ฤดูที่เปลี่ยนผัน
ภายในเมืองเซี่ยงไฮ้ ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมา หอบเอาความหนาวเย็นเข้ามาถึงจิตใจของหลินฮวา
ใบไม้ที่ร่วงหล่นราวกับเป็นสัญญาณของความแห้งแล้งในจิตใจของนางเช่นกัน ตอนนี้หลินฮวาทำใจดีสู้เสือ
‘เจ้าหลุน’ คุณพ่อของนาง ได้ขายหลินฮวาให้มาแต่งงานกับลูกชายของท่านฟู่เทียนเฉิน
เขามีชื่อว่า ‘เทียนหยู’ ผู้ที่ไม่เอาไหน เสียงร่ำลือกล่าวขานไปทั่วหัวระแหง คนทุกคนมีอยู่เต็มสี่ส่วน แต่เทียนหยูคงจะมีได้แค่สามส่วนกระมัง
คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลฟู่รายล้อมไปด้วยกำแพงหนาสูง และโอบอ้อมด้วยต้นไม้ดกหนาใหญ่
และมีดอกไม้นานาพรรณ คฤหาสน์หลังโตบ่งบอกถึงฐานะที่ร่ำรวยมาก ๆ ของตระกูลฟู่นี้ ตอนนี้หลินฮวาเทียบได้ว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง
สายตาของหลินฮวาจ้องมองไปที่ดอกเบญจมาศสีเหลืองอร่าม ความสดใสของดอกไม้ท่ามกลางกลุ่มใบไม้ที่ร่วงโรย การปลูกดอกเบญจมาศเต็มสวนนั้น เหมือนจะเป็นการอวยพรให้ท่านเจ้าของเรือนมีอายุยืนนาน
หลินฮวาทำหน้าเศร้า กี่ปีแล้ว… ที่นางไม่ได้ไปเทศกาลชมดอกเบญจมาศจวี๋เยว่ (júyuè) เพราะคำว่าไม่มีเงิน อีกอย่างการไปในงานแบบนั้น ทุกคนก็ต้องแต่งตัวประชันขันแข่งกัน หลินฮวาไม่อยากขายหน้า เพราะอาภรณ์ที่มีอยู่ในตู้ มีแต่ผุ ซอมซ่อ และมอซอ
หลินฮวาก้มลงไปมองชุดที่นางสวมใส่ในเวลานี้ ชุดเรืองรองมีความสวย มันเป็นชุดใหม่ที่ตัดมาตามขนาดของร่างกายของนางอย่างแท้จริง สีสันงดงาม โดยเฉพาะลายดอกไม้ที่โดดเด่นจนสะดุดตา
ดวงตาของหลินฮวาเป็นสีแดง หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง หลินฮวาพยายามระงับและข่มความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ
การถูกพ่อของตัวเองเอามาขายราวกับสิ่งของทำให้นางมองไม่เห็นค่าของตัวเอง เหมือนกับนางไม่ใช่คน
สายตาของหลินฮวาเพ่งมองไปยังกลุ่มนกที่ส่งเสียงดัง หลินฮวาเห็นนกน้อยบินหยอกเย้ากันและอยู่เป็นคู่ ๆ อยู่ในฝูง ใครไม่อยากเป็นอิสระ
อยู่ข้างนอกนั่นแม้จะไม่มีกิน ถึงแม้นางจะอดมื้อกินมื้อ แต่ก็ยังได้ลิ้มรสความอิสระที่หอมหวาน
ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่หลินฮวาไม่ชอบเอาเสียเลย มันทำให้ความรู้สึกหนาทึบและสิ้นหวังแกมหม่นเศร้า
ยิ่งร่างบางของนางที่ปะทะสายลมพัดที่แข่งกับใบไม้ที่ปลิดปลิว หลินฮวาห่อไหล่ ความรู้สึกราวจะดึงอารมณ์ของนางให้จมดิ่งเข้าสู่ความมืดมิด
เมื่อหลายปีก่อนหลินฮวาจำได้ นางได้ตกหลุมรักเพื่อนชายของตัวเองที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ด้วยความที่นางมาจากครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นและไม่มีสมบัติพัสถานอะไรเลย
พ่อแม่ของฝ่ายชายจึงรังเกียจเดียดฉันท์ แม่ของเพื่อนผู้ชายคนนั้นได้มาพูดกับนางตรง ๆ ว่า... นางช่วยออกไปให้ห่างจากชีวิตของลูกชายของข้าได้ไหม เพราะถึงแม้จะรักกันมากมายแค่ไหนเพียงใดก็ตาม นางก็จะไม่ยอมให้หลินฮวาได้รักกับลูกชายของนางสมใจ…
แต่ชีวิตของคนเราก็ไม่แน่ไม่นอน...
หลินฮวากวาดสายตามองไปยังตึกสูงอาคารที่เป็นปึกแผ่น ตอนนี้นางได้มาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลฟู่กลางกรุงที่เจริญแล้ว และนางยังได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับฟู่เทียนหยู ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลฟู่อีกด้วย
วันที่พ่อมาส่ง หลินฮวาได้เห็นรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อ รอยยิ้มที่ยินดีอย่างเปิดเผย เงินทองที่ท่านฟู่ให้กับคุณพ่อของหลินฮวานั้น จะทำให้คนทั้งบ้านสุขสบาย ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าแม่ของนาง และน้องชายน้องสาวอีกสี่คนรวมกัน
ความสุขสบายของทุกคนในครอบครัวแลกมากับความเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจของลูกสาว
เป่ยอี้เดินเข้ามา
“คุณนายคะ ท่านฟู่เรียกหาเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อเรียกหาข้าเหรอ”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“ท่านบอกว่าอย่างไรอากาศตรงนี้ก็ยังหนาว ให้คุณนายรีบกลับเข้าไปข้างในบ้านเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อจะให้ข้าไปเจอที่ไหนหรือ”
“ห้องอ่านหนังสือทางทิศตะวันตกนะเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมากเป่ยอี้”
“คุณนายไปห้องอ่านหนังสือถูกไหมเจ้าคะ”
“จ้ะ ข้าไปอ่านหนังสือในห้องนั้นมาเมื่อวานนี้แล้ว”
เป่ยอี้ได้แต่ผงกหัวและผายมือ นางหันหลังกลับไปอีกทางที่ไปทางเรือนคนรับใช้
หลินฮวาเดินเข้าไปข้างในบ้าน และตรงไปยังทิศทางที่ตั้งของห้องอ่านหนังสือ ในใจของนางเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ สายตาของท่านฟู่ที่จ้องมองนางมันผิดปกติ หญิงสาวรับรู้ได้
สายตาที่มีทั้งความเอ็นดูและแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง หลินฮวาหวั่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ต่อหน้าท่าน นางต้องลอบกลืนน้ำลายตัวเองออกบ่อย
หลินฮวายืนอยู่หน้าประตู นางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะยกมือมา และเคาะลงไปที่บานประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หลินเอ๋อร์มาแล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามาสิ” ท่านขานรับเสียงทุ้ม
หลินฮวาผลักบานประตูของห้องอ่านหนังสือเข้าไป หญิงสาวก้าวขาข้ามธรณีประตูอย่างตื่นเต้น ปกติจะเจอหน้าท่านต่อหน้าทุกคน ไม่เคยได้พบปะกันเพียงลำพัง
สองเท้าน้อย ๆ ก้าวเข้าไปยังภายในห้องอย่างช้า ๆ เมื่อสายตาของนางจ้องสบกับร่างกายของท่านฟู่ หลินฮวาก็แทบใจหล่นหายไป
ท่านฟู่ไม่ได้ใส่เสื้อ ท่านใส่เพียงแต่กางเกงลำลองตัวเดียวที่ดูหมิ่นเหม่มาก ๆ ยิ่งตอนนี้แผงอกของท่านได้ทาน้ำมันมะกอกเอาไว้จนมันเลื่อมด้วย ทำให้หญิงสาวแทบจะเบือนหน้าหนี
หลินฮวาไม่เคยเห็นบุรุษคนไหนที่มีรูปร่างกำยำเช่นท่านฟู่เลย ท่านฟู่ยังดูดีมาก ๆ ท่านคงออกกำลังกายอย่างหนัก แม้อายุตอนนี้จะย่างเข้าสี่สิบหกปีแล้ว แต่ท่านฟู่ยังดูหนุ่มแน่น และดูดียิ่งกว่าเทียนหยูผู้เป็นสามีของนางอีก
“หลินเอ๋อร์ปิดประตูด้วย” ท่านออกคำสั่ง
นางจึงหันหลังไปปิดบานประตู
แต่ตอนที่หลินฮวาหมุนตัวกลับมา นางก็ต้องสะดุ้ง
ปึก… ร่างน้อย ๆ ของนางชนเข้ากับร่างหนาของท่านฟู่ ท่านจงใจมายืนขวาง
ความสูงของหลินฮวาอยู่เพียงหัวไหล่ของท่านฟู่เท่านั้นเอง
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะท่านพ่อ” นางก้มหน้าหลุบตามองต่ำ สองมือของท่านฟู่จับลงมาที่หัวไหล่ของนาง
หมับ…
ตอนนี้หญิงสาวได้กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ที่พ่นออกมาจากปลายจมูกของเขา ลมหายใจที่รินลดลงมาบนใบหน้าของหลินฮวาร้อนจนรับรู้ได้