คิดแล้วทบทวนอีกวัดไปถึงส่วนที่นางจะได้และที่นางจะเสียสุดท้ายเซียวหมิงเยว่นางก็มิอาจจะทานทนเป็นสตรีหน้าโง่แบกคำว่า’ ศักดิ์ศรี’ เอามากินต่างข้าวไปได้ ในสถานการณ์เช่นนี้หากนางไม่เข้าเมืองตาหลิ่วแล้วหลิ่วตาตามย่อมยากจะเอาชีพตนเองอยู่รอดไปได้
...ตัวก็เสียไปแล้วหากเอาแต่แบกศักดิ์ศรีกินแทนข้าวย่อมมีเพียงโง่งมเท่านั้น...
คนที่มาจากต่างยุคย่อมต้องคิดตกแล้วนางจึงเริ่มทบทวนข้อมูลของบุรุษผู้ซึ่งกำลังนอนกกกอดนางจนแนบแน่นอยู่นี้นั้นเขามีฐานะอยู่ในระดับใดกันแน่นอนว่าหากจะมีสามีเป็นตัวเป็นตนสักผู้นางจะเอาแต่เลือกบุรุษรูปงามมิได้เพราะผู้มีรูปกายหล่อเหลานั้นกินมิอิ่มที่จะกินอิ่มอยู่สบายนั้นคือนางจะต้องมีสามีที่ร่ำรวยเท่านั้น
หรือจะสรุปให้กระจ่างอย่างไม่อายนับจากนี้ไปนางจะต้องกลายไปเป็นนางบำเรอของท่านรองแม่ทัพจ้าวหรือหากนางพอจะดวงดีมีมหาลาภที่’ ส่วนนั้น’ อยู่บ้างก็อาจจะได้เป็นอนุสักนางของจ้าวไห่เฉิงผู้นี้นั้นเองหนึ่งชาติผ่านมานางต้องตายลงเพราะหนีสถานะนางบำเรอสุดท้ายผู้ใดจะคาดในชาติภพใหม่นางกลับมิอาจหนีพ้นเข้าจนได้หรือที่แท้นางนั้นมีวาสนาเป็นได้เพียงสตรีท้ายจวนกันเล่า?...
“เจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่ไยจึงถอนหายใจทิ้งเล่นเห็นเป็นสิ่งสนุก มีสิ่งใดที่เจ้าติดใจจนกลัดกลุ้มเช่นนั้นหรือเหล่าโผ”
…เฮือก!...
“อ่ะ…เอ่อ…”
มัวแต่ล่องลอยไปกับความคิดของตนเองพอคนที่นอนกอดแนบแน่นอยู่เอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันเซียวหมิงเยว่นางจึงผวาสะดุ้งนึกคำตอบไม่ทัน
“หรือเจ้ายังเจ็บที่ส่วนนั้นเหล่ากงนั้นจะใส่ยาให้เจ้าอีกดีหรือไม่”
“ฮะ….ห๊า!ใส่ยาอีก!?”
กลับมาพบเจอคำถามที่ชวนสยองขวัญเข้าไปอีกดวงตากลมโตถึงกับเบิกโพลงแข็งค้างไปครู่หนึ่งกว่าที่คนตัวน้อยนางจะค้นหาลิ้นและวิธีการเอ่ยคำจนพบ
“...เอ่อ...ท่านรองแม่ทัพหมายถึงสิ่งใดนะเจ้าค่ะ”
นางหาใช่สตรีโง่งมจนถึงขั้นอับจนปัญญาที่จะไม่เข้าใจคำถามของท่านรองแม่ทัพจ้าวที่เขาไต่ถามเพียงแน่นางอยากจะแน่ใจว่าตนเองนั้นมิได้เข้าใจผิดไปเองว่าเขาไต่ถามถึงอาการของส่วนนั้นและ...เขานั้นตั้งใจจะใส่ยาตรงนั้นของนาง!...
“ก็หมายความว่าเหล่ากงนั้นถามเจ้าว่ายังเจ็บปวดตรงนี้อยู่ใช่หรือไม่หรือว่าจะให้เหล่ากงนั้นช่วยทายาที่ตรงนี้ให้เหล่าโออีกสักรอบดีหรือไม่?”
“...”
เซียวหมิงเยว่ถึงกับนอนนิ่งแข็งค้างไปเลยเพราะฟังเพียงคำตอบสาวน้อยก็อับอายยากจะทำใจแล้ว’ เหล่ากงจ้าว’ ของนางเขายังตะปบฝ่ามือลงมาปิดที่บุปผากลางกายของนางตรงประโยคว่า...ตรงนี้...เน้นย้ำเข้าไปอีกนางก็แทบลืมวิธีหายใจไปเสียแล้ว
“ทะ...ท่านรองแม่ทัพจ้าว!”
คนเพิ่งเสียความสาวก็ยากจะทำใจยังมาเผชิญกับบุรุษหน้าทน นางจึงยิ่งยากจะรับมือ จะกล่าวว่านางโง่เง่าหรือปัญญานิ่มก็ช่าง แต่สตรีใดเพิ่งเจอเหตุการณ์เช่นนางไม่กรีดร้องย่อมแปลกแล้ว
“จะทำเสียงเอ็ดอึงแตกตื่นไปไยนี่มันเรื่องปกติธรรมดาระหว่างสามีภรรยาทั้งสิ้น แล้วบอกให้เรียกขานว่า'เหล่ากง'ไยจึงดื้อดึงไม่เรียกสักคราวเล่า?เหล่าโผ”
...บัดซบ!...ธรรมดาบ้านท่านผู้เดียวนะสิจ้าวไห่เฉิง!!!...
ทว่าที่เซียวหมิงเยว่นางกล้าจะเอ่ยปากออกไปมีเพียง...
“แต่มันนะ...น่าอายสำหรับเสี่ยวเยว่เจ้าค่ะ”
แต่สุดท้ายนางก็คิดได้ว่าเขาเป็นถึงรองแม่ทัพแห่งหน่วยรบหลางหยินเซ่อที่อำมหิตที่สุดในเป่ยเหลียงตัวก็โตสูงใหญ่กำยำกว่านางเกินครึ่งเพียงเขาใช้มือหนึ่งข้างกำรอบลำคอของนางแล้วบีบรับรอง...ตายสนิททันใจมิต้องคิดมาก...ผู้ใดจะบังอาจไปกล้าขึ้นเสียงขัดใจท่านรองแม่ทัพแห่งหมาป่าสีเงินกันเล่า!
“เจ้าจะอายไปไยเหล่าโผนั้นเป็นสามีของเจ้าเช่นนี้จึงล้วนเป็นคนกันเองมาเถิดให้ข้าช่วยดูให้เจ้าแล้วหากมันเสียหายมากหรือบาดเจ็บหนักเพราะส่วนนั้นของเหล่ากงนั้นยิ่งใหญ่เกินไปก็จะขอทำดีไถ่โทษช่วยทายาให้เหล่าโผเองนะ...”
...บึ้ม!...
เหมือนร่างกายของเซียวหมิงเยว่ นั้นพลันระเบิดออกมาเป็นหมื่นชิ้นเพราะคำพูดไม่ละอายใจของท่านรองแม่ทัพใหญ่เพราะต่อให้เขาไร้ยางอายไปจนสิ้นแต่นางนั้นยังมิแกร่งกล้าหน้าทนสิ้นความอับอายได้เช่นเขา!
“เฮ๊ย!!!...ว๊าก...อย่านะท่านรองแม่ทัพจ้าว...หยุดนะจ้าวไห่เฉิง!”
ในยามนี้ต่อให้เป็นฮ่องเต้เซียวหมิงเยว่นางก็ไม่เกรงใจไว้หน้าแล้วเมื่อเขามาจับนางกดลงกับเตียงจากนั้นก็จับผ้าห่มผืนโตโยนลงพื้นแล้วจึงจับนั้นกระตุกนี่มิถึงหนึ่งชั่วลมหายใจเสื้อคลุมตัวใหญ่รุ่มร่ามก็เปิดเปลือยไม่หลงเหลือความลับแห่งชาติ (ของนาง) อีกแล้ว
“อย่านะ!"
นางกางนิ้วมือทั้งสิบแล้วก็ข่วนลงไปชนิดที่ว่าไม่สนสี่สนแปดอีกแล้วทว่าจ้าวไห่เฉิงกลับไม่สะทกสะท้าน และจากที่คิดดีตั้งใจงามหวังจะช่วยภรรยาดูตรงนั้นว่าบาดเจ็บหนักหรือไม่ทว่าพอแลเห็นการอรชรภายใต้แสงเทียนมงคลคู่สว่างวับๆ แวมๆ กลับปลุกเพลิงราคะให้ตื่นเตลิดไปเสียได้
...จ้าาไห่เฉิงเจ้ามันช่างเป็นบุรุษมากราคะเกินไปแล้ว...
“ตรงนี้นะหรือ?...ห้ามไปไยเมื่อครู่เหล่ากงตรวจดูให้จนแน่แก่ใจดีแล้วเหตุใดเหล่าโผจึงคิดห้ามปรามไร้ไมตรีต่อข้าผู้เป็นสามีซึ่งรักใคร่ห่วงใยภรรยาดูแลอย่างดีทำความสะอาดให้พร้อมใส่ยาให้ด้วยจนเรียบร้อยนับตั้งแต่ก่อนจะปลุกเจ้าขึ้นมาดื่มยาเสียอีก”
“!!!”
หาใช่กล่าวเพียงปากเปล่าเท่านั้นทว่าจ้าวไห่เฉิงคนหน้าทนหนาหนังของกระบือไร้ยางอายจนถึงแก่นเพราะฝ่ามือหยาบกระด้างจากการกรำศึกใหญ่น้อยด้วยอาวุธมาเกือบค่อนชีวิตนั้นยังจะวางทาบไปตรงตำแหน่งที่ตนเองบอกว่าดูแลอย่างดีทำความสะอาดใส่ยาแล้วเสียอีกด้วย!
“เจ้า…เจ้า…เจ้าบุรุษสมควรตาย!....เจ้าคนไร้ยางอายเจ้า!....เจ้ามัน…เจ้ามันหน้าหนาเกินกว่าหนังกระบือ….เจ้าคนชั่วจ้าวไห่เฉิง!”
…ผลัวะ!...ตุ๊บ!...อั๊ก…โครม!...
ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างยิ่งกว่าจ้าวไห่เฉิงจะรู้แจ้งว่าตนเองถูกฝ่าเท้าข้างใดของ’ ฮูหยินจ้าว’ ตัวเท่าลูกแมวถีบจนหงายหลังตกเตียงลงไปนอนนับดวงดาวเล่นก็เมื่อ’ เสี่ยวมาว’ นางกลายร่างเป็น’ ต้าไป๋หู่’ ขึ้นมานั่งทับอยู่บนกลางหน้าท้องแกร่งจากนั้นก็กางกรงเล็บทั้งสิบออกและ…
…ขวับ!...แคว๊ก!…
“โอ๊ย!...ฮูหยินจ้าว!...เจ้าหยุดก่อน…โอ๊ย!...หยุดข่วนใบหน้าของเหล่ากงก่อน!”
“เจ้าคนชั่วอย่ามาร้องขอชีวิตกับข้านะ!”
…ขวับ!...แคว๊ก!...ขวับ!...แคว๊ก!...
“โอ๊ย!...เหล่ากงมิได้ร้องขอชีวิต….เหล่ากงนั้นเพียงร้องขอให้เหล่าโผได้โปรดเมตตาละเว้นอย่าได้ข่วนใบหน้าของเหล่ากงอีกเลยด้วยอรุณรุ่งพรุ่งนี้เรายังต้องออกไปยกน้ำชาให้กับหวงรั่วไห่อีก”
…เพล้ง!...
จางจงเยี่ยถึงกับเผลอปล่อยจอกสุรามงคลหลุดมือพอได้สติก็หันไปมอง’ ท่านพ่อบ้านอู๋’ ด้วยสีหน้าแตกตื่นเลิ่กลั่กอย่างยิ่งด้วยเขามิคาดบุรุษผู้เหี้ยมโหดหน้าหวั่นเกรงเป็นรองก็แค่เพียงท่านหัวหน้าหน่วย’ หลางหยินเซ่อ’ จะกรีดเสียงร้องโหยหวนชวนเสียขวัญวิงวอนขอให้’ ฮูหยินจ้าว’ ละเว้นใบหน้าเช่นนี้ไปได้
“ข้าว่าเราย้ายมุมจิบสุราชมจันทรากันเถิดจงเยี่ยรู้สึกว่าบริเวณใกล้เรือนหอนี้คงไม่ค่อยจะเหมาะสมกับบุรุษผู้ยังไม่ออกเรือนเช่นพวกเราเท่าใดนัก”
อู๋ฝ่านเสียนเขาเอ่ยจบก็จัดการหอบหิ้วไหสุราดีปล่อยให้สหายรุ่นน้องช่วยถือจานกับแกล้มติดตามย้ายที่’ จิบสุราชมจันทรา’ ในมุมสงบแห่งใหม่ปล่อยทิ้งเสียงร้องโหยหวนของผู้เป็น’ นายน้อย’ เอาไว้เบื้องหลังโดยไร้เยื่อใยไปจนสิ้น
“เอ่อ…เราทิ้งนายน้อยเช่นนี้จะดีแน่หรือท่านพ่อบ้านอู๋”
คนไม่เคยทิ้ง’ นายน้อย’ เริ่มใจคอไม่ดี
“ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร…หลวนกุ้ยเฟยทรงเคยกว่าว่าในยามที่นายน้อยออกเรือนแล้วฮูหยินจ้าวนั้นจะ’ อบรม’ สั่งสอนนายน้อยบ้างล้วนเป็นสิ่งที่ดี บุรุษสกุลจ้าวทุกคนล้วนมีชะตากรรมเช่นนี้เจ้าอย่าได้ว้าวุ่นใจไปเลยจงเยี่ย”
“!!!”
คนสนิทของรองแม่ทัพจ้าวทำสีหน้าลำบากใจแต่เช่นไรเขาก็ต้อง'ฟังคำ'ของสหายรุ่นพี่เช่นพ่อบ้านอู๋อยู่แล้วยิ่งเป็นหลวนกุ้ยเฟยเคยกำชับมาเขายิ่งมิบังอาจไปสงสัยเด็ดขาด!
ยามอิ๋นมาเยือนจวนท่านอัครมหาเสนาบดีหวงรั่วไห่ ต่อให้สภาพร่างกายย่ำแย่แต่คนที่เป็นสาวใช้มาถึงสามหนาวเช่นเซียวหมิงเยว่กับอดีตในภพของนิดาที่ก็ไม่เคยสบายนางก็รู้สึกตัวตื่นเวลาเดิมไม่เปลี่ยนไปได้
ซึ่งเพียงนางขยับกายคนที่ถูกฮูหยิน'ซ้อม'จนย่ำแย่ก็รับรู้ได้ตามสัญชาตญาณของ'นักล่า'ของหน่วยทหารที่ขึ้นชื่อด้านความเหี้ยมโหดและเด็ดขาดแห่งเป่ยเหลียงทันที
"เหล่าโผเจ้าจะเร่งลุกไปที่ใด"
'นั่นสินะข้าจะไปที่ใดกันเล่า?'
เซียวหมิงเยว่ลุกขึ้นมานั่งมึนเพราะปกติชีวิตของสาวใช้มีงานมากมายล้นมือทว่าบัดนี้...ฐานะใดนางเองยังมิแจ้งใจเลยว่าตนเองนั้นต้องเป็นผู้ใดที่จวนหวงนี้และมีหน้าที่ใดให้ต้องไปทำบ้าง
“เอ่อ...มิทราบว่าจะไปที่ใดเจ้าค่ะ”
นางกล่าวไปตามความจริง
“เช่นนั้นจะเร่งรีบตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นไปเพื่อการใดกันเล่าเหล่าโผ"
คนตัวโตทักท้วงน้ำเสียงนุ่มนวล
“เสี่ยวเยว่ตื่นเวลานี้จนคุ้นเคยแล้วเจ้าค่ะ”
จะให้นางนอนต่อล้วนไม่เคยคุ้น
“เจ้าตื่นเช่นนี้ทุกวันเลยหรือ?”
ถามไม่คิดสาวใช้ย่อมตื่นเวลานี้ทั้งสิ้น
“ย่อมเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นนับจากนี้ไปรอตื่นพร้อมข้าก็พอ”
แล้วหากเขาไม่อยู่นางจะทำเช่นไรส่งกระแสจิตไปถามกันได้เช่นในยุค2021ที่มีมือถือได้ที่ใดกัน
“แล้วในยามที่ท่านรองแม่ทัพไม่อยู่เสี่ยวเยว่นั้นจะทำเช่นไรเล่าเจ้าค่ะ?”
จ้าวไห่เฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง
"ก็ยึดเอาเวลาที่เจ้าและข้าตื่นพร้อมกันว่าแต่...ยามใดเจ้าจึงจะเรียกข้าว่า'เหล่ากง'สักครา"
"เอ่อ..."
"ข้ารู้ว่าเจ้าไม่คุ้นปากคุ้นลิ้นแต่คนเราย่อมมีครั้งแรกและฝึกฝนกันได้ อีกอย่างหากเจ้าไม่รู้บุรุษสกุลจ้าวทุกผู้แต่งภรรยาเพียงหนึ่งครั้ง"
บุรุษรุ่นอื่นเขามิแจ้งใจแต่ในรุ่นของเขา ย่อมแต่งงานกับนางเพียงหนึ่งเดียว
" เช่นนี้นับจากเมื่อวานเราคือสามีภรรยากันแล้ว ข้าคือคนของเจ้าเช่นกัน เจ้าก็คือคนของข้า ชาตินี้ไม่มีแยกจากนอกจากความตายเท่านั้นที่จะพรากจากพวกเราสองคนได้ จงจดจำไว้ข้าจะพูดให้เจ้ารู้ซึ้งอีกครั้ง...นับจากเมื่อวานเจ้าคือฮูหยินจ้าว เช่นนี้จงปลดวางหน้าที่สาวใช้ก่อนเจ้าออกเรือนไปให้สิ้นเพราะต่อจากนี้เจ้ามีหน้าที่ใหม่แล้ว"
จ้าวไห่เฉิงพูดจาจริงจัง
“แต่ว่า...ฐานะระหว่างท่านและข้าห่างไกลอย่างยิ่งหากในยามเช้ามาเยือนต้องไปเข้าพิธียกน้ำชาความจริงทุกสิ่งเปิดเผยนายท่านหวงคงมิอาจสะใภ้ที่เป็นเพียงสาวใช้ท้ายจวนไร้ญาติขาดมิตรอย่าได้กล่าวถึงตำแหน่งฮูหยินเพียงอนุเกรงว่าเสี่ยวเยว่ยังมิอาจเอื้อมไปถึงเลยนะเจ้าค่ะ”
‘เขาว่าจะดีจะร้ายลมข้างหมอนล้วนสำคัญอย่างยิ่ง’
...ดรามาต้องเข้าแล้วเสี่ยวเยว่...
เซียวหมิงเยว่นั้นในเมื่อนางคิดตกว่ามิอาจหลุดพ้นไปจากจ้าวไห่เฉิงไปได้เช่นนั้นนางจะไม่ยอมก้มศีรษะเจียมตัวเจียมตนเป็นนางเอกในซีรีส์อย่างแน่แท้ เพราะจุดจบนางเอกนั้นกว่าจะผ่านอุปสรรคไปได้ก็สะบักสะบอมยับเยิน นางมิใช่สตรีถึกทน เช่นนี้นางขอเป็นนางร้ายมากมารยาเสี้ยมสามีย่อมดีแน่
...ต้องเรียกวิญญาณใดมาเข้าร่างดีเล่าเสี่ยวเยว่...
คนซึ่งไม่คิดจะเป็น'นางเอก'นึกย้อนไปยังภพของนิดาว่าในยุคสมัยนั้นมีตัวแม่นางใดที่นางปลื้มพอจะหยิบยกมาเป็นแม่แบบได้แนบเนียนแน่แท้จะเป็นนางร้ายทั้งที่จะเป็นนางร้ายปัญญาทึบเอาแต่ร้องกรีดกราดหมดวันล้วนไม่รุ่งพระเอกล้วนระอาหนีไปซบอกนางเอกแสนดีเสียทุกคราวไปในท้ายที่สุด
...แผนร้ายเช่นไรให้สามีคลั่งรักสว่างวาบขึ้นมาในสมองเท่ากำปั้นทันใด...
"เจ้าเพียงมีหน้าที่เป็นฮูหยินจ้าวผู้งดงามสูงส่งและใสซื่อก็พอแล้วส่วนหน้าที่กำจัดขวากหนามยกให้เป็นหน้าที่ของเหล่ากงเถิด..."
...เพล้ง!...
แผนการนางร้ายพิชิตบิดาของสามีแตกกระจายเพียงเริ่มต้นด้วยคำกล่าวที่พระเอกผู้ใดเซียวหมิงเยว่ล้วนคิดไม่ออกว่าที่ผ่านหูและผ่านตาจะกล่าวเช่นนี้มาก่อนเลย
...นี่ตกลงจ้าวไห่เฉิงคือพระร้ายเช่นนั้นหรือ?...
"เอ่อ..."
นางเพิ่งรู้ซึ้งถึงประโยคที่ว่าตกตะลึงจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกก็วันนี้
“เจ้าจะไปที่ใดหรือเหล่าโผ?”
“ก็...ไปทำหน้าภรรยาที่ดีดูแลสามีนะสิเจ้าค่ะ”
ก็ในเมื่อบทนางร้ายเขาแย่งชิงนางไปจนสิ้นก็เหลือเพียงนางต้องสวมวิญญาณภรรยาที่ดีดูแลเอาใจสามีที่ได้มาอย่างกับว่านางนั้นไปงานวัดแล้วสอยดาวได้มาเท่านั้น
“ไหนเจ้าลองกล่าวหน้าที่'ภรรยาที่ดี'ในความเข้าใจของเจ้าให้เหล่ากงฟังจนชื่นใจสักหน่อยเถิดเสี่ยวเยว่”
"อ๋า..."
เซียวหมิงเยว่นางขยับริมฝีปากอ้าแล้วหุบคล้ายปลาทองจอมตะกละฮุบเอาลมเข้าท้องไปครู่ใหญ่เพราะเรียบเรียงถึงคำสั่งสอนสตรีก่อนออกเรือนของชาวเป่ยเหลียง
"ต้องตื่นก่อนและนอนทีหลังสามีเจ้าค่ะ"
"เมื่อครู่เหล่ากงนั้นกล่าวแก่เจ้าว่าเช่นไร"
"เอ่อ...ให้รอตื่นพร้อมเหล่ากงเจ้าค่ะ"
"แล้วยังมีอันใดอีก"
"ต้องดูแลบ้านเรือนให้สะอาด ฟูกนอนและหมอนอย่าให้เหม็นอับ สามีกลับเรือนต้องยิ้มแย้ม ทุกสิ่งในจวนอย่าได้ละเลย ปัญหาจะใหญ่จะน้อยล้วนต้องจัดการได้มิให้สามีต้องมาร้อนใจเจ้าค่ะ"
ต่อให้อนุภรรยาตบตีกันฮูหยินเอกก็ล้วนต้องกำราบให้ได้ ในแต่ละราตรีเวรของอนุนางใดต้องเข้าปรนนิบัติสามีก็ล้วนเป็นฮูหยินเอกต้องจัดการมิให้สามีได้ร้อนอกร้อนใจ
...เฮ้อ!...
นี่แหละที่เซียวหมิงเยว่นางไม่คิดวางแผนจะตบแต่งสามีมาก่อนตลอดเวลาสามฤดูหนาวยังเป่ยเหลียงแห่งนี้เพราะสตรีต่อให้เป็นภรรยาเอกก็มิใช่จะสุขสบาย ตรงกันข้ามกลับเต็มไปด้วยภาระยิ่งใหญ่มากองอยู่บนศีรษะจวบจนสิ้นใจไปนั่นเลย ทว่าสุดท้าย...นางกลับมิอาจหนีพ้น...
"ที่เจ้ากล่าวมาทั้งสิ้นคือหน้าที่ภรรยาที่ดีมิผิดไปเหล่ากงมิถกเถียงเจ้าหรอกทว่า...นั่นคือหน้าที่ภรรยาของชาวเป่ยเหลียงหาใช่หน้าที่ภรรยาของข้า...จ้าวไห่เฉิง..."
คนตัวโตกล่าวจบก็ขยับกายลุกขึ้นมานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังของ'ฮูหยินจ้าว'โอบกอดนางเข้าไปอย่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งแล้ววางคางเกยเอาไว้บนศีรษะเล็ก
"การเป็นภรรยาที่ดีของจ้าวไห่เฉิงนั้นมีเพียง...เจ้าต้องเป็นสตรีผู้มีความสุขที่สุดในเป่ยเหลียงและเช่นกันเจ้าต้องทำให้เหล่ากงเป็นบุรุษผู้มีความสุขที่สุดแห่งเป่ยเหลียงเช่นกัน ขอเพียงเท่านี้มิทราบว่าฮูหยินจ้าวนั้นจะลำบากไปหรือไม่?"
เซียวหมิงเยว่นางได้ฟังคำกล่าวของ'เหล่ากง'ก็พลันมุ่ยหน้าริมฝีปากจิ้มลิ้มยกเชิดขึ้นแทบชิดปลายจมูกเรียวทันที อันใดคือขอเพียงนางเป็นสตรีผู้มีความสุขที่สุดแห่งเป่ยเหลียงแล้วอันใดคือนางต้องทำให้เขาเป็นบุรุษผู้มีความสุขที่สุดในเป่ยเหลียงคือมันค่อนข้าง
...ความหมายกว้างขวางดังแม่น้ำซีเหอเลยเชียวนางหาใช่มากปัญญาถึงเพียงนั้นนี่นา...
“เสี่ยวเยว่นั้นโง่เขลาคงต้องรบกวนเหล่ากงนั้นช่วยชี้แนะแล้ว...”
...ติดกับดัก...เป็นไปดักกลอุบายข้า...หึ...หึ...หึ...
รอยยิ้มของปีศาจราคะกดลึกยกเชิดขึ้นเพียงหนึ่งข้างและแน่แท้เซียวหมิงเยว่นางย่อมมิอาจมองเห็นก็กายน้อยถูกโอบกอดเอาไว้แถมใบหน้าหล่อเหลานั้นยังวางเอาไว้บนศีรษะนางอีกจะมองเห็นจึงยากเย็น
"ย่อมได้...เหล่ากงนั้นจะค่อยๆ ชี้แนะฮูหยินจ้าวอย่าง...ตั้งอกตั้งใจมิได้เจ้าต้องติดใจสงสัยแม้แต่น้อยเลยคนดี"
ถึงเซียวหมิงเยว่นางหาใช่คนมากปัญญาทว่าน้ำเสียงเช่นนี้...มันไม่น่าวางใจเกินไปหรือไม่?...พอนางสงสัยจึงเผลอหันกลับไปมองอีกฝ่ายที่ใช้ร่างกายใหญ่โตโอบล้อมนางเอาไว้โดยลืมคิดไปว่านางและเขานั้นนั่งพูดคุยกันในความมืดจะไปมองเห็นสิ่งใดไปได้
แต่สัญชาตญาณสตรีมันร้องเตือนถึงอันตรายเซียวหมิงเยว่นางย่อมมากความระแวงส่วนจ้าวไห่เฉิงผู้รอเวลาให้นางหันมาอยู่แล้วก็สอดฝ่ามือเข้าสู่ต้นคอระหงกดล็อกเอาไว้จนแนบสนิทแล้วกดริมฝีปากตนเองเข้าหาริมฝีปากคนตัวน้อยได้พอเหมาะพอดีแสนจะแม่นยำ!
...บัดซบ!...นางพลาดอีกแล้ว...