ตอนที่ 7

1317 คำ
เด็กหนุ่มหันมายกมือไหว้ทั้งเขาและช้องม่วง ก่อนจะขับออกไป เขามองเห็นภาพของช้องม่วงที่ใจการุณต่อเด็กหนุ่ม เขารู้สึกปลื้ม จิตใจหล่อนงดงาม แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ตาม “คุณปล่อยเด็กหนุ่มไป” “เอาเรื่องเอาความอะไรได้คะ น่าจะอายุไม่เกินสิบแปด” เมื่อประกันมาถึงหล่อนแค่บอกกล่าวว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ชนแล้วขับหนีไป ศิลารัณย์ไม่เข้าใจการตัดสินใจของหล่อน แต่ก็เชื่อมั่น หลังจากเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ประกันจากไป หล่อนหยิบแผ่นกระดาษมาไว้ที่กระเป๋า รถของหล่อนเป็นประกันชั้นหนึ่ง ในนั้นจะระบุอู่ที่ซ่อม อยู่ในเครือของบริษัทประกัน “คุณไหวมั๊ย” ศิลารัณย์ถาม เขาสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยของหล่อน ไม่เคยเจอภาพแบบนี้ เพราะหล่อนเป็นสาวมั่น ติดจะร่าเริง นี่หล่อนเป็นไปเหมือนลักษณะคนซึมเศร้าเพราะทุกข์ “คุณไม่สบายใจอย่างมากใช่ไหม ผมดูจากหน้าตาของคุณ วันที่ผมพบเจอคุณครั้งแรก ไม่ใช่อย่างนี้นะ เพราะเวลานี้ดูเหมือนคุณเสียความมั่นใจ” เขาพูดถูก หล่อนเป็นอย่างที่เขาบอก แต่หล่อนก็ทระนงที่จะไม่บอกเรื่องนี้ เขาซึ่งเป็นคนแปลกหน้าที่หล่อนไม่รู้จัก แต่การที่เขาดีกับหล่อนนี่แหละ ทำให้หล่อนเปิดต้อนรับเขา ยอมรับเขา แต่ช้องม่วงก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบคำถามเขาแบบนี้ ถูกต้อง หล่อนสูญเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจ แต่มันจะต้องกลับมาเป็นของหล่อนอีกครั้ง เพราะหล่อนเป็นช้องม่วง ผู้หญิงที่เข้มแข็งและแกร่ง “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณที่ห่วงใย” “คุณจะกลับเลยหรือ” “ฉันไม่อยากจะกลับบ้านตอนนี้” “งั้นผมจะไปเป็นเพื่อน” เขาอาสา ทำให้หล่อนพยักหน้า เขารู้ว่าหล่อนยังไม่อยากกลับบ้าน เดาจากสีหน้า และคำพูด คราวนี้เขาเห็นช้องม่วงนั่งเงียบ เงียบมากที่สุด เท่าที่เขาเคยเห็น หล่อนจะกระตือรือร้น ทำอะไรปรู๊ดปร๊าดคล่องแต่นี่ไม่ ยังคงนิ่ง “ผมไม่เคยเห็นคุณแบบนี้เลย” คำของเขาทำให้หล่อนหันเบือนมานิด ไม่ยอมบอกตรงๆ “ฉันเป็นอะไรหรือคะ” “คุณ เคยเป็นคนที่คล่องและเชื่อมั่นตนเองสูง แต่นี่คุณเปลี่ยนไป” “แล้วดีมั๊ยค่ะ” หล่อนถามเพราะอยากจะรู้ ลองยั่วเขาไปหน่อย “ไม่รู้ครับ” อีกฝ่ายส่ายหน้า “ผมชอบที่คุณปราดเปรียวว่องไว มากกว่า มาดคุณเหมือนนางพญา” ช้องม่วงทำเสียงสูงตกใจกับคำชม “นางพญา” “ใช่ครับ คุณเคยได้ยินใครพูดหรือเปล่า” คุยกับเขาได้รสชาติ เขาสรรหามาคุย ทำให้หล่อนลืมเหตุการณ์ที่ไม่อยากจดจำได้ รู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนคุยที่สนุกมาก ความรู้สึกที่หล่อนมีต่อเขาเริ่มซึมไปทีละน้อย แต่หล่อนตอบว่า “ฉันเคยได้ยินค่ะ แต่ฉันก็รู้สึกเฉย คำนี้มันมาแล้วก็ผ่านไป อาจจะเป็นเพราะฉันทำงานในวงการ” หล่อนถึงไม่ยี่หระแคร์ใครสักเท่าใด แม้จะเคยได้ยินบ่อยเข้าหูกับคำที่ว่าหล่อนหัวสูง เย่อหยิ่ง ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะหล่อนไว้ตัว “ขอบคุณนะคะ สำหรับคำชม” หล่อนยิ้มหวาน “แล้วนี่คุณไปไหนมาครับ” เขาถามเงยหน้าขึ้น อยากได้คำตอบทันที ยิ้มของเขาสุภาพเรียบอ่อนโยน เป็นสิ่งที่น่าชวนค้นหา หล่อนไม่เคยพบเจอผู้ชายแบบนี้มานานแล้ว ยิ้มของหล่อนจึงหวานเชื่อมตอบเขา “ธุระนิดหน่อยค่ะ” เขาเดาว่าหล่อนไม่อยากเล่า “แล้วคุณล่ะคะ” หล่อนเป็นฝ่ายถามเขา “ไปบ้านเพื่อนมาครับ” เขากลับเป็นฝ่ายที่รีบตอบปุบปับแบบไม่ต้องคิดครวญ ทำเอาหล่อนทึ่ง หล่อนเสียอีกที่ต้องชั่งใจก่อนตอบ “มีเพื่อนด้วยหรือคะ” หล่อนยิ้มแสร้งหัวเราะ เขามองออกคือการยั่วหยอก “ถามแปลก มีสิครับ คนเราต้องมีเพื่อน” “เรื่องอะไรล่ะคะ พอจะบอกได้ไหม หรือบอกไม่ได้” แปลกนะที่หล่อนเป็นคนถามและก็ต้องการคำตอบเสียทีเดียว เขามองออกนี่คืออารมณ์ของผู้หญิงที่เหวี่ยงวีน หรือทำอะไรมักเอาแต่ใจ แต่ศิลารัณย์ก็ยังยิ้มสุภาพเกลี่ยที่มุมปาก หล่อนว่าเขายิ้มสวย ถ้าเขายิ้ม คงเป็นคนที่ประเภทนานๆ ถึงจะยิ้มสักครั้ง ไม่พร่ำเพรื่อ จึงยิ้มแบบมีเสน่ห์อย่างนี้ ข้อที่สำคัญหล่อนรู้ว่าเขาสูงกว่าหล่อน ทั้งๆที่หล่อนถือว่า หล่อนสูงแล้ว วงการนางแบบต้องการผู้หญิงที่หุ่นร่างเหมือนกับหล่อน “ไม่เป็นความลับหรอกครับ เป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้เธอจะแต่งงาน” “เธอ นี่ หมายความว่าเป็นผู้หญิงสิคะ” ซอกแซกที่จะรู้คืออารมณ์ของผู้หญิง ช้องม่วงมีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว มันเป็นจริต แต่ไม่ใช่การเสแสร้ง จริตของหล่อนออกมาจากธรรมชาติ เขาพยักหน้า “นึกว่าเป็นผู้ชายเสียอีก ผู้ชายที่คบหาผู้หญิงเป็นเพื่อนนี่ส่วนน้อยนะคะ ส่วนมากจะเป็นแฟนมากกว่า” เขานิ่งเงียบเหมือนเดิม อยากจะบอกแก่หล่อนว่า เขาคบกับปารณีย์ ไม่เคยบรรลุถึงจุดนั้น เพราะเขามองหล่อนแค่เพื่อนเท่านั้นเอง เห็นนันทิกาก้าวมาถึงบ้าน ปารดาเดินออกมาถามน้องสาว “เห็นนั่งรถออกไปข้างนอก ทำไมกลับเร็ว” หล่อนยิ้มให้ที่พี่สาวคนรองทัก “นีน่าอยากจะไปโดยไม่กลับด้วยซ้ำค่ะ เห็นมั๊ยค่ะ หล่อขนาดไหน” หล่อนกล่าวถึงศิลารัณย์ ปารดาพยักหน้าเห็นด้วย เห็นภาพของการคบหาของพี่สาวคนโตมานาน ยังนึกเสียดายแทนปารณีย์ ที่ไม่ตกล่องปล่องชิ้นกับพี่สาวของหล่อน “ท่าทางเขาหวงตัวนะ” “หวงแค่ไหน นีน่า ก็จะทำให้เขาใจอ่อนให้ได้ค่ะ” คำพูดของนันทิกากล้าที่จะพูด ปารดาเคยอยู่ในวงการนางแบบมาก่อน ถึงหล่อนจะมีจริตแบบน้องสาว แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่า “พี่ณีย์น่ะโง่ ปล่อยให้เขาหลุดมือไปได้ ถ้าเป็นนีน่าจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปง่ายๆหรอกค่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องตะครุบเขาให้อยู่” “พี่สาวของเราไม่ใช่พวกมือตุ๊กแกนี่ จะจับเขาไว้ได้” “นั่นสิคะ” นันทิกาเห็นด้วยอย่างเซ็ง “แต่ต่อไป ถ้าพี่ณีย์แต่งงานแล้ว” หล่อนคิดอย่างหมายมาด “แต่จะบอกให้รู้เลยนะคะพี่ดา ว่าผู้ชายคนนี้ นีน่าจองเอาไว้” หล่อนยิ้มอีกครั้ง “วันนี้รู้ไหมคะว่านีน่าไปทำอะไรมา สะใจที่สุดเลยค่ะ นังช้องม่วงเหมือนงูที่ถูกตีจนขนดหาง นีน่าแก้แค้นแทนพี่ดาไงคะ เคยถูกนังนั่นมันร้ายใส่มาก่อน มันชอบดูถูกคนนัก นีน่าเลยจัดการให้มันรู้สึกซะบ้างตอนนี้คงกระอักเลือด” คำพูดที่นีน่าน้องสาวเอ่ยมา หล่อนว่ามันรุนแรง “หมายความว่า” “นีน่าช่วยสวมเขาให้นังช้องม่วงนะสิคะ” “นีน่า” หล่อนตกใจ “ถึงขนาดนั้นเลยหรือ” ยอมรับว่าตกใจจนตบที่อกเบา “จะมีอะไรล่ะคะ พี่คินทร์เขาก็ชอบนีน่า เราคบกันมาสักพักแล้ว ถึงมีอะไรกัน” หล่อนตอบแบบไม่แคร์ความคิดของพี่สาว เพราะความเป็นนันทิกาหล่อนทำได้ทุกอย่าง กล้าแม้กระทั่งเอาตัวเองแลก ถ้าได้สิ่งที่ปรารถนา “ดีใจสิคะ ยิ้มออกมา แค่นี้น้อยไป นีน่าจะหาทางเหยียบให้มันจมดินกว่านี้ด้วยซ้ำตอนนี้นีน่าทำได้แค่นี้ ค่าที่มันเคยดูถูกเหยียดหยามเราสองพี่น้องมาก่อน เป็นไงคะ นีน่าเอาคืน แค่นี้นังช้องม่วงก็ร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุขแล้วค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม