ตอนที่ 1
“ปริม!...ปริม!...เล่นน้ำเสร็จรึยัง ขึ้นจากน้ำได้แล้ว นี่มันเกือบค่อนวันแล้วนะ”
เสียงตะโกนเรียกดังก้องไปทั่วคุ้งน้ำขณะชายหนุ่มร่างสูงใหญ่วัยสามสิบห้าพายเรือแหวกกอบัวและผักตบชวาในคลองน้ำใสแถบชนบท เพลิงชะเง้อชะแง้ ชะโงกหน้ามองไปรอบ ๆ ขณะพายเรืออย่างเชื่องช้า เขาส่ายหัวไปมาเพราะขัดใจที่ต้องมาตาม ปริม สาววัยใสอายุยังไม่ถึงสิบเก้าซึ่งน้องเมียของเขา หล่อนมีนิสัยชอบโลดโผนท้าทายกับเรื่องที่ผู้หญิงทั่วไปไม่ค่อยให้ความสนใจ
เหมือนอย่างการเที่ยวเล่นในนาตามประสาเด็กแถวชนบท ปีนต้นไม้โดยไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวหรือความสวยความงาม และที่หล่อนชอบมากที่สุดคือการเล่นน้ำในบึงบัว ปกติถ้าหล่อนกลับบ้านช้า ป่าน เมียของเขาก็จะออกมาตามเองเพราะเขาต้องออกไปทำงานในไร่ในสวนนั่นคือการปลูกผลไม้และดูแลต้นกล้าเพื่อส่งขาย แต่วันนี้ป่านยังไม่เสร็จเรื่องงานบ้านงานครัวเลยต้องให้เพลิงออกมาตามน้องเมียของเขาที่เห็นว่าออกมาเล่นน้ำตั้งแต่ตอนสายจนบ่ายแล้วยังไม่กลับ ชายหนุ่มพายเรือและมาหยุดตรงกลางบึงบัวพลางชะเง้อมองบนแผ่นน้ำที่ไหวกระเพื่อม
“ปริม...ปริม...อ้าว...เฮ้ย!”
เพลิงตะโกนขึ้นสุดเสียงด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีใครคนหนึ่งโผล่พรวดขึ้นจากน้ำ ปริมนั่นเอง หล่อนเกาะข้างลำเรือแล้วส่งเสียงหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆๆ...พี่เพลิง...ตกใจเหมือนโดนผีหลอก นี่ปริมเองนะ”
“เล่นอะไรบ้า ๆ แบบนี้เนี่ย พี่ตกใจหมดเลยนะ โธ่เอ๊ย...ดีนะที่พี่ไม่ตกใจแล้วเอาไม้พายฟาดหัวปริมเข้าน่ะ”
เพลิงบ่นอุบเพราะเมื่อครู่ที่น้องเมียโผล่ขึ้นมาเขาเองก็เกือบจะทิ้งไม้พายลงน้ำแถมใจเต้นระส่ำด้วยความตกใจสุดชีวิต จะไม่ให้ตกอกตกใจได้ยังไง ก็ในเมือมองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำกับกอดอกบัว แต่ปริมช่างไม่กลัวอะไรเลย หล่อนชอบมาเล่นน้ำในบึงใหญ่นี้เกือบทุกวัน ปริมเกาะข้างเรือและมองพี่เขยของหล่อนที่ส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ปริมเห็นพี่เพลิงตั้งแต่ตอนพี่เพลิงพายเรืออกจากริมตลิ่งละ”
“อ้าว...แล้วทำไมไม่เรียก ทำไมไม่ว่ายน้ำไปหาพี่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาพายเรือออกมาไกลอย่างนี้”
“ปริมอยากแกล้งพี่เพลิง...อะล้อเล่นน่า...แค่เห็นว่าพี่เขยของปริมไม่ค่อยได้มาที่นี่เลยอยากให้เห็นว่าบึงนี้มันสวยแค่ไหน”
“มัวพูดอยู่นั่นล่ะ รีบขึ้นมาซะดีๆ พี่สาวเราเขาให้มาตามกลับบ้าน เห็นน้องมาเล่นน้ำนานละ เขาเป็นห่วง แล้วนั่นดูซี เปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ”
“ก็ปริมว่ายน้ำจะไม่ให้เปียกได้ยังไง พี่เพลิงนี่พูดอะไรแปลก ๆ ...เอาล่ะๆ ปริมจะขึ้นเรือก็ได้ วันนี้เล่นน้ำจนเบื่อละ”
ว่าแล้วหล่อนก็ขยับตัวขะปีนขึ้นบนเรือท้องแบนที่เพลิงพายออกมา แต่หล่อนกลับพยายามอย่างทุกลักทุเลและเพลิงก็นึกขัดใจเมื่อเห็นน้องเมียที่กำลังตะกายขึ้นมาบนขอบเรือ ชายหนุ่มวางไม้พายแล้วโน้มตัวเข้าไปเพื่อดึงมือของหล่อนเพื่อพยายามช่วยฉุดร่างนั้นขึ้นมาบนเรือ ขณะนั้นเองโดยที่เขาไม่ตั้งใจ สายตาของเพลิงกลับเหลือบเห็นร่องอกภูเขาไฟของน้องเมียในคอเสื้อคว้านกว้างตอนหล่อนก้มหน้า ปริมไม่สวมชุดชั้นในแถมเสื้อของหล่อนก็เป็นเสื้อสีขาวบางที่มันเปียกแนบเนื้ออวบอัดของหล่อนจนเห็นสัดส่วนโค้งเว้า และเมื่อน้องเมียของเขาขึ้นมาบนเรือและนั่งตรงข้ามชายหนุ่มเพลิงก็ยิ่งหัวใจเต้นรัวเพราะกางเกงขาสั้นที่ปริมใส่เล่นน้ำตัวเล็กกระจ้อยร่อยจนเห็นแก้มก้นขาวเนียนโผล่ออกมาล่อสายตาของพี่เขยที่จริง ๆ แล้วไม่ตั้งใจเล้ยจะมองลึกเข้าไปในนั้น เพลิงอยู่กินกับป่าน พี่สาวของปริมมาหลายปี และเขาก็เห็นปริมตั้งแต่หล่อนเรียนไม่จบมัธยมปลาย ถึงอยู่บ้านเดียวกันแต่ก็ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าน้องเมียของเขาโตเป็นสาวตั้งแต่เมื่อไหร่ ปริมโตมากแล้วจริง ๆ และโดยปกติเขาเองก็จะออกไปทำงานนอกบ้าน กลับบ้านก็เย็นค่ำเลยไม่ได้เห็นน้องเมียที่ชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย นิสัยออกจะเหมือนม้าดีดกะโหลกจนเขายังเคยคิดว่าปริมเป็นทอมด้วยซ้ำไป เพราะไม่เคยเห็นหล่อนชอบผู้ชาย ไม่ควงผู้ชายแต่ก็มีเพื่อนหนุ่ม ๆ บ้างพอเป็นกษัย มีเพื่อนผู้หญิงก็ออกจะห้าว ๆ เหมือนกัน ก็พึ่งวันนี้ที่เขาได้เห็นสัดส่วนของหล่อนชัด ๆ เพราะเสื้อผ้ารัดรึงเปียกซ่กแนบเนื้อจนทำให้เห็นหน้าอกหน้าใจและผิวขาวผุดผ่องเป็นยองใยทั้งที่หล่อนก็เป็นเด็กสาวชาวบ้าน เล่นน้ำเหมือนเด็กไปวัน ๆ แต่ที่ไหนได้ ปริมแอบซ่อนความลานตาไว้และทำให้หัวใจของพี่เขยเต้นระส่ำ
บทที่ 2
“แล้วทำไมวันนี้พี่เพลิงถึงมาตามปริมได้ล่ะเนี่ย ปกติพี่เพลิงไม่ค่อยอยู่บ้านนี่ไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวเอ่ยถามและทำให้สมาธิของชายหนุ่มซึ่งมันกระเจิดกระเจิงเพราะเห็นร่องนมอวบใหญ่ของหล่อนรบกวนความคิดรีบดึงสติกลับมาได้ในเร็วพลัน
“วันนี้พี่เสร็จงานเร็วก็เลยกลับบ้านเร็ว ป่านเขายังไม่เสร็จงานบ้านเลยให้พี่มาตามปริมกลับเนี่ยล่ะ แล้วดูสิ...มาเล่นน้ำคนเดียวไม่กลัวบ้างหรือยังไง”
“ปริมมาที่นี่บ่อยนะ มาจนไม่รู้จะกลัวอะไรละ ก็แค่บึงบัว เห็นไหมล่ะพี่เพลิงว่ามีดอกบัวอยู่เต็มเลย สวยมากกว่าน่ากลัวอีกนะ”
“พี่ไม่ได้หมายถึงไอ้ดอกไม้พวกนี้ แต่ปริมมาคนเดียวก็กลัวอันตราย กลัวว่าใครจะคิดมิดีมิร้าย อย่าลืมสิว่าปริมน่ะ โตเป็นสาวแล้วนะ”
พอเขาพูดประโยคนั้นปริมกลับหน้าแดงเรื่อขึ้นมา หล่อนสบตากับเขาก่อนจะทำหน้าเหมือนเอียงอาย แต่เรือนร่างของหล่อนตรงหน้าเขาตอนนี้มันเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ หล่อนจะรู้หรือเปล่าว่าเสื้อเปียกแนบเนื้อนั้นบางจนเห็นสัดส่วนของหล่อนชัดยิ่งกว่าชัด โดยเฉพาะสองเต้าใหญ่ที่จุกของมันแข็งเป็นไตดันเนื้อผ้าออกมา