คีรินทรกำลังจะโทรหาใบบุริน แต่โทรศัพท์กลับมีสายเรียกเข้าเสียก่อน ชื่อของ 'วีณา' ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขาจึงรับสายเพื่อนสนิท
"ว่ายังไงวี" เพราะตั้งแต่กลับจากอังกฤษก็มีงานหลายอย่างในบริษัทให้สานต่อ ชายหนุ่มจึงยังไม่มีโอกาสได้เจอเพื่อนคนไหนเลยนอกจากคาม
(วีเคลียร์งานเสร็จแล้วค่ะ วันพฤหัสนี้ไม่มีบิน เจอกันวันพฤหัสได้ไหมคะ?) วีณาเป็นเพื่อนหญิงคนสนิทของคีรินทร
ทั้งสองเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม และหญิงสาวก็ยังเลือกเข้าทำงานในสายการบินบัวหลวงแอร์ไลน์ตามคำแนะนำของคีรินทรอีกด้วย
"ก็ดีเหมือนกัน กลางสัปดาห์ทำงานเครียดๆ จะได้ผ่อนคลาย ว่าแต่วันนี้บินกี่โมง?"
(วันนี้เพิ่งกลับมาถึงบ้านเอง แต่ว่าพรุ่งนี้มีบินตั้งแต่เช้า จะไปฝรั่งเศส เดี๋ยวซื้อของมาฝากนะ) วีณาบอกมาตามสาย เธอมักจะซื้อของฝากจากทุกประเทศมาฝากคีรินทรเป็นประจำเมื่อมีโอกาส
"ขอบใจมากนะวี งั้นไว้เจอกันวันพฤหัส" ชายหนุ่มพูดเท่านั้นแล้วจึงกดวางสาย
แม้ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะโทรหาใบบุริน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหิวและยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมเมื่อวานอยู่ คีรินทรจึงตัดสินใจกลับไปที่คอนโดของตนเองเสียก่อน
ห้างสรรพสินค้า
ใบบุรินกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ภายในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่ง เธอกวาดสายตามองดูเสื้อผ้าราคาแพง พลันคิดในใจว่าตนคงไม่มีทางเข้าร้านเสื้อผ้าพวกนี้หากไม่ใช่เพราะคาลล์ ชายหนุ่มพาเธอมาซื้อชุดสำหรับสวมใส่ไปทำงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเขา
"ใบ ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้นล่ะครับ ผมพามาเลือกซื้อเสื้อผ้านะไม่ได้พามาเข้าป่าปีนเขา ถูกใจชุดไหนก็หยิบเลยนะครับ"
คาลล์พูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี ใบบุรินรู้ดีว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดชายหนุ่มจะเป็นคนจ่ายเช่นทุกครั้ง แต่ก็ใช่ว่าตนจะอยากได้ของราคาแพงเช่นนี้เสมอไป
"แต่เสื้อผ้าพวกนี้มีแต่แพงๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ ใบคิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าแพงขนาดนี้เลย" เธอขยับใบหน้าเข้าไปใกล้แผงอกกำยำของคาลล์เพื่อกระซิบคุย เพราะไม่อยากให้พนักงานภายในร้านได้ยิน
"แต่ใบจะมาทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของผมนะครับ ทำงานส่วนมากไม่ได้นั่งอยู่แค่ในออฟฟิศ เราจะต้องออกไปเจอแขกหรือลูกค้าด้วย เพราะฉะนั้นการสวมใส่เสื้อผ้าที่ดีคือหน้าตาของบริษัท" คาลล์อธิบายเช่นนั้น และมันก็ฟังดูสมเหตุสมผล
ใบบุรินจึงไม่อยากปฏิเสธอีก และแม้จะเป็นคนที่ไม่มีรสนิยมในการเลือกซื้อเสื้อผ้า แต่ก็โชคดีที่คาลล์ช่วยเลือกให้อยู่หลายชุด
"ใบฝึกงานแค่สองสามเดือนเองนะคะ ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ก็ได้" เธอค้านเมื่อเห็นชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าสวยๆ เพิ่มอีกหลายชุด ใบบุรินคิดว่าหากคาลล์เหมาทั้งร้านได้เขาคงทำไปแล้ว
"บางชุดไม่ใช่สำหรับใส่ไปทำงานครับ มีชุดเวลาใส่ไปทานมื้อค่ำ ใส่ไปเที่ยวทะเล ใส่ไปเที่ยวไร่เที่ยวดอย เห็นไหมมีหลายชุดเลย"
คาลล์พูดคุยกับใบบุรินด้วยรอยยิ้มเสมอ และความหมายของคำพูดต่างๆ ยังแสดงออกว่าเขายินดีที่จะซื้อทุกอย่างให้ เพราะหญิงสาวไม่เคยเอ่ยปากขออะไรเลยตั้งแต่รู้จักกันมาสองปี
คาลล์ชื่นชอบใบบุรินมากเป็นพิเศษ รู้สึกสบายใจและมีความสุขทุกครั้งที่ได้พูดคุยและไปทานข้าวกับหญิงสาว เขามักจะไปรับเธอที่บ้านเพื่อออกไปข้างนอกเสมอ
ส่วนคุณคีรีก็เห็นดีเห็นงามด้วย ท่านเห็นทั้งสองคนดูเหมาะสมกัน และรู้จักครอบครัวของคาลล์เป็นอย่างดี จึงไว้ใจให้ชายหนุ่มไปไหนมาไหนกับลูกเลี้ยงของตนได้อย่างสบายใจ
คาลล์เป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติใบบุรินเสมอ เขาไม่เคยล่วงเกินหญิงสาวเลย ซ้ำยังไม่เคยเร่งรัดสถานะ นอกเสียจากคอยดูแลและมอบความสุขความอบอุ่นให้กับเธอเท่านั้น
"งั้นวันนี้คุณคาลล์ต้องให้ใบเลี้ยงมื้อเที่ยงนะคะ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ใบเยอะมากแล้ว"
"ไม่ดีหรอกครับ" เขาตอบพลันส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการปฏิเสธ
"ดีสิคะ ใบเกรงใจ ปกติก็มีแต่คุณคาลล์ที่เลี้ยงข้าวใบ วันนี้ให้ใบเลี้ยงตอบแทนที่คุณซื้อเสื้อผ้าให้นะคะ"
เธอทำเสียงอ้อน ระหว่างที่พนักงานกำลังถือเสื้อผ้าไปยังเคาน์เตอร์คิดเงิน คาลล์ทำท่าทางครุ่นคิด พร้อมกับเปรยยิ้มกรุ้มกริ่มแทนคำตอบ ใบบุรินจึงพลอยยิ้มไปด้วย เมื่อเธอจ้องมองใบหน้าหล่อคมคายตามแบบฉบับหนุ่มยุโรปของเขา
"ตอบสิคะคุณคาลล์อย่าเอาแต่ยิ้ม ใบดูไม่ออกหรอกนะคะว่าคุณคิดอะไรอยู่"
"ตกลงตามนั้นก็ได้ครับ งั้นต่อไปนี้ใบคงจะต้องเลี้ยงข้าวผมบ่อยๆ แล้วล่ะครับ" เขาพูดพลันจ้องมองดวงตาตาประกายคู่สวย
"บ่อยๆ ก็ไม่ดีค่ะ คุณคาลล์ชอบทานของแพง ใบเลี้ยงไม่ไหวหรอก เลี้ยงแค่วันนี้พอ" ใบบุรินทำหน้ามุ่ย คาลล์จึงยิ้มร่าพอใจกับความตรงไปตรงมาของหญิงสาว
"ถึงจะแค่ฝึกงานแต่ผมก็จะจ่ายเงินเดือนให้ใบนะครับ เพราะผมคาดหวังว่าหลังจากที่ใบเรียนจบแล้วใบจะอยากมาทำงานที่บริษัทของผมสักปีสองปี ถ้าเกิดว่าใบอยากมาจริงๆ เดี๋ยวผมจะขอคุณคีรีให้ ท่านน่าจะอนุญาต"
คาลล์มองอนาคตไปไกลโดยมีใบบุรินอยู่ในเรื่องราวนั้นด้วย แต่หญิงสาวกลับไร้เดียงสา เธอไม่รู้ความหมายที่ชายหนุ่มพยายามสื่อสาร
ใบบุรินครุ่นคิดในใจ ถ้าหากคุณคีรีอนุญาตให้ตนมาทำงานกับคาลล์ก็คงจะดี เพราะหญิงสาวไม่อยากเข้าไปทำงานในสายการบินและต้องเจอหน้าคีรินทรทุกวัน ไหนจะพิลันดาและฟาร่าอีกด้วย เธอดูออกตั้งแต่แรกว่าทั้งสองแม่ลูกไม่เป็นมิตรกับตนเลย
"ใบครับ?" หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกของคาลล์
"คะ?"
"คิดอะไรอยู่ครับ?" คาลล์เห็นท่าทางเหม่อลอยของใบบุรินจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ปะ เปล่าค่ะ" เธอยิ้มเจื่อน
"ผมเห็นใบเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจคุยกับผมได้นะครับ ผมเป็นห่วงใบนะ" แววตาหวานซึ้งที่คาลล์จ้องมองมาทำให้ใบบุรินเขินอายจนไม่กล้าสบสายตาเขา
"ขอบคุณมากนะคะ แต่ถ้าใบมีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ ก็มีแค่คุณพ่อกับคุณคาลล์นี่ล่ะค่ะที่ใบพอจะพูดคุยด้วยได้" เธอบอก
"ผมยินดีรับฟังทุกเรื่อง ว่าแต่ใบได้ยินที่ผมถามก่อนหน้านี้หรือเปล่าครับ?"
"ได้ยินสิคะ เรื่องมาทำงานกับคุณคาลล์ ก็ดีเหมือนกันค่ะ ถ้าคุณคาลล์ขออนุญาตคุณพ่อได้ ใบก็ยินดีที่จะมาทำงานกับคุณค่ะ" คาลล์ฉีกยิ้มดีใจ เมื่อรู้ว่าใบบุรินองก็เต็มใจอยากมาทำงานกับตน
"ดีมากครับ งั้นเดี๋ยวไว้มีโอกาสผมจะพูดเรื่องนี้กับคุณคีรีเอง" หญิงสาวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม และได้แต่คาดหวังในใจว่าคุณคีรีจะอนุญาต
แต่ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของใบบุรินกลับดังขึ้นพอดี มือเรียวจึงล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายใบเล็ก เห็นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้บันทึกไว้จึงแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมกดรับสาย
"สวัสดีค่ะ"
(ใบ ฉันเองนะ ตอนนี้เธออยู่ไหน?) เสียงปลายสายทำให้ใบบุรินขมวดคิ้วแปลกใจ เธอไม่เคยให้หมายเลขโทรศัพท์ของตนกับคีรินทร ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องยากหากเขาอยากหาวิธีติดต่อตน
ใบบุรินชำเลืองมองคาลล์เล็กน้อย ชายหนุ่มกำลังยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน เธอจึงเดินห่างออกไปจากเคาน์เตอร์ชำระเงินเล็กน้อยเพื่อคุยโทรศัพท์กับพี่ชายต่างสายเลือด
"คุณคีมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?"
(ฉันถามว่าอยู่ไหนไม่ได้ยินเหรอ ฉันจะไปรับเธอไปทานมื้อเที่ยง มีธุระสำคัญจะคุยด้วย) เขาบอกมาตามสาย ไม่แม้แต่จะถามว่าเธอว่างหรือไม่ แต่ใบบุรินก็พอจะรู้จักนิสัยเอาแต่ใจของคีรินทรแล้ว
"ใบติดธุระอยู่ค่ะ ไม่สะดวกไปทานมื้อเที่ยงกับคุณคี ไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะคะ" หญิงสาวปฏิเสธ
(ปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใยขนาดนี้ แปลว่าธุระที่ทำอยู่คงจะสำคัญมากสินะ)
"สำคัญสิคะ แค่นี้ก่อนนะคะ"
(เดี๋ยวสิ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นลูกชายคนที่เขาส่งเสียเลี้ยงดูเธอจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยกับเธอก็คือธุระสำคัญจริงๆ คำพูดของฉันมันไม่มีความหมายอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?) และคำพูดของคีรินทรก็ทำให้ใบบุรินหนักใจ
เธอตระหนักดีเสมอมา ว่าหากทำอะไรเพื่อตอบแทนบุญคุณคุณคีรีได้ตนก็จะทำ และหากสิ่งที่คีรินทรขอให้ทำมันไม่หนักหนาเกินไป ตนก็ยินดีที่จะทำเช่นเดียวกัน
"งั้นก็ได้ค่ะ แต่เจอกันเย็นนี้ได้ไหมคะ ใบขอเปลี่ยนเป็นอาหารมื้อค่ำแทนก็แล้วกันค่ะ" หญิงสาวจำต้องฝืนใจตอบไปเช่นนั้น
(มื้อค่ำก็ได้ แล้วฉันจะไปรับเธอได้ที่ไหน?) ใบบุรินครุ่นคิด เธอไม่อยากกลับบ้านและรอให้ชายหนุ่มไปรับที่นั่น ไม่อยากให้พิลันดาและฟาร่าเห็นว่าตนออกไปข้างนอกกับคีรินทร จึงตัดสินใจที่จะไม่กลับเข้าบ้าน
"ใบจะนั่งแท็กซี่ไปหาคุณคีเองค่ะ ค่อยบอกมาก็แล้วกันนะคะว่าร้านอาหารร้านไหน"
(ก็ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะบอกชื่อร้านอาหารอีกทีก็แล้วกัน เจอกันตอนหกโมงเย็น) คีรินทรบอกมาตามสายแล้วเขาจึงวางสายไป
"บ้าจริง...เอาแต่ใจที่สุด" ใบบุรินได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่รู้เจตนาที่ชายหนุ่มพยายามเข้าหาตนนั้นคืออะไร เธอรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก
ใบบุรินหันมองไปยังคาลล์และคิดในใจ ว่าเหตุใดผู้ชายสองคนถึงได้มีนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว ต่างกันราวเทพบุตรกับซาตาน เธอส่ายหน้าน้อยๆ จากนั้นจึงเดินกลับไปหาชายหนุ่มที่แสนดีของตน...