เช้าวันใหม่
ใบบุรินออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เธอไม่อยากร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับคีรินทรและคนอื่นๆ สาเหตุเพราะยังไม่มีคำตอบให้ชายหนุ่มเรื่องที่เขามาขอให้ตนไปเป็นเลขา
ส่วนคีรินทรเดินเข้ามาหาบิดาที่ห้องรับประทานอาหาร แต่กลับเห็นพิลันดานั่งอยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงกวาดสายตามองหาใบบุรินไปทั่วบ้านแต่กลับไม่พบหญิงสาว
"ใบไปไหนครับคุณพ่อ?"
"หนูใบออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เห็นบอกว่ามีธุระหลายอย่างต้องทำให้เสร็จก่อนวันเสาร์อาทิตย์นี้" คุณคีรีบอก
คีรินทรฟังเช่นนั้นแล้วกลับหงุดหงิดใจ ที่ใบบุรินรีบออกจากบ้านแต่เช้าราวกับตั้งใจหลบหน้าตน เขาอุตส่าห์เฝ้ารอคำตอบจากหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อ เพราะคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบในเช้านี้
คีรินทรครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงนึกได้ว่าหากขอเรื่องนี้กับคุณคีรีน่าจะง่ายกว่า อีกอย่างหากเป็นคำสั่งจากบิดา ใบบุรินจะไม่สามารถปฏิเสธงานนี้ได้
"คุณพ่อครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณพ่อครับ"
"ทานมื้อเช้ากับพ่อก่อนสิ แล้วค่อยคุยกันไปด้วย" คุณคีรีบอก คีรินทรจึงชำเลืองมองพิลันดาเล็กน้อย
เขาไม่อยากร่วมโต๊ะกับว่าที่ภรรยาใหม่ของบิดา แต่การคุยเรื่องของใบบุรินก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบัง เพราะหากหญิงสาวได้ไปเป็นเลขาของตนจริง ทุกคนก็ต้องรู้อยู่แล้ว
"ผมต้องการให้ใบเป็นเลขาส่วนตัวของผมครับ" คุณคีรีแหงนหน้ามองบุตรชายทันทีที่ได้ฟังเช่นนั้น
"หมายความว่ายังไง แกก็มีเลขาอยู่แล้วทั้งคนไม่ใช่เหรอ แล้วที่ให้หนูฟาร่าไปเป็นผู้ช่วยเลขาก็ไม่เอา ตอนนี้กลับอยากได้หนูใบไปเป็นเลขา"
เหตุผลนี้ที่ทำให้คนเป็นบิดาแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะรู้มาตลอดว่าเมื่อก่อนบุตรชายไม่ชอบใบบุรินและมารดาของเธอเสียด้วยซ้ำ
"คามกำลังจะลาออกครับ เขาแจ้งผมเมื่อวาน อีกอย่างผมก็ยังไม่ต้องการให้คนอื่นที่ไม่รู้จักมาเป็นเลขา"
มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ความจริงแล้วคีรินทรอยากให้ใบบุรินอยู่ใกล้ๆ ตน เพราะอยากรู้จักกับหญิงสาวให้มากขึ้น
"แต่หนูใบยังเรียนไม่จบ จะให้มาทำงานเป็นเลขาแบบเต็มเวลาก็คงไม่ได้ อีกอย่างตำแหน่งงานนี้เป็นตำแหน่งสำคัญที่จะต้องคอยทำงานทุกอย่างให้กับแก ดังนั้นตำแหน่งนี้คงไม่สามารถที่จะเป็นเด็กนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ" คุณคีรีพูดด้วยเหตุผล
"แต่เราตกลงกันแล้วนะครับ ว่าผมขอเลือกคนที่จะมาทำงานให้กับผมด้วยตัวเอง อีกอย่างคามก็ไม่ได้จะออกทันทีทันใด ผมจะให้เขาสอนงานใบจนเป็นงานทุกอย่างก่อนที่เขาจะลาออก" คุณคีรีกำลังใช้เวลาคิดทบทวนอยู่
ขณะที่พิลันดาเอาแต่จ้องมองว่าที่สามีและคาดหวังว่าเขาจะไม่อนุญาต เพราะไม่เช่นนั้นฟาร่าคงโวยวายบ้านแตกเป็นแน่หากใบบุรินได้เป็นเลขาของคีรินทร
"แต่เมื่อคืนได้ยินว่าหนูใบจะไปฝึกงานกับบริษัทของคุณคาลล์ไม่ใช่เหรอคะ เพราะฉะนั้นตำแหน่งเลขานี้คุณคีช่วยลองพิจารณาให้ฟาร่าไปฝึกงานกับคุณคีได้ไหมคะ ฟาร่าอยากช่วยงานบริษัทจริงๆ นะคะ"
พิลันดาจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง จึงออกความคิดเห็นแม้จะรู้ว่าไม่ควร คีรินทรเงียบและไม่พูดอะไรหลังจากนางพูดจบ เขาเอาแต่จ้องมองว่าที่แม่เลี้ยงด้วยแววตาขุ่นเคือง
"คีว่ายังไงลูก กับสิ่งที่คุณดาเขาพูดไป" คุณคีรีไม่อยากผิดใจกับพิลันดา เพราะนางเป็นคนขอให้บุตรสาวเข้าไปทำงานในบริษัท
แต่คีรินทรแทบไม่ต้องคิดอะไร เพราะคำตอบในใจมันชัดเจนอยู่แล้ว ต่อให้ต้องตอบอีกสักสิบครั้งก็จะตอบคำเดิม ว่าไม่ต้องการให้ฟาร่ามาเป็นเลขาหรือผู้ช่วยเลขาของตนอย่างแน่นอน
จังหวะนั้นฟาร่าเดินลงมาจากชั้นสองพอดี หล่อนกำลังจะเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร แต่เห็นทุกคนกำลังพูดคุยกันด้วยสีหน้าเครียดจึงหยุดฟังอยู่ตรงหน้าประตู
"ไม่ครับ ถึงยังไงผมก็ไม่รับฟาร่าเข้ามาฝึกงานหรือว่ามันเป็นเลขาของผม คนที่ผมต้องการให้มาทำงานกับผมคือใบบุรินคนเดียวเท่านั้นครับคุณพ่อ"
คีรินทรพูดเสียงดังชัดเจนต่อหน้าบิดา และหากใบบุรินไม่ยอมมาทำงานตำแหน่งเลขา ฟาร่าก็จะยังคงไม่ใช่ตัวเลือกอยู่ดี
"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไมอยู่ๆ พี่คีถึงได้ขอให้ใบไปทำงานกับพี่คีทั้งๆ ที่ตำแหน่งนี้คุณพ่อจะให้ฟาร่าไปทำตั้งแต่แรก"
ฟาร่าได้ยินแล้วจึงโกรธ หล่อนเดินพรวดพราดเข้ามาภายในห้องรับประทานอาหารพร้อมกับพูดขึ้นเสียงดังด้วยความไม่พอใจ คีรินทรไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าเจ้าของเสียงดังน่ารำคาญนั้น
"ฟาร่า ทำไมพูดเสียงดังแบบนี้ล่ะลูก?" พิลันดาต่อว่าบุตรสาวเมื่อหล่อนพูดเสียงดังต่อหน้าผู้ใหญ่
"แล้วคุณแม่ยอมเหรอคะ แบบนี้มันข้ามหน้าข้ามตากันชัดๆ เลย ฟาร่าก็เรียนมาเหมือนกันกับใบ ฝึกงานเทอมนี้เหมือนกัน แต่ทำไมพี่คีถึงได้เลือกใบไปเป็นเลขาล่ะคะ?" หล่อนยังคงโวยวาย เรื่องอะไรจะยอมง่ายๆ ในเมื่อตนจองตำแหน่งนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
"หนูฟาร่าใจเย็นๆ นะลูก พ่อบอกแล้วไงว่าจะให้ทำงานในตำแหน่งอื่นของบริษัท" คุณคีรีเอ่ยขึ้น
"แต่ฟาร่าอยากเป็นเลขาพี่คีค่ะคุณพ่อ"
"ฟาร่า! หยุดโวยวายแล้วมานั่งกับแม่" พิลันดาเกรงว่าบุตรสาวจะทำเสียเรื่อง จึงออกคำสั่งเสียงดุให้หล่อนมานั่งข้างตนเพื่อรับประทานมื้อเช้า
"แต่ถึงยังไงฟาร่าก็ไม่ยอมนะคะ ก็คุณพ่อรับปากเองว่าจะให้ฟาร่าไปทำงานกับพี่คี" คุณคีรีได้แต่ถอนหายใจเสียงเบา พิลันดามองค้อนบุตรสาว เมื่อหล่อนเดินมานั่งลงข้างกายแต่ยังคงส่งเสียงดังโวยวาย
"ผมตัดสินใจไปแล้ว ผมจะให้ใบเข้าไปเป็นเลขาของผมวันจันทร์นี้ ใบจะไม่ไปฝึกงานกับคาลล์ครับคุณพ่อ ขอตัวนะครับ"
คีรินทรยื่นคำขาด เขาไม่ยอมทานมื้อเช้าร่วมกับครอบครัวใหม่ของบิดา จากนั้นร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปขึ้นรถ
คุณคีรีถอนหายใจอีกครั้ง รู้ดีว่าไม่สามารถขัดใจบุตรชายได้ เพราะมันเป็นข้อตกลงกันตั้งแต่แรกว่าเขาสามารถเลือกคนมาร่วมงานได้ด้วยตัวเอง
คีรินทรเดินออกมาจนถึงหน้าบ้าน เขาเห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่จึงเดินเข้าไปถาม
"เธอชื่ออะไร?"
"ชื่อน้องค่ะคุณหนู" หล่อนรู้ดีว่าคีรินทรคือบุตรชายเจ้าของบ้าน จึงเรียกเขาว่า'คุณหนู'เช่นที่ป้าแม่บ้านคนเก่าแก่พาเรียก
"ฉันจะให้ตังค์เธอใช้" ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา และหยิบเอาธนบัตรแบงก์พันยื่นให้แก่หล่อน
"ให้ทำไมคะคุณหนู" สาวใช้เลิ่กลั่กไม่กล้ารับเงิน
"แลกกับเบอร์โทรศัพท์ของใบ" คำตอบทำให้น้องถึงกับคลี่ยิ้ม หล่อนรีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันเปื้อน และเขี่ยหน้าจอสมาร์ตโฟนเพื่อค้นหาชื่อของใบบุริน จากนั้นจึงหันหน้าจอโทรศัพท์ให้เจ้านายดูหมายเลขโทรศัพท์ของหญิงสาว
คีรินทรกดบันทึกเอาหมายเลขโทรศัพท์ของใบบุริน เขาคลี่ยิ้มให้สาวใช้เล็กน้อยขณะที่หล่อนรับเอาเงินไป
จากนั้นร่างสูงจึงเดินตรงไปขึ้นและขับออกไป คีรินทรตั้งใจว่าจะไปหาหญิงสาว แต่ต้องโทรถามก่อนว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหน...