ตอนที่ 4 ข้าแค่รู้สึกไม่ดี

1619 คำ
บนโต๊ะอาหารมีเซาปิ้งไส้เผือกวางอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผู้ใด หญิงสาวมองเซ่าปิ้งเรียงรายอยู่บนจานใบใหญ่แล้วยิ้มออกมา “ฮูหยินเจ้าคะ ใต้เท้าซู่ฝากมาแจ้ง ว่าวันนี้คงกลับดึก บอกฮูหยินไม่ต้องรอ เข้านอนก่อนได้เลย” สาวใช้คนหนึ่งนำความมาบอก “ข้ารู้แล้ว” จางลั่วชิงหยิบเซ่าปิ้งขึ้นมากัดคำหนึ่ง วันใดที่เขาต้องกลับดึก หรือมีคดีต้องสืบต่างเมือง ซู่เสวียอี้ไม่ลืมจะให้คนมาแจ้งให้นางทราบ และมักจะหาขนมหวานอร่อยๆ ส่งมาให้นาง เป็นเช่นเสมอ เขากลับบ้านดึก ถึงนางไม่พูดไม่ถาม เขาก็กลัวนางจะอารมณ์เสีย จึงต้องหาของหวานอร่อยๆ ไว้ให้นางกิน นางจะได้อารมณ์ดี ซู่เสวียอี้คิดเช่นนี้จริงๆ . . . จวนอวิ๋นหยางโหวมีข่าวดี วันนี้เป็นวันแต่งงานของซู่หยงหยวน บุตรชายของซู่เยวี่ยและฮูหยินสาม แต่งกับบุตรสาวใต้เท้าเซียวยวี่ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็มาร่วมยินดีกับหลานชาย ปีนี้ท่านอายุเก้าสิบแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง ส่วนความจำก็ยังดี ฮูหยินผู้เฒ่าอวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซู่หยงหยวนเองก็อวยพรท่านย่าของเขากลับเช่นกัน “หลานขอให้ท่านย่าอายุยืนถึงสองร้อยปีเลยนะขอรับ” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังก็หัวเราะ “สองร้อยปีเลยรึ จะไม่เป็นการทรมานคนแก่เช่นข้าไปหน่อยหรือ” ซู่เมิ่งเถียน หลานสาวคนเล็กของบ้านสกุลซู่ นิสัยของนางซุกซนจนผู้คนเอือมระอา จู่ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ไม่ต้องสองร้อยปีก็ได้เจ้าค่ะ ให้ท่านย่าอยู่กับเราแค่หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าปีก็พอ” เสียงหัวเราะดังครืน ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือไปเขกหัวซู่เมิ่งเยียนดังโป๊ก เจ้าตัวเจ็บจนต้องสูดปาก พอเห็นหลานสาวร้องโอดโอย ฮูหยินผู้เฒ่าก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “เจ้าเด็กคนนี้นี่” ซู่เมิ่งเถียนย่นจมูก นางรีบเดินแทรกผู้ใหญ่ เพื่อหนีสายตาตำหนิจากฮูหยินสาม มารดาของนางจนชนเข้ากับร่างสูงของพี่ใหญ่ ซู่เมิ่งเยียนย่นจมูกอีกครั้ง ซู่เสวียอี้ถึงกับส่ายหน้า จางลั่วชิงชอบบรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้ จวนอวิ๋นหยางโหวต่างจากจวนจงเว่ยโหวของนาง ที่นั่นมีแต่ปัญหาชวนให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องของสตรีที่ชอบแย่งความโปรดปราน ซู่เสวียอี้และจางลั่วชิงเองก็มาร่วมอวยพรคู่บ่าวสาว หลังเสร็จสิ้นพิธีส่งตัวเข้าหอ ฮูหยินผู้เฒ่าก็เรียกหลานชายคนโตเข้ามาหาที่ศาลาคล้ายร้อนข้างบึงบัว “ท่านย่า” ซู่เสวียอี้คำนับฮูหยินผู้เฒ่า จางลั่วชิงเองที่ยืนอยู่ข้างเขาก็เช่นกัน “เสวียอี้ ย่ารู้สึกว่าเหมือนเราไม่ได้เจอกันนานเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยทัก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ช่วงนี้หลานงานยุ่งขอรับ” หญิงชราแสร้งทำท่าน้อยใจ ถอนหายใจยาว “เฮ้อ หากยุ่งเช่นนี้แล้วเมื่อไรจะมีเหลนให้ย่าอุ้มเล่า” ซู่เสวียอี้ยกกำปั้นขึ้นแตะริมฝีปาก กระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง “คงเร็วๆ นี้” จางลั่วชิงที่ยืนอยู่ข้างเขาพลันหน้าแดงเถือก ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังค่อยพยักหน้าพอใจ เพราะซู่เสวียอี้เป็นบุตรคนโต ทุกคนจึงคาดหวังเรื่องทายาท ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปยิ้มให้หลานสะใภ้คนโต วันนี้ฤกษ์ดี นางเองก็ไม่ลืมอวยพรพวกเขาเช่นกัน “น้องสาม” เสียงใสที่คุ้นเคยดังขึ้น จางลั่วชิงและซู่เสวียอี้เดินเคียงกันกำลังจะไปที่โถงเรือนรับรองเพื่อร่วมกินดื่ม หญิงสาวหยุดฝีเท้าแล้วหันไปมอง พบว่าเป็นจางอวี่ฉีและคู่หมั้นของนาง “พี่รอง พี่ก็มาด้วยหรือ” จางลั่วชิงถาม ไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก อีกอย่างงานนี้ บิดาก็นางมาร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวด้วย แต่มารดาไม่ได้มา เห็นท่านพ่อบอกไม่ค่อยสบาย “พี่เฟิงชวนพี่ให้มาเป็นเพื่อน” จางอวี่ฉีหันไปยิ้มให้คู่หมั้นที่ยืนอยู่ข้างกาย เซี่ยถิงเฟิงหันมายิ้มให้จางลั่วชิง แล้วค่อยทักทายซู่เสวี่ยอี้ ทั้งสองพอรู้จักกันอยู่บ้าง แต่เซี่ยถิงเฟิงนั้นสนิทกับซู่หยงหยวนมากกว่า พวกบุรุษนั่งอยู่อีกฝั่ง จางอวี่ฉีย่อมทำตัวติดน้องสาว จางลั่วชิงนั้นรู้อึดอัดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แสดงอาการมากนัก ความรู้สึกของนางที่มีต่อพี่รองในตอนนี้ คือความรังเกียจ “น้องสาม พี่ว่าเจ้าดูอวบอิ่มขึ้นนะ หรือมีข่าวดีแล้ว” น้ำเสียงที่จางอวี่ฉีถามฟังดูตื่นเต้น ช่วงนี้จางลั่วชิงดูอวบอิ่มขึ้นจริงๆ หลายคนทักเช่นนั้น อาจเป็นเพราะนางกำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์จึงต้องกินอาหารที่ดีที่มีประโยชน์ให้มากเพื่อบำรุงร่างกาย หรืออีกประการคือ มีสามีปรนนิบัติดี หญิงสาวยิ้มในหน้า “ต้องบำรุงร่างกายเพื่อเตรียมตัวมีลูก ช่วงนี้จึงกินเยอะหน่อยเจ้าค่ะ” จางอวี่ฉีพยักหน้า “ดื่มยาที่แม่ใหญ่ฝากให้สม่ำเสมอ ไม่นานเจ้าต้องตั้งครรภ์เป็นแน่” “ข้าดื่มทุกวันเลยเจ้าค่ะ” จางลั่วชิงโกหก หากดื่มยานั่นนานไป นางและสามีอาจไร้บุตรชั่วชีวิต ชาติก่อนนางและซู่เสวียอี้ก็ดื่ม แต่นางก็ยังตั้งท้องได้ ถือเป็นโชคดีของนาง ส่วนเรื่องยาที่จางอวี่ฉีอ้างว่ามารดาของนางฝากมาให้นั้น นางสืบมาแล้ว จางอวี่ฉีโกหก จางลั่วชิงกำลังจะคีบอาหารเข้าปาก ทว่าจางอวี่ฉีที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือมาสะกิด ชี้ให้นางดูอะไรบางอย่าง มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก ก่อนจะนั่งลงพูดคุยกับซู่เสวียอี้ด้วยท่าทางสนิทสนม ซู่เสวียอี้เองก็ตอบคำถามนางทุกคำถาม แม่นางผู้นั้นหน้าตาสะสวย ผิวขาวสว่างยิ่งกว่านางเสียอีก มือเรียวดั่งต้นหอมเอื้อมไปหยิบกาสุราและรินให้เขา มองผิวเผิน คิดว่าเป็นคู่รักกันเสียอีก พูดด้วยความสัตย์จริง มีผู้หญิงคนใดบ้าง ที่เห็นสามีใกล้ชิดหญิงอื่นที่ไม่ใช่มารดาหรือญาติแล้วจะไม่รู้สึกอะไร จางลั่วชิงรู้สึกคันในหัวใจ แต่อย่างไรแล้ว นางก็เชื่อว่าภาพที่เห็นไม่มีอะไร เพราะนางเชื่อมั่นในตัวซู่เสวียอี้ “ผู้หญิงควรนั่งฝั่งนี้ เหตุใดแม่นางคนนั้นถึงข้ามไปฝั่งบุรุษด้วยเล่า มิหนำซ้ำยังนั่งเบียดชิดใต้เท้าซู่ ไม่ให้เกียรติภรรยาเขาเลย” จางอวี่ฉีลอบมองหน้าน้องสาว เห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องคนทางฝั่งนู้นก็เหยียดยิ้มออกมา “คงคนรู้จักกระมัง” จางลั่วชิงว่า จางอวี่ฉียกมือป้องปากหัวเราะ “อาจจะใช่อย่างที่น้องสามว่ากระมัง จะว่าไปแล้ว พี่พึ่งนึกออกว่าแม่นางผู้นั้นเป็นใคร นางชื่อหยางจื่อ เป็นบุตรสาวคนเล็กของใต้เท้าหยางรองกรมพิธี นางยังไม่ออกเรือนทั้งที่อายุก็สมควรแล้ว พี่ได้ยินจากพี่เฟิงมาว่า เดิมทีใต้เท้าหยางหมายตาใต้เท้าซู่ไว้เป็นลูกเขย” จางลั่วชิงยังคงยิ้ม “หากเช่นนั้นใต้เท้าหยางก็คงต้องให้ลูกสาวแต่งเข้ามาเป็นอนุ แต่คงยากเสียหน่อย เพราะจวนอวิ๋นโหวนิยมสามีภรรยาเดียว” จางอวี่ฉีหันขวับมองเสี้ยวหน้าของจางลั่วชิง นางเลิกคิ้วขึ้น แปลกใจเป็นอย่างมาก ปกติแล้ว น้องสาวผู้นี้มักคล้อยตามที่นางพูดเป็นที่สุด จางลั่วชิงนั้นเป็นคนหัวอ่อนที่สุดในบ้านแล้ว “เช่นนั้นน้องสามก็ต้องรีบตั้งครรภ์...” จางอวี่ฉียังเอ่ยไม่ทันจบประโยค จางลั่วชิงก็เอ่ยแทรกขึ้น นางรู้ว่าพี่รองจะพูดอะไร “ขอบคุณพี่ที่ชี้แนะ” เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุดงานเลี้ยงก็เลิกรา จางลั่วชิงเดินกลับเรือนหวงหลานพร้อมซู่เสวียอี้ ระหว่างทางหญิงสาวไม่พูดไม่จาสักคำ สีหน้าดูบึ้งตึงจนชายหนุ่มแปลกใจ ซู่เสวียอี้รู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัดพิกล กระทั่งทั้งสองเดินผ่านประตูจันทร์กำลังเลี้ยวเข้าตัวเรือน เขาจึงตัดสินใจคว้ามือนางไว้ แล้วถามออกไปว่า “เป็นอะไรไป” จางลั่วชิงก้มมองมือเขา นางกัดริมฝีปาก แล้วพูดตามความรู้สึกออกไป “ข้าแค่รู้สึกไม่ดี ที่ท่านพี่ใกล้ชิดหญิงอื่น” ชาติก่อนมีอะไรในใจนางมักไม่ยอมพูดเพราะเกรงใจ ได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจผู้เดียว สะสมนานวันเข้า วันหนึ่งเมื่อพรั่งพรูออกมา จึงกลายเป็นคำพูดเสียหายหยาบคายไม่น่าฟัง ซู่เสวียอี้เข้าใจทันที แต่เขากับหยางจื่อหาได้มีอะไรกันไม่ นางแค่เข้ามากล่าวขอบคุณ ที่ช่วยตัดสินคดีให้พี่ชายนางอย่างยุติธรรมก็เท่านั้น เขาไม่ได้อธิบายส่วนนี้ให้ภรรยาฟัง แต่รับปากอย่างหนักแน่น “ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว” จางลั่วชิงเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมใสจ้องชายหนุ่มเขม็ง “หากข้าไม่สามารถมีลูกให้ท่านพี่ได้ ท่านพี่จะรับอนุเข้ามาหรือไม่” ซู่เสวียอี้ตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม