ตอนที่ 8

1339 คำ
คำพูดที่ปนอาฆาตมาดร้ายปารดาเข้าใจนั่นคือเหตุการณ์จริง ความที่ช้องม่วงหยิ่งยโสมองไม่เห็นหัวใคร หล่อนพึงพอใจไหม ก็คือว่าพอใจ หันมาลูบคลำที่ท้องของหล่อน *********** ฝนตกช้องม่วงมาถึงบ้านแล้ว และฝนที่พรำหนักสาดสายละอองเป็นม่านมัวหนาทำไมเป็นเวลานี้ด้วยนะพอดี ก็เกือบหนึ่งชั่วโมง ที่หล่อนนั่งคุยกับเขา แล้วเขาก็กลับไปหลังจากล่ำลาจากหล่อน หล่อนจดจำเสน่ห์ของเขาและรอยยิ้มได้ พบว่าในบ้านของหล่อนมีรถจอดอยู่อีกคัน ใครมาเป็นอาคันตุกะในยามนี้ หล่อนไม่เคยเห็น ช้องม่วงคว้าร่มที่พับไว้ข้างเบาะ ฝนที่เห็นเย็นฉ่ำกระหน่ำเหมือนจะให้ฟ้ารั่ว รอบกายของหล่อนมีแต่ความหนาวจนต้องห่อกาย เห็นว่าทิชานั่งคุยกับแขก คนที่หล่อนได้เห็น ตัดผมสั้นใบหน้ากลม ปากนิดจมูกหน่อยดูจิ้มลิ้ม ทรงผมไว้จอน แถมมีต่างหูสีดำติดข้างเดียว เป็นเพื่อนของทิชา ที่เคยเห็นหนก่อน ที่กระเดียดไปทางทอม “หวัดดีฮะ พี่ม่วง” หล่อนหันมามองพร้อมพยักหน้า “มาเยี่ยมทิชา เป็นห่วง” “ข้างนอกฝนตกหนัก ไม่หนาวหรือทิชา” หล่อนถามน้องสาว ทิชาได้ยินเสียงฝนพรำหนักอยู่ข้างนอกเช่นกัน “ห่วงหลานในท้องด้วย เดี๋ยวจะไม่สบาย” จากนั้นช้องม่วงขอตัวขึ้นไปห้องของหล่อน หากแต่เมื่อหล่อนกลับลงมาอีกครั้ง กลับเห็นว่า นวลนิจเพื่อนสาวทอมของน้องสาว ยังไม่ได้กลับ เลยมาเดินดูความเรียบร้อย ช้องม่วงกวาดตามอง “ฝนหยุดแล้วล่ะหนู ทางบ้านไม่ห่วงเอาหรือ” “นวลพักอยู่หอฮะ ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ นวลเป็นคนต่างจังหวัด” หล่อนไม่ค่อยไว้ใจท่าทีของเด็กสาวตรงหน้า ไม่พยายามทำตัวเป็นหญิงสักนิดเพราะเห็นว่าคุยกับทิชาลื่นไหลสนุกสนานไปนานอย่างนี้ น้องสาวมาถึงจุดวิกฤตของชีวิตเช่นนี้ ความสับสนหล่อนกลัวเกิดการเปลี่ยนแปลง เบี่ยงเบน เพราะทิชากำลังฝังใจเกลียดสิรามเรศอยู่ เขาเป็นผู้ชาย แต่หล่อนยังกลัว กลัวมากที่สุด ที่น้องสาวจะเปลี่ยนใจมารักชอบพอกับผู้หญิงด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่ช้องม่วงไม่เห็นด้วยมากที่สุด เวลานี้เธอก็ไม่แตกต่างไปจากมารดาที่คอยปกป้องลูก ทิชา หล่อนเลี้ยงดูน้องมาตลอด หล่อนไม่ยอมให้ใครฉุดน้องสาวออกห่างสายตาหรอก ทิชาเหลือบดูนาฬิกาอีกครั้ง “เอาล่ะพอเถอะแค่นี้นวลกลับไปนะมันดึกแล้ว” นวลนิจเพิ่งรู้ตัว อาจจะเพราะคุยติดหล่ม “งั้นนวลลาก่อนนะฮะ” นวลนิจออกไปแล้ว พร้อมกับขับรถยนต์จากไปเมื่อเวลาสี่ทุ่มกว่า “พี่ไม่เห็นด้วยนะกับการที่ทิชาทำแบบนี้” คำที่พี่สาวเอ่ยเมื่อนวลนิจไปแล้วทิชาไม่กล้าสบตา เพราะเข้าใจดีถึงการกระทำที่พี่สาวไม่ชอบ เด็กสาวต้องการหาทางออกเท่านั้นอย่างน้อยไม่มีอะไรมากนวลนิจเข้ามาเยี่ยม เพราะเป็นเพื่อนมานาน พักหลังไม่ได้เจอกันเท่านั้น เพราะทำงานประจำ วันนี้นวลนิจลาหยุด “ทำไมคะนวลเป็นคนดี ทิชาคบกับนวลมานานแล้ว ดีกว่าผู้ชายบางคนเสียอีกค่ะ” “ทิชา” ช้องม่วงเรียกน้องสาวเบา “พี่ไม่ได้กลัวอย่างนั้น พี่กลัวความสับสนในใจของทิชา จนแยกแยะไม่ออก” ความสับสนที่ทำให้จิตใจของน้องลามไหลและเปลี่ยนแปลง พี่สาวคิดอย่างนั้น ทิชาเงียบเธอขลาดเหมือนกันกับคำที่พี่สาวเอ่ย ช้องม่วงเลี้ยงและดูแลน้องมากับมือ หล่อนรู้ว่า อะไรเป็นอะไรดีที่สุด “พี่กลัวแต่ว่า ความเกลียดชังของทิชาที่มีต่อผู้ชาย จะทำให้ทิชาหวนมาคบกับผู้หญิงด้วยกัน มันไม่ได้คบแค่นั้นมันลามไปไกลด้วย” เพราะหลายคู่ในสังคมมีเรื่องแบบนี้ หล่อนกลัว “พี่บอกตามตรงพี่กลัว” “อย่ากลัวเลยค่ะพี่ม่วง หนู ควบคุมตัวเองได้” “ควบคุมรึ ถึงเวลานั้นอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้” หล่อนต้องใช้เสียงเข้มกับน้องสาวและมึนตึงอยู่บ้าง ไม่ค่อยพอใจนักที่เพื่อนน้องสาวคนนี้เข้าบ้าน หล่อนไม่อยากต้อนรับ หล่อนคิดว่าดูแลน้องได้ “อย่าให้พี่เห็นอีกนะ พี่ไม่อยากให้พามาเข้าบ้าน” หล่อนต้องสั่งเสียงเฉียบขาด “ค่ะ” ทิชาพยักหน้า “เอาล่ะ ขึ้นไปนอนเถอะ นี่มันดึกแล้ว ไม่สบายขึ้นมา ต้องคำนึงชีวิตอีกคนที่อยู่ในท้องด้วยนะ ทิชาหาพ่อให้ลูกไม่ได้ แต่พี่พร้อมจะเป็นป้าเลี้ยงหลาน” หล่อนพูดให้กำลังใจน้องสาวให้ความอบอุ่น ในลักษณะการปกป้องไม่เคยทอดทิ้งน้องสาวที่มีอยู่ “แต่พี่ต้องทำงานทุกวัน ส่วนทิชาก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ” ครั้นเมื่อปารณีย์เดินเข้ามา “คุณศิลาส่งเธอที่ไหน” เห็นว่าน้องสาวคนรองกับคนเล็กนั่งคุยกัน “หน้าปากซอยค่ะ” ฟังคำตอบแล้วปารณีย์เงียบ “พี่ณีย์จะแต่งวันไหนคะ” “พี่ยังไม่ได้ฤกษ์ แต่ว่าไม่นาน” “หลานดิ้นหรือเปล่ายายดา” หล่อนหันมาถามปารดา “นิดหน่อยค่ะ” “แล้วเรื่องของนายนั่นว่ายังไงเขาติดต่อมาหรือเปล่า” ปารดาสั่นศีรษะอีก “ตามตัวเขาไม่เจอค่ะ” ใครจะรู้ว่ามันเป็นเสี่ยกำมะลอ “เขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัวค่ะที่ยังไม่อยากเจอหน้าดาตอนนี้” ปารดาตอบพี่สาวได้แค่นั้นซึ่งปารณีย์ไม่ถามต่อ ในความคิดของช้องม่วง เพราะหล่อนไม่ต้องการให้น้องสาวคบกับนวลนิจ เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง สายตาของนวลนิจมีบางสิ่งไม่ไว้ใจมันไม่ใช่เพื่อนแบบเพื่อน แต่เหมือนสายตาคู่รักหนุ่มสาว น้องสาวของหล่อนเปราะบางและอ่อนต่อโลกนี้เกินไป จะแปลกอะไรไหมที่พี่สาวจะห่วงใยน้องสาวเช่นนี้ สังคมทุกวันนี้เปลี่ยนไปเยอะ ไม่ใช่เหมือนแต่ก่อน ที่หล่อนจะปล่อยวางได้ เสียงมือถือดังขึ้นไม่นึกว่าจะเป็นเขาที่เพิ่งจากไปก่อนฝนตกนี่เอง ฝนตกมาทางบ้านหล่อนแต่ไปถึงทางบ้านเขา ด้วยหรือเปล่า “ถึงนานแล้วหรือยังครับ” “สักพักหนึ่งค่ะ ฝนหยุดตกพอดี” เมื่อครู่ก่อนหน้านั้น ทางเขาไม่ยักกะตก หากแต่ว่าตอนนี้เริ่มที่จะโปรยปรายละอองบางลงมาบ้างแล้ว ศิลารัณย์ยืนอยู่ริมหน้าต่าง “ทางนี้ไม่ตกครับก่อนนั้นแต่ตอนนี้ชักเริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว ระวังสุขภาพด้วยนะครับ” “เช่นกันค่ะ”น้ำเสียงนั้นอุ่นเข้าไปในหัวใจหล่อน ช้องม่วงพยายามมองด้วยความรู้สึกปกติ แต่ที่หล่อนแปลกใจคือ อายุของเขาน้อยกว่าหล่อนแน่นอน หน้าตาเช่นกันดูใสสมหนุ่มน้อยที่เพิ่งพ้นมหาวิทยาลัย สิ่งที่คาใจหล่อนอยู่ ยังไม่กล้าถามเขาออกไป เขามีแฟนแล้วหรือเปล่า ไม่น่าจะรอด วัยปูนนี้ เขาไม่ใช่คนขี้ริ้ว แต่ตรงกันข้ามหล่อเหลาฉกาจนัก “ฉันกำลังจะเข้านอนค่ะ” “งั้นผมไม่รบกวนล่ะนะเอ้อราตรีสวัสดิ์นะครับ” หากแต่ศิลารัณย์ยืนอยู่ริมหน้าต่างเช่นเดิมครั้นเมื่อธุระเสร็จแล้วที่ประตูห้องก็ถูกเปิดออก และคุณผกาแก้วก้าวเข้ามา “ศิลาคุยกับใครอยู่หรือลูกแม่เข้ามาเดินดูนึกว่าหลับแล้ว” “เพื่อนครับ” ศิลารัณย์ตอบคุณผกาแก้ว หากแต่สายตาของคุณผกาแก้วจ้องสำรวจ “ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาเสียแล้วกระมัง แม่เห็นศิลายิ้มหวานอย่างนี้” คำพูดของมารดาทำให้ศิลารัณย์เขิน “คบกันมานานเท่าไหร่” “ไม่นานครับ เพิ่งเจอกันไม่นานนี้เอง” “เป็นใคร ศิลาพอจะบอกแม่ได้ไหม” คำนี้ทำให้ศิลารัณย์หยุดกึก จะบอกมารดาดีไหม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม