บทนำ///เจ้าสาวของข้าเปลี่ยนไป
...โครม!...
ร่างของสตรีผู้หนึ่งในอาภรณ์สีแดงเจิดจรัสมิต้องเดาให้วุ่นวายย่อมแจ้งแก่ใจทั้งสิ้นว่านางนั้นย่อมเป็นเจ้าสาวอย่างแน่แท้กายอรชรนั้นถูกโยนเหมือนเศษขยะลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้นห้องกว้างยังจวนตระกูลหวงหนึ่งในสองตระกูลผู้ทรงอิทธิพลยังเมืองหลวงของอาณาจักรเป่ยเหลียง แห่งนี้
“รองแม่ทัพจ้าวได้ตัวคนมาแล้วขอรับ”
บุรุษวัยราวสามสิบหนาวกล่าวแก่บุรุษผู้สวมอาภรณ์สีแดงเจิดจรัสที่ย่อมแน่แท้ว่าคนผู้ซึ่งยืนหันหลังทอดสายตามองออกไปยังบานหน้าต่างด้วยกิริยานิ่งสงบทว่ากลับมีรังสีแห่งการเข่นฆ่าลอยคละคลุ้งนั้นมิต้องเดามากมายล้วนรู้แจ้งว่าบุรุษในวัยราวยี่สิบห้าหนาวนาม 'จ้าวไห่เฉิง'ซึ่งแท้จริงเขานั้นคือคุณชายรองแห่งสกุลหวงทว่าด้วยปัญหาบางสิ่งเขาจึงใช้แซ่จ้าวตามท่านตาและมารดาเสียแทนผู้นี้ย่อมเป็นเจ้าบ่าวของวันนี้อย่างแน่แท้มิต้องคาดเดาให้เหนื่อยเปล่า
ย้อนกลับไปเมื่อราวสองชั่วยามก่อน
‘ไห่เฉิงข้าต้องขออภัยอย่างยิ่งในยามนี้ข้าคุณหนูใหญ่หลิ่ว...หลิ่วหลิงหรงผู้นี้ได้ตั้งครรภ์ลูกของอี้หานได้สองเดือนแล้วข้าคงมิอาจตบแต่งไปเป็นเจ้าสาวและภรรยาเอกให้แก่ท่านได้เสียแล้ว...หลิ่วหลิงหรง’ ’
…หลิ่วหลิงหรง...หวงอี้หาน! ...เจ้าพวกคนทรยศต่ำช้ายิ่งนัก!...คิดหนีตามกันไปไยจึงเลือกจะหนีไปในวันวิวาห์ของเขาด้วย? …มารดามันเถอะ!!!…
ในยามที่คุณชายรองแห่งสกุลหวงหรือท่านรองแม่ทัพจ้าว...จ้าวไห่เฉิง...บุตรชายคนที่สองของท่านอัครมหาเสนาบดีหวงรั่วไห่ได้อ่านข้อความแสนสั้นแต่ช่างสร้างความโกรธแค้นขึ้นในดวงใจของเจ้าบ่าวเช่นเขาอย่างมหาศาล มิใช่ว่าเขารักใคร่อันใดคุณหนูใหญ่หลิ่ว ทว่าเขากำลังขายหน้าอย่างถึงแก่นหากเรื่องที่เจ้าสาวหนีตามบุรุษอื่นเปิดเผยออกไปต่างหากเล่าที่เขาเดือดดาลใกล้คลั่งเต็มทนในเวลานี้
...ก็จะมีบุรุษใดไม่โกรธเคืองเคียดแค้นบ้างเล่า? ...
ในเมื่อถ้าหากนางมิคิดจะตกแต่งให้แก่เขาตั้งแต่ในยามแรกไยนางจึงมิบอกกล่าวกันตั้งแต่ต้นหรือให้เร็วกว่านี้มิใช่เกี้ยวเจ้าสาวไปรอรับถึงหน้าประตูจวนสกุลหลิ่วนางนั้นกลับหนีไร้ร่องรอยเหลือทิ้งเอาไว้เพียงจดหมายบอกลามิกี่ตัวเช่นนี้มิให้เขาโกรธแค้นจนแทบพุ่งกายออกไปไล่ล่าสตรีร้ายกาจกับเจ้าบุรุษชั่วช้า เสียเดี๋ยวนี้หากไม่ติดว่าพิธีการนั้นไล่หลังประชิดติดแผ่นหลังอยู่เช่นนี้ละก็หญิงร้ายชายชั่วได้ตายสมใจเป็นแน่
ถึงเขาไม่เคยมีใจรักใครต่อนางเลยทว่าการมาทอดทิ้งกันในวันนี้ฆ่าเขาซึ่งเป็นเจ้าบ่าวให้ตายเสียเลยยังดีกว่าทิ้งเขาเอาไว้ให้อยู่กับแขกเหรื่อที่ล้วนมากมายมาร่วมงานจนเต็มแน่นจวนสกุลหวงไปหมดเช่นนี้
ทว่ากลับไร้เงาเจ้าสาวเพราะนางนั้นกลับหนีหายไปกับคุณชายใหญ่สกุลหวงหรือบัดนี้คือใต้เท้าหวงที่ปรึกษาคนสนิทขององค์ไท่จื่อหลี่โม่ป๋ายศัตรูตลอดกาลของเขาไปเสียแล้วเช่นนี้เขาที่เป็นรองแม่ทัพจ้าวยังจะมีหน้าสู้ทนเผชิญต่อคนในเมืองหลวงของเป่ยเหลียงไปได้อย่างไรกัน เล่า อับอายใดเล่าจะเท่าอับอายที่บุรุษเช่นเขามาถูกทอดทิ้งฉีกหน้ากันกลางงานวิวาห์จากเจ้าสาวเช่นนี้
หนึ่งคนคือพี่ชายต่างมารดาที่ตลอดมาถึงไม่ได้รักใคร่ผูกพันทว่าเขาก็พอจะวางใจกันอยู่บ้างในฐานะใช้บิดาร่วมกันเป็นอีกคนที่ไม่ถึงกับสนิทชิดใกล้จนวางในกันได้แต่มาขโมยเจ้าสาวเขาหนีไปมันคงไม่คิดนับญาติกันแล้วเป็นแน่
ส่วนอีกหนึ่งคือคู่หมายที่หมั้นกันมานานถึงนางกับเขานั้นหลายหนาวที่ผ่านมาไม่รักใคร่เช่นคู่หนุ่มสาวอื่นแต่ก็ต่างรู้แจ้งถึงฐานะคู่หมั้นคู่หมายนี้ถึงนางหาใช่หญิงคนรักทว่าตำแหน่งคู่หมั้นนี้คนทั้งซานหยางล้วนรู้แจ้งหากการทรยศกันเช่นนี้ต่อให้บุรุษผู้นั้นมิใช่พี่ชายร่วมบิดานักรบเช่นเขาก็อับอายขายหน้าไม่น้อยแล้วหากแต่ผู้ที่พาว่าที่ภรรยาของเขาหนีหายไปกลับเป็นพี่ชายร่วมบิดาเช่นนี้ใบหน้าของท่านรองแม่ทัพจ้าวยังจะเหลืออันใดกัน?!
แล้วคนเช่นเขาจ้าวไห่เฉิงผู้ซึ่งเป็นถึงท่านรองแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพใหญ่อันเกรียงไกรยังดินแดนเป่ยเหลียงผู้มีหน้ามีตาเป็นที่รู้จักไปจนทั่วทั้งแคว้นซั่วโจวชายแดนของเป่ยเหลียงที่ประการนี้...
ไม่สิต้องกล่าวว่าเขานั้นนับเป็นที่รู้จักไปทั้งเป่ยเหลียงถึงจะถูกแล้วสมควรหรือที่เขานั้นต้องมายินดีถูกหัวเราะขบขันด้วยสาเหตุอันชวนขายหน้ายิ่งของบุรุษองอาจเช่นนี้ได้อย่างไร บุรุษร้ายกาจกับสตรีไร้ยางอายนั้นช่างสมควรตายเกินไปแล้ว
ในเมื่อเจ้าสาวหนีไปกับพี่ชายซึ่งเกิดแต่ภรรยาเอกแล้วบุตรชายคนรองเช่นเขาที่กำเนิดมาจากสตรีซึ่งเป็นแม้แต่อนุภรรยาคนรองของท่านอัครมหาเสนาบดีใหญ่แห่งเป่ยเหลียงก็ยังมิอาจทำได้เช่นเขาเล่ารู้ไปถึงที่ใดเขาหรือจะมีหน้ากล้าออกไปเผชิญต่อคนภายนอกได้อีก...
...เกรงว่าคงยากไม่น้อยเลยที่เขาจะหน้าด้านหน้าทนขนถึงเพียงนั้น...
ดังนั้นยามนี้กายเล็กในชุดเจ้าสาวที่มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาจึงเป็นหนึ่งในบรรดาคนของแซ่หลิ่ว'หลิ่วหลินอี'บุตรสาวคนที่สามและเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาเดียวกันของหลิ่วหลิงหรงนั่นเอง ในเมื่อนางก็นับว่าเป็นคนแซ่หลิ่วเช่นนั้นในวันนี้นางล้วนต้องร่วมกันช่วยเขารักษาหน้า
แล้วเมื่อผ่านพ้นงานเต็มพิธีการในวันนี้ไปจนเรียบร้อยเขาก็จะทิ้งให้นางเป็นเพียงอนุไร้ชื่อแซ่ไว้ยังจวนรองของสกุลหวงของบิดาแห่งนี้ส่วนตัวของเขาก็กลับชายแดนซั่วโจวไม่มาเหยียบเมืองซานหยางอีกตลอดชีวิต เรียกว่าทรมานชนิดอยู่ก็มิได้ตายก็มิอาจแตะต้องเลยทีเดียวโทษที่เขาจะมอบให้สตรีของคนแซ่หลิ่ว!
...นางจะต้องเป็นฮูหยินจ้าวผู้ถูกหลงลืมไปจนสิ้นชีพนั่นเลยจึงนับว่าสาสมยิ่งนัก!....
“อื้อ...อื้อ...อื้อ"
ร่างเล็กที่ถูกจับกรอกยาสลายกระดูกจนสิ้นแรงไร้แม้แต่เพียงกำลังที่จะเอ่ยคำว่าพวกเขาทั้งสิ้นล้วนผิดแล้วตนเองหาใช่บุตรสาวคนหนึ่งคนใดของตระกูลหลิ่วไม่!
เพราะนางนั้นเป็นเพียงสาวใช้ของหลิ่วหลินอีบุตรีคนที่สามแต่เป็นบุตรสาวคนที่สองของนายท่านหลิ่วมีนามว่า'เซียวหมิงเยว่'ต่างหากเล่าเจ้าพวกคนโง่เง่า!
โง่แล้วโง่อีกซึ่งความโง่เง่าเหล่านี้นางล้วนมิคิดข้องเกี่ยวหากว่าจะมิเดือดร้อนมาถึงชีวิตอันสงบสุขของสาวใช้ท้ายจวนสกุลใหญ่เช่นนาง...'เซียวหมิงเยว่'...ผู้นี้
เพราะนางนั้นแต่เดิมก็มีแต่ท่านแม่ที่เป็นแม่ค้าขายผักอยู่ในตลาดสดยามเช้าของเมือง'ซ่างเหอ'ส่วนอันผู้เป็นบิดาจริงแท้ของนางเด็กสาวมิอาจรู้แจ้งด้วยเกิดมามิเคยพบเห็น ทั้งสองแม่ลูกแซ่เซียวนั้นใช้ชีวิตสงบสุขมาได้จวบจนถึงเมื่อนางได้อายุเข้าสิบเอ็ดหนาวมารดาก็มาตายลงด้วยโรคระบาด
นั่นเองที่นางต้องขายตนเองมาเป็นสาวใช้ยังจวนสกุลหลิ่วเพื่อใช้เป็นเงินฝังศพมารดานับแต่วันนั้นจวบจนวันนี้เซียวหมิงเยว่นางใช้ชีวิตเรียบง่ายยังท้ายจวนสกุลหลิ่วมาได้ร่วมสามหนาวแล้ว
หากแต่วันนี้ความซวยกลับมาเคาะประตูเยือนนางถึงเรือนนอนของบ่าวท้ายจวนเมื่อทั้งคุณหนูใหญ่และคุณหนูสามแซ่หลิ่วทั้งหลิ่วหลิงหรงและหลิ่วหลินอีพวกนางต่างพากันหนีหายทิ้งทั้งเจ้าบ่าวและงานวิวาห์อันยิ่งใหญ่ซึ่งคงนับได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหนึ่งหนาวยังเมืองหลวงเช่นซานหยางแห่งนี้ไว้ให้นางซึ่งมิเกี่ยวข้องต้องรับช่วงต่อเสียอย่างนั้น
...สวรรค์ช่างโหดร้ายต่อสาวใช้เช่นนางโดยแท้...
แต่คนแซ่หลิ่วเหล่านั้นคงร้ายกว่าสวรรค์เพราะช่างหน้ามิอายกันทั้งตระกูลโดยแท้ที่กล้าจับนางส่งมารับหน้าทั้งเจ้าบ่าวและคนใหญ่โตเช่นใต้เท้าหวงอัครมหาเสนาบดีหวงรั่วไห่และท่านรองแม่ทัพจ้าว'จ้าวไห่เฉิง'ผู้ยืนทะมึนอยู่ตรงหน้าของนางในยามนี้เสียอย่างนั้น
...บิดามันเถอะ!...นางเป็นเพียงสาวใช้มีชีวิตเดียวหาใช่ปีศาจนางแมวมีเก้าชีวิตเอาไว้ชดใช้ให้พวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้สักนิด!...
ซึ่งใน ยามนี้สาวใช้เช่นนาง 'เซียวหมิงเยว่'นั้นกำลังเฝ้าอวยพรให้แก่บรรพบุรุษของทั้งตระกูลหลิ่วอันยิ่งใหญ่เป็นลำดับที่สี่ของมหานครซานหยางเมืองหลวงของเป่ยเหลียงแห่งนี้ไปเสียหมื่นเล่มเกวียนได้แล้วนับจากนางถูกกรอกยาสลายกระดูกบ้าบอนั้น
...ก็นางเกี่ยวข้องอันใดด้วยเล่า? ...
เพราะพวกเขาช่างบังอาจกระชากชีวิตอันแสนจะสงบสุขของสาวใช้แล้วนำพาความยัดเยียดเอาโชคร้ายมาสู่ตนโดยมิรู้ความด้วยทั้งสิ้น
ทั้งที่เด็กสาวชาวบ้านธรรมดาเช่นนางมิได้มีส่วนใดไปเกี่ยวข้องมีส่วนได้ส่วนเสียกับเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลิ่วหรือจะเป็นตระกูลหวงไปจนถึงสกุลจ้าวนางเซียวหมิงเยว่สาวใช้นางหนึ่งล้วนมิเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ทั้งสิ้น
และที่สำคัญยังมีตระกูลหลานที่มีส่วนร่วมในความอภิมหาซวยของนางเพราะทุกสิ่งจะมิถูกจับยัดมาตกถึงนางหากว่าคุณชายน้อยตระกูลหลานผู้นั้นมันจะมิลักลอบพาคุณหนูหลิ่วคนที่สามหนีไปอีกนาง เท่านั้นไม่พอเจ้าคุณชายหลานดันกรอกยาสลายกระดูกให้แก่นางอีกด้วย
...สวรรค์วันนี้มันเป็นวันฤกษ์ดีต่อการหนีตามกันไปของสองศรีพี่น้องแห่งตระกูลหลิ่วหรืออย่างไร? ...
ด้วยว่าในวันนี้นอกจากคุณหนูใหญ่แล้วคุณหนูรองหลิ่วหลินอี นางนั้นก็ยังหอบผ้าหนีไปอีกผู้ ก็มิอาจทราบได้ว่าบุตรีของสกุลหลิ่วทั้งสองนั้นมีแค้นเก่าแก่อันใดต่อท่านรองแม่ทัพจ้าวกันนักหนาจึงพากันหนีหายทอดทิ้งเจ้าบ่าวผู้นี้กันไปทั้งพี่และน้องความลำบากจึงมาตกใส่ศีรษะผู้มิรู้ความเช่นนางเสียได้...ช่างสมควรตายกันทั้งตระกูล!...
‘ให้ตายเถอะ! ไยข้าช่างซวยหนักถึงปานนี้...ข้าเพียงต้องการชีวิตอันสงบสุขเรียบง่ายมันยากเย็นเกินไปหรืออย่างไรเล่าสวรรค์’
เซียวหมิงเยว่นางโอดโอยได้เพียงภายในใจเท่านั้นเพราะมิอาจขยับปากเอื้อนเอ่ยคำออกมาได้นั่นเองหาไม่นางคงตะโกนก้องไปแล้วว่าตนเองหาใช่คนที่พวกเขาเข้าใจไม่!
"เจ้าสาวมาแล้วเช่นนั้นก็เริ่มพิธีเถิดท่านพ่อบ้านอู๋"
...บ้าบอจริงแท้...นรกจะชิงชังนางเกิดไปแล้วนะ!...
นางนั้นได้โอกาสเกิดใหม่ยังดินแดนแห่งนี้ตลอดมาหวังเพียงใช้ชีวิตสงบสุขมิข้องเกี่ยวต่อผู้ใดอีกทั้งสิ้นมิคาดผ่านไปได้เพียงสี่หนาว สี่หนาวเท่านั้นความโชคร้ายกลับมาบังเกิดซ้ำรอยอีกครั้ง
...ท่านเทพชะตาพวกเรานั้นมีแค้นส่วนตัวต่อกันเช่นนั้นหรือ...
"นิดา ทรัพย์เป็นเอก" เด็กสาววัยสิบห้าปีที่ตายลงเพียงเพราะถูกเจ้าหนี้ของพี่ชายหวังข่มขืนแต่ด้วยเธอในวันนั้นต่อสู้อย่างมิรักชีวิตสุดท้ายจึงพลัดตกจากชั้นหกของตึกรกร้างตายลงแต่เพียงอายุสิบห้าปีเท่านั้น แต่เพราะเหตุใดก็สุดรู้นางจึงพลัดหลงมาอยู่ในร่างของเด็กน้อยนามเซียวหมิงเยว่ในวัยสิบเอ็ดหนาวเมื่อสี่หนาวก่อนนี้ซึ่งในยามนั้นแคว้นซ่างเหอที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงราวสามร้อยลี้บังเกิดโรคระบาดผู้คนต่างล้มตายไปหลายพันคน
...ย่อมแน่นอนยามนั้นทั้งแม่และลูกแซ่เซียวเองต่างยากจนจึงตายลงไปพร้อมกันยามนี้ที่ยังมีชีพต่อมานั่นคือนิดานั่นเองหาใช่เซียวหมิงเยว่เด็กน้อยผู้อาภัพแต่อย่างใด...
ผ่านมาเพียงสี่หนาวนางกลับต้องมาเผชิญเหตุการณ์คล้ายในภพชาติเดิมอีกครั้งต่อให้คราวนี้นางนั้นถูกตกแต่งให้แก่คุณชายผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในห้าตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเป่ยเหลียงแห่งนี้ทว่านางก็ล้วนมิต้องการทั้งสิ้น!
ตลอดเวลาที่ได้มาอยู่ในร่างนี้ก็นางมิเคยคาดคิดมาก่อนว่าตนเองกลายเป็นเพียงสาวใช้ปกปิดทุกความสวยงามของตนเองเพื่อหวังพ้นภัยจากเหล่าบุรุษมากราคะ
ทว่าความซวยนี้กลับมาตกใส่ศีรษะเข้าจนได้ มิทราบว่าเหล่าคนแซ่หลิ่วเหล่านั้นไม่คิดกลัวความตายกันแล้วหรืออย่างไรจึงคิดตลบหลังต่อท่านอัครมหาเสนาบดีใหญ่และบุตรชายคนรองของเขาที่เป็นถึงท่านรองแม่ทัพใหญ่ของค่ายหยินหลางเซ่อที่ซั่วโจวเช่นนี้
"เจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงแล้ว...เริ่มพิธีได้"
...โธ่...
หมดกันจบสิ้นแล้วชีวิตสาวสวยที่วางแผนว่าจะร่ำรวยให้มากของข้า ที่เฝ้าใฝ่ฝันมาหลายหนาว ต้องมามีสามีโดยมิได้ตั้งใจแถมได้ข่าวว่าท่านรองแม่ทัพจ้าวผู้นี้ช่างแก่เฒ่าเข้าวัยเฉียดสามสิบ...ฮึก...ข้าเพียงร้องเพลงในท้ายจวนหาได้ร้องในห้องครัวไยจึงได้สามีผู้เฒ่าเหลาเหย่ถึงเพียงนี้...เสี่ยวเยว่รับไม่ไหวแล้ว...แง่ง...สวรรค์...ท่านช่างอำมหิตต่อสาวน้อยเกินไปแล้ว...
แต่ก็ทำได้เพียงร้องถามแค่เพียงในใจเท่านั้นว่าไยท่านเทพชะตาจึงมีใจคอโหดร้ายต่อชีวิตน้อยๆ ของนางยิ่งนักชาติหนึ่งนางก็ตายอย่างไร้ความเป็นธรรมกลับมาเกิดใหม่ยังต้องมาพบเจอเหตุการณ์แทบมิแตกต่างอีก
แต่ละช่วงพิธีการผ่านไปอย่างทรมานเป็นอย่างยิ่งด้วยทุกก้าวเดินนางล้วนถูกบุรุษผู้เป็นเจ้าบ่าวซึ่งนางมิเคยได้พบเห็นใบหน้าจริงของเขาสักครั้ง ต่อให้ตลอดช่วงเวลาร่วมสี่หนาวที่นางนั้นได้ไปพักพิงยังจวนของตระกูลหลิ่วซึ่งเป็นคู่หมั้นแต่วัยเยาว์ของคุณหนูใหญ่หลิ่วหลิงหรง
ท่านรองแม่ทัพจ้าวผู้นี้เขามักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้งแต่นางที่เป็นเพียงสาวใช้ตัวน้อยๆ ผู้หนึ่งล้วนมิเคยใส่ใจออกมาร่วมดูชมโฉมบุรุษซึ่งขึ้นชื่อว่ารูปงามนับเป็นหนึ่งยังดินแดนแห่งนี้และต่อให้นางพอจะทราบจากคำบอกเล่าอยู่บ้างว่าท่านรองแม่ทัพจ้าวผู้นี้ก็คือหนึ่งในห้าคุณชายแห่งเป่ยเหลียงที่เหล่าสตรีล้วนใฝ่ฝันอยากตกแต่งให้แก่พวกเขาอย่างยิ่งอีกด้วย หากจะเทียบกับยุคที่นางตายจากมาคุณชายรองผู้นี้คงนิยามได้ว่าคือหนึ่งในห้าหนุ่มสุด'ฮ็อต'แห่งเป่ยเหลียงแห่งนี้เลยทีเดียว ทว่า...
...หล่อเหลาแล้วอย่างไร...หรือว่า...ร่ำรวยแล้วอย่างไร...
เพราะทั้งสิ้นมิอาจวัดค่าของคนดีไปได้ เช่นนั้นเซียวหมิงเยว่นางจึงเพียรทำงานชดใช้หนี้สินกับรวบรวมเงินทองให้มากยามที่นางเข้าสู่วัยสักยี่สิบห้าหนาวย่อมพอได้พ้นชายคาตระกูลหลิ่วจากไปพึ่งพิงตนเองได้แล้วหากแต่ยามนี้ความฝันอันเรียบง่ายกลับไร้หนทางเป็นจริงเสียแล้ว
ต่อให้ยามนี้ในหัวของนางมากมีแต่แผนการที่วางเอาไว้เป็นฉากเป็นตอนมิได้ใส่ใจกับทุกพิธีการที่กำลังดำเนินไป แต่แน่นอนว่าปัญหาทั้งสิ้นของตัวนางนั้นก็คือยามนี้ได้ถูกวางยาหมดสิ้นกำลังแม้เพียงเอ่ยคำพูดสักเพียงครึ่งคำยังมิได้แล้วเช่นนี้แผนการใดยังจะใช้ได้อยู่อีก
ในขณะที่ สาวน้อยกำลังสนใจแต่เพียงตนเองอีกทั้งผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวยังบดบังจนนางมองอันใดก็มิเห็นนอกจากสีแดงและ...สีแดง...เซียวหมิงเยว่ จึงมิมีโอกาสได้รับรู้เลยว่าในสายตาและความรู้สึกของเจ้าบ่าวเช่นท่านรองแม่ทัพจ้าวนั้นเลยว่าในยามนี้เขาล้วนกำลังสงสัยต่อเจ้าสาวของตนเข้าเสียแล้ว
ก็เช่นไรถึงเขาจากบ้านเกิดไปแต่วัยสิบหกหนาวทว่าทุกฤดูหนาวเขาล้วนกลับมาเยี่ยมท่านย่ามิได้ขาดถึงในหนาวก่อนท่านย่าจากไปแล้วเขาก็ยังแวะเวียนมาเคารพสุสานของท่านอยู่ดี ดังนั้นเขาย่อมรับรู้ได้ว่าที่เคียงข้างตนเองนั้นมันไม่คล้ายหลิ่วหลินอี...
แต่สุดท้ายผู้เป็นเจ้าบ่าวก็คิดว่ารอให้ทุกพิธีการผ่านพ้นไปด้วยดีเขาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเดี๋ยวก็รู้แจ้งเองว่าที่แท้เจ้าพวกคนสกุลหลิ่วเหล่านั้นเล่นกลใดต่อเขาอีกกันแน่
...แต่จะมาไม้ไหน วิธีใดสุนัขป่าจนเงินย่อมมิหวาดเกรง!....