างรวบรัดสุด ส่วนคนเป็นพ่อนั้น ผ่อนลมหายใจออกมาดังพรืด แล้วยอมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่สบอารณ์ “ค่าเทอมอีกแล้วเหรอ! นี่ฉันต้องจ่ายให้พวกแกไปถึงเมื่อไหร่กัน วันๆ พวกแกเคยเอาเงินมาให้ฉันบ้างมั้ย ดีแต่มาขอ ดีแต่เอาเรื่องต้องจ่ายนั่นนี่มาให้” “เดียร์เพิ่งเคยมาขอคุณพ่อสองครั้งเองนะคะ” “มันจะต่างกันตรงไหน แล้วทำไมไม่ไปขอคุณผู้หญิงโน่น เรื่องเล็กๆ หยุมหยิมแค่นี้ ทำไมแกจะต้องถ่อสังขารมากวนฉันถึงนี่ แล้วบอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ว่าถ้าไม่จำเป็นอย่ามา หรือแกอยากประจานฉันให้คนในบริษัทรู้ ไปๆๆ ระบบระเบียบที่ฉันตั้งไว้มียังไงก็ไปทำตามนั้น อย่ามาทำให้มันรวน แค่นี้ฉันก็ปวดหัวจะแย่แล้ว” มือพ่อโบกปัดไวๆ เป็นการไล่ลูกด้วยอาการเบื่อหน่าย แล้วน้ำตาลูกก็ไหลพรากออกมา เมื่อไม่อาจจะสกัดกลั้นมันเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว สองมือยกขึ้นปาดออกจากแก้มลวกๆ แล้วตัดสินใจอธิบายกับพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม