….ก้าวแรกที่เกาฉีเยี่ยนย่างเท้าเข้าหมู่ตึก สิ่งที่พบเห็นมีแต่หายนะกระจัดกระจายตั้งแต่ประตูหน้าไปจนจรดลานกลางหมู่ตึก ยังดีที่แปดฮูหยินของบิดาต่างแยกย้ายเป็นสองกลุ่ม ไปรวมตัวอยู่คนละทิศทาง
โดยมีบิดามันที่ค่อยวิ่งไปปลอบคนนู้นทีคนนี้ที แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น จะอย่างไรจ้าวบ้านเกานับเป็นนักบริหารรักอันเที่ยงธรรม เสมอหน้าทุกเมียรัก
แม้มันจะมีรอยปูดบวมที่หน้าผาก เห็นรอยเขียวช้ำที่ดวงตาซ้าย แต่รูปลักษณ์ยังดูสง่างาม เค้าหน้าคมคาย รูปร่างสูงใหญ่ดั่งขุนศีกในวังหลวง ผิดที่อากัปกิริยามันช่างพินอบพิเทาเหล่าภรรยาทั้งแปด คล้ายเสี่ยวเอ้อในร้านสุรา
เฒ่าแมวราตรีได้แต่ส่ายหัว เมื่อเห็นความทุลักทุเลของจ้าวบ้านเกา…." คนมักมาก มักลำบากลำบนเช่นนี้เอง!...." แมวราตรีบ่มงึมงำกับตัวเอง พลางเดินไปรวมกลุ่มกับเหล่ามมือปราบ ที่มีซากศพอาจารย์อี่นอนอยู่ในเปห้าม….
" ไอ้ลูกเสเพล นี่จ้าแต่งตัวอะไรของเจ้า! "
จ้าวบ้านเกาตวาดแวดเมื่อเห็นบุตรหัวแก้วหัวแหวน ที่ใส่ผ้ากระสอบเดินเข้าบ้าน
เกาฉีเยี่ยนได้แต่ยิ้มเขอะเขิน พร้อมกับดึงแขนบิดาให้เดินเลี่ยงผู้คนมากล่าวกระซิบกระซาบ
" ท่านบิดาครานี้มีเรื่องร้ายแรงนัก ข้าว่าคนร้ายนั้นมันต้องการคัมภีร์ร้อยกามาของท่านพ่อแน่…ท่านบอกได้หรือไม่ว่าผู้ใดมอบคัมภีร์ให้มา? "
เมื่อได้ยินคำว่าคัมภีร์ร้อยกามา จ้าวบ้านเการ้องดังไอ้หยา ! ….
" แย่แล้ว แย่แล้ว!....เป็นคัมถีร์นั้นรึที่ชักจูงนางมา! "
บิดาร้องลั่น ด้วยอาการลุกลี้ลุกลนผิดวิสัยพ่อค้าใหญ่ไปไกล
" ท่านมีเบื้องลึกความลับอะไรปิดบังข้าพเจ้าไว้หรือเปล่า " เกาฉีเยี่ยนหรี่ตากล่าวด้วยความเจ้าเล่ห์ เหมือนเห็นความผิดปกติในใบหน้าบิดาตน
ทันทีนั้นบิดามันพลันเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะจูงมือมันหลบเลี่ยงทุกผู้คนพาเดินลัดเลาะเข้าไปในห้องหนังสืออันรโหฐาน
" เหตุใดต้องลึกลับปานนี้ด้วยเล่าบิดา? "
เกาฉีเยี่ยนขมวดคิ้วถามทันที ที่ทั้งคู่มาอยู่กันตามลำพัง
ทว่าบิดามันกลับยกนิ้วจุ๊ปาก ส่งสัญญาณให้มันแผ่วเบาสุ่มเสียง ก่อนจะเข้าไปหยิบกองหนังสือออกจากชั้นไม้สูงใหญ่ เผยให้เห็นกระถางกำยานเล็กๆ ที่ติดตรึงอยู่กับผนัง
พอบิดาหมุนกระถางนั้น ผนังหลังโต๊ะหนังสือพลันเลื่อนเปิดออก เป็นช่องทางลับที่พาลึกเข้าไปสู่ภายในอันมืดมิด
" คัมภีร์นั้นเกี่ยวพันถึงความร่ำรวยของตระกูลเกา เจ้าห้ามแพร่งพรายให้ใครฟัง! "
...บิดาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะคว้าตะเกียงใบน้อย เดินนำทางเกาฉีเยี่ยนเข้าช่องทางลับ แล้วพูดอธิบายไปตามทาง
" เมื่อสิบกว่าปีก่อน ข้าเป็นเพียงพ่อค้าเร่เที่ยวขึ้นล่องทำการค้าผ้าไหมไปต่างเมืองต่างแคว้น ตอนนั้นเจ้ายังอายุสิบกว่าขวบคอยเที่ยวล่องกับบิดา จำได้หรือไม่? "
...บิดาเริ่มไล่เรียงความหลัง ที่เกาฉีเยี่ยนไม่เคยรับรู้
" สิบปีก่อนนั้น ข้าได้พบผู้มีบุญคุณช่วยให้ข้ามีทุกอย่างแบบวันนี้ ท่านผู้นั้นเป็นจอมยุทธระบือนาม เล่ากันว่าไม่เคยพ่ายผู้ใดในใต้หล้า แต่ใครจะคาดคิดว่าท่านจะพบนางมารร้ายแพร่พิษใส่ จนบาดเจ็บสาหัส บิดาได้ช่วยเหลือดูแลท่านอยู่หลายวัน ยังไม่อาจยืดเยื้อชีวิต….
" ก่อนท่านจะสิ้นลมปราณ ท่านได้ฝากฝังให้ข้าเก็บคัมถีร์เล่มนั้น รวมถึงกระบี่วิเศษของท่านไว้ โดยไหววานเป็นครั้งสุดท้ายให้ข้าส่งจดหมายถึงคุณหนูลู่เหนี่ยวชิง จากนั้นท่านจึงเขียนแผนที่ให้ข้าไปหาสมบัติที่ท่านซุกซ่อนไว้เป็นค่าตอบแทน สุดท้าย ท่านยังไม่วายตักเตือนให้ข้าระวังนางมารจะมาช่วงชิงของวิเศษทั้งสอง……”
" โอ้ว ว!....ท่านไซมึ้งปุกป้าย สิ่งที่ท่านหวาดกลัวมาถึงตัวข้าแล้ว! "...
บิดาคล้ำครวญไปตลอดทางเดิน จนมาถึงยังห้องโถงใหญ่ ที่เก็บสมบัติของมีค่าไว้มากมาย ทั้งทองคำหลายหีบ ทั้งอัญมณีมีค่าวางเรียงอยู่บนถาดเงินนับร้อยถาด
แต่ที่ดึงดูดสายตาของเกาฉีเยี่ยนที่สุดเห็นจะเป็นกระบี่ในปลอกวิจิตรตระกานตา ที่วางอยู่บนแทนทองคำ
" กระบี่เจ็ดดาวเหนือ! "
...เกาฉีเยี่ยนเบิกตาโพลงมองกระบี่วิเศษในตำนานด้วยความตะลึงลาน…
แต่เสี้ยวหนึ่งในใจมันยังอดสงสัยไม่ได้ว่า นางมารที่ทำร้ายไซมึ้งปุกป้ายจะเป็นคนเดียวกีบหมื่นพิษพิรุณทองได้อย่างไร ? เพราะนางดูอายุไม่เกิน 23-24 เท่านั้น สิบปีก่อนคงไม่มีความสามรถพอจะทำร้ายยอดมือกระบี่แน่
" โอ้ โฮ้!....ที่แท้ในห้องลับมีสมบัติมากมายปานนี้ ท่านสามีเหตุใดปกปิดข้าพเจ้าเสียมิดชิด ? "...
สองพ่อลูกมีอันต้องสะดุ้งตัวโยน หันมองที่มาของเสียง จึงพบว่าผู้เดินผ่านช่องทางลับมาคือฮูหยินแปด อันจัดเป็นนางงามสะคราญโฉม ภรรยาคนล่าสุดที่บิดาหลงหัวปักหัวปำ
บิดาคงเลินเล่อไม่ปิดประตูช่องทางลับ เลยเป็นเหตุให้นางเดินตามมาอย่างงายดาย แต่บิดาหาได้มีสีหน้าโกรธเคือง กลับรีบวิ่งเข้าไปโอบไหล่ ประคับประคองเอาใจ
" โถ่!...ฮูหยินน้อย…จะช้าจะเร็วอย่างไรสามีต้องพาเจ้ามาเยี่ยมชมสมยัติของเราอยู่แล้ว ! "...
" ชิ!...ท่านชอบหรอกข้าพเจ้าอยู่เรื่อยเลย! "
นางแสร้งเป็นเง้างอน สะบัดสะบิ้ง โดยท่านพ่อก็เอาแต่กอดประคอง กล่าวประจบประแจงราวหนุ่มน้อยแรกรัก
" ท่านเพียงบอกนางผู้เดียว ไม่บอกพวกข้าะพจ้าใช่หรือไม่? "...
…ไปกันใหญ่แล้ว!...เกาฉีเยี่ยนร้องก้องในใจ เมื่อเห็นฮูหยินสามกับฮูหยินสี่ เดินตามเข้ามาสมทบ ก่อเค้าความวุ่นวาย จนเกาฉีเยี่ยนต้องเกาหัวอย่างอับจนปัญญา
" โถ่ ๆ !...จะอย่างไรสามีต้องบอกเพวกเจ้าอยู่มุกคนนั้นละ ! "
ท่านบิดาพูดออดอ้อนเตรียมเดินเข้าไปปลอบปโลมเมียรักทั้งคู่
ทว่ากลับเกิดเหตุเปลี่ยนแปร เมื่อฮูหยินน้อยพลันตะปบกงเล็บคว้าจับหัวไหล่บิดาไม่ให้เคลื่อนไหว โดยอีกมือนางสะบัดเข็มทองวับวาวใส่สองฮูหย้นทันทีทันใด
" ผิดท่าแล้ว!.."
.เกาฉีเยี่ยนร้องก้อง
หากยังเชื่องช้ากว่าสองฮูหยิน ที่เคลื่อนกระบวนท่าหลบเลี่ยงเข็มทองไปคนละทาง
เพียงเสี้ยวอึดใจ ฮูหยินสามดึงสองดาบออกจากด้านหลัง ส่วนฮูหยินสี่ดึงกระบี่ออกจากแขนเสื้อ สะบัดสองอาวุธผสานเข้าหาฮูหยินในทันใด
ทว่าฮูหยินน้อยกลับดึงร่างบิดามาขวางหน้าไว้ จนสองสาวต้องพลิกภาวะอาวุธ ม้วนตีลังกากลับหลังมา
" ศิษย์น้อง วิชาแปลงโฉมของพวกเจ้าก้าวหน้าไม่น้อย เสียดายที่ไม่รู้จักปลอมแปลงกลิ่นกายจากเนื้อสาว "
นางกล่าวด้วยรอยยิ้มร้ายลึก พลางเลื่อนมือขึ้นบนใบหน้า ดึงหน้ากากหนังแปลงโฉมออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามของนางมารหมื่นพิษพิรุณทอง
" กลิ่นกายพวกเราดูจะเจือจางกว่ากลิ่นนางจิ้งจอกของท่านละมั้ง ! "
...ฮูหยินที่กุมดาบกล่าวแดกดัน ก่อนจะดึงหน้ากากหนังแปลงโฉมออก เปิดให้เห็นหน้าแท้ที่มีดวงตาคมวาวดุดัน ของเหยี่ยวเนตรคิมหันต์
เกาฉีเยี่ยนหัวใจเต้นแรงเร่าราวจะกระดอนออกนอกอก เมื่อเห็นฮูหยินสี่ดึงหน้ากากหนังออก เผยใบหน้าอ่อนหวานของน้องหงษ์น้อย
ชายหนุ่มเผลอส่งยิ้มหวานฉ่ำ ทั้งที่สถานการณ์คับขันนัก
" เจ้ายิ้มอะไร? บิดาท่านมีอันตรายอยู่แท้ๆ ! "
ซูเซี้ยวหงขมวดคิ้วกล่าวกับมันด้วยสีหน้าเคืองขุ่น
โดยชายหนุ่มไม่ทันได้แก้ตัวตอบคำ นางมารพลันผลักบิดาเข้าใส่หงษ์น้อย จนนางต้องพลิ้วกายรับจ้าวบ้านไว้ในอ้อมแขน
ส่วนนางมารใช่จังหวะนั้นสะบัดเข็มทองเข้าใส่เหยี่ยวเนตรคิมหันต์ จนนางต้องยกดาบปัดป่ายต้านรับ
แล้วเพียงอึดใจหงษ์น้อยจึงลอยตัวแกว่งกระบี่เข้าไปร่วมสัปยุทธ สามศิษย์ร่วมสำนักโรมรันด้วยเพลงยุทธฉับไว จนมองเห็นประกายวับวาวดั่งดาวกระพริบไปทั่วทั้งห้อง
ปล่อยทิ้งให้เกาฉีเยี่ยนต้องรีบไปประคับประคองบิดาเข้ามาชิดผนังห้อง ….เพราะเพียงอึดใจอาจตกตายด้วยอาวุธในพริบตา….
" หวาดเสียวนัก!...หวาดเสียวยิ่ง!..." บิดาร้องลั่นด้วยอาการหวาดกลัวเกลื่อนใบหน้า
แตกต่างจากเกาฉีเยี่ยน ที่เอาแต่จ้องจับหงษ์น้อยตาไม่กระพริบ มุมปากมันยกยิ้มอย่างผิดกาละเทศะนัก
" ใช่บิดา!...เสียว..เสียวจริง ๆ !...."