" รีบตามมาเล่าเจ้าศิษย์ปีศาจ ไม่อย่างนั้นส่วนแบ่งเจ้าลงท้องข้าหมดแน่! "
เฒ่าผอมแห้งกล่าวพลางจ้วงไม้ไผ่ จนแพลอยล่องไปไกลขึ้น ไกลขึ้น
" เฮอ เฮอ…ไว้ใจไม่ได้เลยนะอาจารย์! "
มันกล่าวแย้มยิ้ม โดยยังร่ายกระบวนท่าจู่โจมทั้งสี่สาวไม่หยุดยั้ง
แม้มันจะอายุเยาว์ แต่กลับมีวรยุทธเชี่ยวชาญเกินตัว แม้สี่สาวจะชักดาบเข้าฟาดฟัน ยังไม่อาจทำอันตรายใดๆ
วิชาคว้าจับของมัน นับว่าแม่นยำเที่ยงแท้นัก ทุกครั้งที่มันลงมือต้องคว้าเอาเสื้อผ้าพวกนางติดมือมา พอผ่านไปยี่สิบกว่ากระบวนท่า ทั้งหมวกปีกกว้าง ทั้งผ้าปิดบังใบหน้า ล้วนปลิดปลิวออกจากกายเหล่านางสิ้น
" ที่แท้พวกพี่สาวงดงามมิใช่น้อย ใยปิดบังโฉมหน้าไว้เล่า.. น่าเสียดาย น่าเสียดาย "
มันหัวร่อเริงร่าอย่างผู้มีเชิงเหนือกว่า
ซ้ำยังตามลงมืออีกสิบกว่ากระบวนท่า ฉีกกระชากเสื้อผ้าชั้นนอกพวกนางออก จนหลงเหลือเพียงเอี๋ยมตัวน้อยแนบเนื้อบังกาย
" เจ้า! เจ้าเด็กปีศาจ! "
.. ทั้งสี่ได้แต่ร่ำร้องเดือดดาล โดยไม่อาจต้านทานมันได้สักกระบวนท่า
" พวกพี่สาวนี่งดงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ข้าเลือกไม่ถูกเลยว่าจะตบแต่งใครเป็นภรรยาดี เอาเป็นว่าข้าเหมารวมตบแต่งทุกคนเลย ดีหรือไม่! "
มันยังคงกล่าวคึกคะนอง ขณะกระโจนร่างผ่านหญิงสาวคนหนึ่ง แล้วตะปบเอาเอี๋ยมสีส้มตัวน้อยที่บดบังเนื้อสาว ให้หลุดติดมือมา
พลันปลดปล่อยปทุมถันขาวนวลของนางออกมาอวดโอ่ให้โลกเชยชม
" โอ้ว ว ว!....งามอวบอิ่มดีแท้!...เฮอ เฮอ เฮอ..! "
มันหัวร่อพึงพอใจ พร้อมกับยกเอี๋ยมตัวน้อยในมือสูดดมด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
แตกต่างจากนางทีท่อนบนเปล่าเปลือย ที่ทั้งแตกตื่น ทั้งขุ่นเคืองใจ ต้องรีบยกเอามือบังอก โดยมีอีกสามสาวเข้ามารวมกลุ่ม ใช้ร่างบังนางไว้จากสายตาลามกของเด็กหนุ่ม
" อายุยังเยาว์แต่มีฝีมือยอดเยี่ยมนัก สมแล้วเป็นศิษย์แมวราตรี "
เกิดเสียงอ่อนล้าลอยมาตามลม พอหันมองตามต้นเสียง จึงได้เห็นสองหญิงชุดดำประคองสองแขนประมุขลู่เหินลอยมากลางฟ้า แม้ใบหน้าประมุขจะซีดเซียวอ่อนล้า แต่ดวงตายังเฉิดฉายทรงอำนาจนัก
ทั้งสามล่อนลงมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มโดยไร้ความครั่นคร้ามใดๆ
" ขอบคุณประมุขที่ชมเชย ผู้น้อยมีฝีมือเท่าหางอึ่งเท่านั้น "
" ใครว่าข้าชมเชย ข้าแดกดันเจ้าต่างหาก …ศิษย์แมวราตรีช่างมีแต่พละกำลัง ไร้สติปัญญาสิ้นดี! "
สิ้นคำนางเด็กหนุ่มพลันรู้สึกอ่อนเปรี้ยไปทั้งตัว
" แย่แล้ว!..ยาบุปผากร่อนกระดูก " มันร้องแตกตื่นขณะมองเอี๋ยมตัวน้อยในมือ
" ผิดท่าแล้วเฮอเฮอ เอ๋ย! "
มันด่าทอตัวเองไปพร้อมโยนเอี๋ยมในมือทิ้ง คิดจะขยับวิ่งหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว พิษจากเอี๋ยมได้แทรกซึมไปทั่วร่างกายแล้ว
พลันนั้นร่างมันมีอันทรุดหวบ ลงไปนอนแผ่หราราวกับกระดูกอ่อนละทวยไปทั้งร่าง
ทันทีนั้นสี่สาวตวัดดาบคมมุ่งหมายฟาดฟันมันให้ดาวดิ้น ทว่าพวกนางพลันต้องหยุดยั้งกระทันหัน เมื่อท่านประมุขร้องปรามพร้อมสังการณ์พวกนางอย่างแปลกประหลาดนัก
" พวกเจ้าหยุดมือไว้!...แล้วเร่งรีบถอดเสื้อผ้าออกให้สิ้น! "
คำสั่งกร้าวทำเอาสี่หญิงสาวมองหน้ากันลนลาน ทั้งสงสัย ทั้งร้อนรุ่มใจ
กระทั้งประมุขตวาดสั่งซ้ำ พวกนางจึงจำยอมปลดเปลืองอาภรณ์ด้วยอาการเนียมอาย
" โบตั๋นเงิน โบตั๋นทอง พวกเจ้าลงมือเถิด " ประมุขหันไปสั่งสองสาวชุดดำที่ยืนอยู่ข้างกาย
โดยทั้งคู่เข้าใจความนัยแจ่มแจ้ง นางปลดผ้าที่ปิดบังใบหน้า ถอดหมวกปีกกว้างทิ้ง แล้วรีบเดินดิ่งไปหาเด็กหนุ่ม ราวจิ้งจอกสาวกระโจนตะปบเหยื่อ
โบตั๋นเงินที่ร่างอวบอั๋นตรงเข้าซุกไซ้ซอกคอ เรื่อยไล่ไปประกบปากจูบอย่างเผ็ดร้อน โดยเด็กหนุ่มไม่อาจขัดขืนต่อสู้
เฮอเฮอทั้งแตกตื่น ทั้งงงงัน ไม่เข้าใจว่าพวกนางจะทำอะไรกัน แล้วยิ่งตื่นตระหนกหนักขึ้นไปอีกเมื่อโบตั๋นทองตรงเข้าไปกระชากกางเกงมันออก แล้วนางก็ก้มลงไปใช้ปากจิ้มลิ้มอมดูดแท่งองคชาติอย่างหิวกระหาย
สี่หญิงสาวจ้องมองด้วยความตะลึงลาน แตกตื่นกับความเปลี่ยนแปรอย่างไม่คาดฝัน
" พวกเจ้าไปนั่งขัดสมาดล้อมมันไว้ แล้วตระเตรียมโคจรลมปราณตามข้าบอก! "
นางสั่งการณ์รวบรัด ก่อนจะล้วงหยิบคัมภีร์เล่มแดงออกจากอกเสื้อ ส่วนอีกมือมีผลึกแก้วที่ยกขึ้นรับแสงอรุณแรกวัน ให้แสงส่งผ่านไปถึงหน้าคัมภีร์ที่เปิดอ้าออก
พลันนั้นหน้ากระดาษได้บังเกิดอักษรซ้อนทับ ท่วงท่ากามารมณ์ที่บันทึกไว้
ความลับของคัมภีร์ร้อยกามาถูกบอกกล่าวจากปากมารกระบี่มาเนินนาน นางเพิ่งได้เห็นกับตาครานี้เอง
นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคัมภีร์ชื่อร้อย จึงมีเพียง72ท่าร่วมรัก เพราะอีก28ท่าคือเคล็ดวิชาเดินลมปราณดูดพลังชีพบุรุษ ซึ่งมีเพียงสตรีเพศเท่านั้นที่สามารถใช่ออกได้…
ประมุขลู่ท่องเคล็ดวิชาช้าๆ ให้สี่สาวที่บัดนี้นั่งเปลือยกายล้อมรอบเด็กหนุ่มไว้
ใช้เวลาไม่นานพวกนางก็โคจรพลังวัตรตามแนววิชาได้อย่างไม่ติดขัด พร้อมๆ กับที่สองสาวโบตั๋นเร่งกระตุ้นกำหนัดเด็กหนุ่มจนดุ้นทวนเนื้อผงาดแข็งดั่งอาวุธร้าย
" หลิวหยกเจ้ามานี่! "
นางเรียกหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าเกลี้ยงเกลา ดวงตากลมโตให้ลุกขึ้นจากพื้น
โดยหลิวหยกไม่ทันคาดคิดว่าประมุขจะเข้ามาเคล้นคลึงปทุมทันนาง ซ้ำยังระเรงริมฝีปากซุกไซ้ซอกคอดั่งคนรักคลั่งสวาท
หลิวหยกขนลุกขนชันกับรสสัมผัสอันเชี่ยวชาญ ที่เบื้องหน้ายังเห็นสองสาวชุดดำช่วยกระตุ้นอารมณ์เด็กหนุ่ม จนมันหลับตาพริ้มเหมือนลอยละล่องไปสวรรค์ชั้นไหนๆ
" ร่านราคะจนจะทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ยหลิวหยก? นั่นไงแท่งสวรรค์อยู่เบื้องหน้าเจ้าแล้ว..เสพสังวาสกับมันเสีย! "
...ประมุขกล่าวกระซิบข้างหูพลางจูงมือนางมาหาเด็กหนุ่ม ที่กำลังระทกระทวยอยู่ในอารมณ์เสียวซ่าน
ดั่งยางอายของหลิวหยกจะขาดสะบั่นไปสิ้น นางตรงเข้านั่งคร่อมท่อนเอ็นที่ขึ้นขดเลือดตึงเขม็ง แล้วค่อยๆ หย่อนกาย ดูดกลืนองคชาติเข้าไปทั้งลำ
หื อ อ อ อ…..
นางครางเบาๆ ในลำคอ ขณะกระดกสะโพกโยกขึ้นโยกลงช้าๆ แล้วค่อยเร่งจังหวะจากเนิบนาบ เนิบนาบ เป็นเร็วขึ้น หนักขึ้น กระแทกกระทันราวโกรธเคืองท่อนสวาทมาทั้งชีวิต
หัวเงี่ยงบานโล่ที่ครูดผนังโยนีนาง แผ่ซ่านความเสียวสยิว จนทั้งคู่ครวญครางไม่เป็นศัพธ์
" ซี ส ส ส…โอ้ย ย เสียว เสียวเหลือเกินพี่สาว…กลีบดอกไม้ท่านบีบตอดดีเหลือเกิน…ซี ส ส ส "
เด็กหนุ่มร้องครางด้วยความเปี่ยมสุข ไร้สิ้นอาการขัดขืนอย่างคราแรก ซ้ำมันยังพยายามเด้งเอวสวนรับแรงกระเด้านางอย่างเมามัน
" ซี ส ส ส…เจ้าเด็กปีศาจ…เจ้าเด็กชั่วช้า…ซีส ส ส …เจ้าทำข้าเสียวไปทั้งตัวแล้ว.."
นางร้องร่ำดั่งหญิงร่าน พลางยกเข่าขึ้นมานั่งย่องๆ ปล่อยโคกให้ตั้งตรงกับท่อนเนื้อ แล้วกระหน่ำเด้งขึ้นลงหนักหน่วง ทั้งร้อนเร่าทั้งเหี้ยนกระหือรือ ปล่อยตัวปลอยใจไปในท่า ' โยกคอนขุนเขา ' ราวกับปราถนาให้แท่งเขาน้อยๆ ของมัน ทะลวงทะลุไปถึงหัวใจนาง…
ประมุขลู่มองความเร่าร้อนของลูกพรรคด้วยรอยยิ้มร้ายประดับมุมปาก...
" จงเสพสุขให้พอเถิดเด็กน้อย เสพสมให้สาแก่ใจ ก่อนจะสิ้นพลังชีพ ไร้ความสามารถจะเสพสมใดๆ อีก "...
นางคนึงในใจ ก่อนจะโบกมือให้หญิงสาวทุกคนมาร่วมบรรเลงสวาทกับเด็กหนุ่ม อย่างที่ใจมันปราถนาจะตบแต่งทุกคนเป็นภรรยา
ใจมันกำลังเคลิบเคลิ้มไปว่ามีเหล่านางฟ้าพาโบยบินสู่สวรรค์
ทั้งๆ ที่ความจริงมันกำลังดิ่งลงสู่โลกันต์อันมืดมนอลธกาล…