อรุณรุ่งอาบแสงอล่ามอบอุ่น ชุบไอชีวิตสู่วิถึแรกวันใหม่
ร้านรวงในเมืองเริ่มเปิดทำการค้า ผู้คนทุกเพศทุกวัยต่างเดินกันคราคร่ำในตลาดกลางนครลั่วหยาง
พลันนั้นเด็กน้อยสี่-ห้าคนที่วิ่งเล่นกันหน้าร้านซาลาเปา ต่างชะงักเท้าหันมองสองชายแปลกประหลาดเป็นตาดียว
หนึ่งเป็นชายชราผ่ายผอม หน้ายาวคางยื่น มีหนวดยาวตรงสองมุมปากลงมาจรดคาง มันกำลังจับจ่ายซื้อซาลาปาห่อใหญ่ไว้ในมือ
อีกคนแปลกประหลาดกว่าชายชรามากมายนัก เพราะมันเป็นคนหนุ่มรูปร่างเพียวระหง เค้าหน้าหล่อเหลาคมคาย แต่กลับสวมใส่เพียงผ้ากระสอบเนื้อหยาบ คล้ายมนุษย์หุ่นฝางที่เอาไว้ปักไล่นกกากลางทุ่ง
เด็กน้อยบางคนถึงกับเอาไม้เขี่ยมันเล่นด้วยอารมณ์สนุกสุขสันต์ โดยชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบรับโดยไม่คิดถือสาอันใด
" นี่ตาเฒ่า ไม่มีเสื้อผ้าที่ดีกว่านี้ให้ข้าแล้วรึ? "
เกาฉีเยี่ยนเอ่ยถามเฒ่าผอมแห้ง ที่หันมายิ้มร่าพร้อมยื่นซาลาเปาสองลูกมาให้ชายหนุ่ม
" นี่เรียกอาภรณ์วิเศษ ยามอยู่บ้านช่องเจ้าไม่อาจได้สวมใส่แน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า…"
แมวราตรีกล่าวพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะร่าสุดพึงพอใจ
" วิเศษแท้ยิ่ง ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยได้สวมใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ลย ต้องขอขอบคุณท่านมากแล้ว!..."
มันกล่าวประชดประชัน ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้เหล่าเด็กน้อย จะได้เลิกใช้ไม้เขี่ยมันเสียที
ใจชายหนุ่มลอยไปถึงบ้านเรือนอันเพรียบพร้อม จะได้สลัดเฒ่าประหลาดให้พ้นตัวไปเสียที
จากร้านซาลาเปาที่มันยัดยืนอยู่ ถ้าเดินขึ้นเหนือไปอีกครึ่งชั่วยามก็จะถึงหมู่ตึกตระกูลเกาแล้ว อิสระของมันอยู่แค่เอื้อมนี่เอง…
ทว่าอารมณ์ดีใจของเกาฉีเยี่ยนกลับต้องถูกขัดจังหวะ ด้วยขบวนม้าที่ห้อมากลางถนน
" หลืกไป หลีกไป…หน่วยต้าหลี่เร่งรีบไปสืบคดีความ! "
หนึ่งในผู้ควบขับม้าตะโกนร้องขอทาง จนผู้คนต่างเขยิบหนีห่าง
เปิดพื้นที่ให้มือปราบสิบกว่านายควบขับอาชาพวงพีวิ่งรี่ขึ้นทางเหนือ โดยมีเหล่าทหารราบวิ่งตามต่อท้ายมาอีกยี่สิบกว่าชีวิต
" ถ้าจะเกิดเหตุไม่ดีไม่งามขึ้นแล้วคุณชาย! "
เฒ่าแมวราตรีกล่าวงึมงำ ทั้งที่ยังมีซาลาเปาอยู่เต็มปาก
เกาฉีเยี่ยนไม่ทันได้โต้ตอบแมวชรา ก็ต้องมีอันชะงักมองตาค้าง เมื่อเห็นพ่อบ้านตระกูลเกาเร่งฝีเท้าเดินตามมาหลังขบวน
" พ่อบ้านเหลา!...เกิดเหตุอันใดขึ้นที่บ้านอย่างนั้นรึ? "...
ถ้อยคำรุ่มร้อนของชายหนุ่ม ทำเอาชายวัยกลางคนร่างอวบอ้วนถลึงเหลือกตามองมัน ด้วยสีหน้าหวาดหวั่นดั่งเห็นภูติพราย
" คุณชายใหญ่เป็นท่านจริงๆ !...เหตุใดท่านแต่งตัวแปลกประหลาดเช่นนี้! "
ใบหน้าอ้วนกลมของมันสั่นกระเพื่อมด้วยความตื่นตระหนก ปะปนด้วยความงงงันเต็มดวงตา
" ช่างเสื้อผ้าข้าเถิดพ่อบ้านเหลา ท่านรีบบอกเล่ามาเถิดว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นที่บ้านกันแน่? "
...ชายหนุ่มร้อนรุ่มเกินกว่าจะเสียเวลาอธิบายว่าตนผ่านเรื่องใดมา มันเร่งจับแขนพ่อบ้านกระตุ้นให้ชายอ้วนบอกเล่าภัยร้ายในบ้านตน….
ระหว่างเดินไปบนทางถอดยาว พ่อบ้านร่างอุดมสมบรูณ์เร่งเล่าความให้คนทั้งคู่ฟังอย่างรวบรัดเร่าร้อน
พ่อบ้านเหลากล่าวว่า ในยามฉื่อก่อนรุ่งสางไม่นาน เหล่าแม่ครัวตื่นขึ้นมาพบว่าฮูหยินสาม ฮูหยินห้า และฮูหยินเจ็ด ต่างถูกมัดมือมัดเท้าปิดปากปิดตา ซ้ำยังถูกห้อยแขวนไว้บนต้นไม้หน้าตึกรับแขก
พอนายท่านรู้ข่าวเข้า จึงรีบมาช่วยเหลือพวกนางลงจากต้นไม้ แล้วเหตุการณ์พลันชุลมุลขึ้นคับบ้านทันที เพราะฮูหยินทั้งสามต่างกล่าวโทษฮูหยินท่านอื่นว่ารวมหัวกันกลั่นแกล้งพวกนาง
จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายกันยกใหญ่ ฮูหยินทั้งแปดต่างด่าทอกันราวแม่ค้าร้านตลาด ขุดรากทอนโคนบรรบุรุษมาโคกสับกันจ้าละหวั่น เหตุการณ์เลยเถิดไปจนพวกนางๆ ไล่ปาข้าวของ เลยไปถึงไล่ทุบตีกันชุลมุน จนนายท่านยังไม่อาจห้ามปราม หนำซ้ำท่านยังถูกลูกหลง หัวปูด ตาเขียวช้ำ
สุดท้ายนายท่านจึงต้องวิ่งแจ่นไปหาอาจารย์อี่ ครูสอนวรยุทธของคุณชายเกา เพื่อขอความช่วยเหลือให้มาหยุดสงครามกลางเรือน
แต่เมื่อไปถึงบ้านพักของท่านอาจารย์ กลับพบเหตุที่รุนแรงยิ่งกว่า เพราะในเรือนหลังน้อยนั้นได้พบอาจารย์อี่ที่กลายเป็นศพไร้ชีพไปแล้ว…
สภาพในบ้านของอาจารย์เหมือนเกิดการต่อสู้กันดุเดือด คาดว่าคงมีคนร้ายบุกรุกเข้ามาในบ้านแน่แท้
" อาจารย์อี่ถูกอาวุธใดทำร้าย? "
แมวราตรีที่เดินอยู่เบื้องหลังคนทั้งคู่พลันเอ่ยถามแทรกคำ คล้ายคาดเดาบางอย่างออก
" อืม ม ม ม!... เหมือนจะมีรูเล็กๆ ที่คอกับที่หน้าอกอาจารย์อี่นะ คล้ายเป็นรอยเข็มปักผ้าอย่างนั้นละ "...
" เข็มพิษพิรุณทอง! "...
ทั้งเกาฉีเยี่ยนและแมวราตรีต่างร้องขี้นพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ต่างเร่งฝีเท้าแซงหน้าชายอ้วนไป ด้วยใจร้อนละอุ…