ตามติดเป็นเงา

1490 คำ
ใบบุรินเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกับคาลล์หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จ พวกเขาเลือกทานร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าหลังเลือกซื้อเสื้อผ้าเสร็จ ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้น เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาเจอกับคีรินทรเข้าพอดี ใบบุรินจำได้ว่าเพิ่งวางสายไปจากเขาเมื่อราวสองชั่วโมงที่แล้ว "คุณคี..." เธอเผลอเรียกชื่อคนตรงหน้า ทำให้คาลล์ได้รู้ชื่อของอีกฝ่าย และยังรู้ด้วยว่าชายหนุ่มคือคีรินทรลูกชายของคุณคีรีผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนั่นเอง "เคยได้ยินชื่อมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เจอกันซะทีนะครับคุณคี" คาลล์เป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อน และยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อทำความรู้จักกับคีรินทร "คุณคงเป็นคุณคาลล์สินะครับ ที่คุณพ่อบอกว่าจะให้ใบไปฝึกงานด้วย" เขายอมเขย่ามือกับคาลล์ตามมารยาท แม้ว่าสายตาจะเอาแต่ชำเลืองมองใบบุรินก็ตาม "ใช่ครับ วันนี้ผมเลยพาใบมาซื้อชุดสำหรับใส่ไปทำงาน ใบจะเริ่มทำงานวันจันทร์นี้แล้ว" คาลล์พูดด้วยรอยยิ้มผูกมิตร เขาอยากรู้จักคีรินทรมากขึ้นในฐานะนักธุรกิจเหมือนกัน อีกอย่างพักหลังมานี้ทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกันมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน "แล้วใบได้บอกคุณคาลล์หรือเปล่า ว่าเย็นนี้เรามีนัดทานมื้อค่ำกัน" คีรินทรถามคาลล์ "ใบไม่ได้บอกหรอกครับ แต่ไม่เห็นต้องบอกผมก็ได้ คุณสองคนเป็นพี่น้องกัน นัดกันทานข้าวก็เป็นเรื่องปกติ นี่ผมก็กำลังจะไปส่งใบที่บ้านเพื่อนของเธอพอดีครับ" "งั้นเดี๋ยวผมจะเป็นธุระให้เอง คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปส่งใบ เพราะว่าถึงยังไงผมก็ต้องไปรับเขาออกมาทานมื้อเย็นอยู่ดี" ใบบุรินได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้คาลล์เลือกที่จะที่เป็นคนไปส่งตน แต่เหมือนฟ้าจะไม่เข้าข้างเอาเสียเลย "งั้นก็ดีเหมือนกันครับ เพราะว่าผมต้องกลับไปเตรียมตัวอีกหลายอย่าง พรุ่งนี้มีบินไปฝรั่งเศสแต่เช้า ใบจำได้ไหมที่ผมเคยบอกไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว" คาลล์หันไปถามใบบุริน "จำได้สิคะ ถ้างั้นก็เชิญคุณคาลล์ตามสบายเลยค่ะ จะได้มีเวลาเตรียมตัว" ในเมื่อทั้งสองพูดคุยกันเช่นนั้นแล้ว ใบบุรินก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรั้นไปกับคาลล์เสียให้ได้ อีกอย่างก็เกรงใจชายหนุ่มหลายเรื่อง "เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมจะโทรหานะครับ" หญิงสาวพยักหน้าและยิ้มหวานให้คาลล์ แล้วจึงรับเอาถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าของตนเองอยู่ในนั้นมาถือไว้ "เดินทางปลอดภัยนะคะ" "ขอบคุณครับ ไว้เจอกันตอนที่ผมกลับมาจากฝรั่งเศสนะครับ เดี๋ยวจะซื้อของมาฝาก" คาลล์บอกใบบุริน ทำให้คีรินทรนึกถึงคำพูดที่วีณาพูดกับตนว่าจะซื้อของมาฝาก มันฟังดูเหมือนกันไม่มีผิด "เดินทางปลอดภัยครับ" คีรินทรอวยพรคาลล์ตามมารยาท "ขอบคุณครับ ยังไงก็ฝากใบด้วยนะครับ ผมขอตัวก่อน" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกไป เพราะคาลล์เห็นว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องบ้านเดียวกัน จึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ปล่อยให้ใบบุรินไปกับพี่ชายต่างสายเลือดของเธอ "มาช็อปปิ้งกับผู้ชาย ซื้อของเยอะรุงรังอย่างกับจะย้ายบ้านใหม่" แม้จะฟังดูเหมือนคำพูดหยอกล้อธรรมดา แต่ใบบุรินกลับรู้ว่ามันคีรินทรพูดประชดประชันเสียมากกว่า "ใบก็ไม่ได้อยากจะซื้อหรอกค่ะ แต่คุณคาลล์บอกว่าการใส่เสื้อผ้าที่ดีเป็นหน้าตาของบริษัท ใบไปทำงานกับเขาต้องสวมเสื้อผ้าดีๆ" หญิงสาวอธิบายแม้จะรู้ดีว่าไม่จำเป็น "เจอเธอที่นี่ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้พาฉันไปซื้อของบ้าง อยากได้ของใช้หลายอย่างเลย ฉันเพิ่งจะย้ายเข้าคอนโดใหม่ได้ยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ" "พาคุณไปซื้อของงั้นเหรอ แล้วทำไมใบถึงต้องพาคุณไปซื้อของด้วยคะ?" "ก็ในฐานะที่เธอกำลังจะไปเป็นเลขาของฉันไง เพราะฉะนั้นเธอต้องช่วยเหลือฉันทุกอย่างตามที่ฉันขอ" คีรินทรตัดสินใจพูดเรื่องเลขา ใบบุรินแปลกใจ เพราะตนยังไม่ได้ตอบตกลงเรื่องที่จะไปทำงานให้กับเขาเลย "แต่ใบไม่ได้ตอบตกลงที่จะไปทำงานกับคุณคีนะคะ" "เธอไม่จำเป็นต้องตอบตกลงหรอก เพราะเรื่องนี้คุณพ่อจะเป็นคนสั่งให้เธอไปทำงานกับฉัน" เขาพูดแล้วจึงแย่งเอาถุงกระดาษในมือหญิงสาวมาถือเองทั้งหมด "คุณพ่อบอกแบบนั้นจริงๆ เหรอคะ?" หญิงสาวถามย้ำ เพราะหากเป็นคำสั่งของคุณคีรีตนก็ไม่สามารถขัดได้ ส่วนคีรินทรรู้ดีว่าบิดายังไม่ตัดสินใจ แต่เขาก็เชื่อว่าบิดาจะทำตามความต้องการของตนจึงพูดไปเช่นนั้น "คุณพ่อบอกว่าเธอจะจัดการธุระทุกอย่างให้เสร็จในเสาร์อาทิตย์นี้ แต่ดันมากินข้าวกับผู้ชายเนี่ยนะ?" คีรินทรหันมามองค้อนเจ้าของใบหน้าสวย "ก็นี่ไงคะธุระ มาซื้อชุดใส่ไปทำงาน จะไม่ให้กินข้าวกินปลาเลยหรือยังไงคะ" เธอเถียง ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใบบุรินคนนี้แตกต่างจากใบบุรินเมื่อหกปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอยังเด็กมากเกินกว่าจะรู้จักออกปากเถียงเช่นนี้ "ฉันอยากได้เนกไท ฉันคิดว่าเธอน่าจะช่วยเลือกให้ฉันได้ดี" เขาพูดแล้วจึงเดินนำหน้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์หรู คีรินทรพาใบบุรินเดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้า ซึ่งเป็นร้านที่หญิงสาวเพิ่งซื้อของออกไปเมื่อประมาณสองชั่วโมงที่แล้ว ถุงเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มถืออยู่ก็เป็นแบรนด์ของที่ร้านนี้ พนักงานคงรู้สึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้าใบบุรินมากับผู้ชายอีกคน และตอนนี้กลับมากับผู้ชายอีกคน ช่างน่าหัวร่อเสียจริง "เธอไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ เรื่องที่เธอจะต้องไปเป็นเลขาให้ฉัน เธอจะไม่ได้ไปทำงานกับคาลล์แล้ว" เขาหันมามองใบหน้าสวยบึ้งตึง ระหว่างที่วางถุงกระดาษลงบนโต๊ะรับรองลูกค้า "ถ้าคุณพ่อต้องการแบบนั้นจริงๆ ใบก็ไม่ขัดหรอกค่ะ เพราะที่ใบจะไปฝึกงานกับคุณคาลล์ก็ไปตามคำแนะนำของท่านนั่นแหละค่ะ" "งั้นก็แปลว่าเธออยากทำงานที่บริษัทของเรามากกว่าไปทำงานกับคาลล์?" "ไม่ใช่ค่ะ ใบอยากไปทำงานกับคุณคาลล์มากกว่าไปทำงานกับคุณ" ใบบุรินตอบอย่างตรงไปตรงมา ทำให้คีรินทรถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นบึ้งตึง "ก็ใช่สิ คาลล์ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น เห็นคุณพ่อบอกว่าสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ?" เขาทำหน้าบึ้งตึงบ้าง เมื่อใบบุรินบอกว่าอยากไปทำงานกับคาลล์ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดหวังให้หญิงสาวพูดออกมา น่าแปลกใจที่ตนรู้สึกผิดหวังกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ "มันไม่เกี่ยวกับว่าหล่อหรือรวยหรอกค่ะ แต่การที่คนสองคนพูดคุยกันด้วยความสบายใจแล้วก็เข้ากันได้ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากเลยนะคะ" "พูดแบบนี้แปลว่าจะคบมันเป็นแฟนเหรอ?" คีรินทรจ้องมองใบหน้าสวยด้วยแววตาเอาเรื่อง "ทำไมคุณคีถึงเรียกคนอื่นว่ามันล่ะคะ?" "เรียกไม่ได้?" เขาเลิกคิ้วถามอีก "ก็ไม่ใช่เรียกไม่ได้หรอกค่ะ แต่ใบแค่ไม่คิดว่าคุณจะเรียกคนอื่นแบบนั้น การให้เกียรติคนอื่นเป็นสิ่งสำคัญ คุณคาลล์ไม่ได้ทำอะไรให้คุณ อีกอย่างเขาก็เป็นคนสนิทของพ่อคุณ" "เอาล่ะ เหมือนเธอจะไม่พอใจมากที่ฉันไปเรียกคนของเธอว่ามัน แต่ว่าต่อจากนี้ไป เธอจะพูดจาแข็งกระด้างแบบนี้กับฉันไม่ได้แล้ว เพราะว่าฉันจะเป็นเจ้านายของเธอ" "ใบไม่ได้พูดจาแข็งกระด้างนะคะ" เธอเถียง "ก็ปกป้องคนอื่นไง เธอเห็นคนอื่นดีกว่าฉันหรือยังไง" คีรินทรพูดแล้วจึงหันไปเลือกเนกไท เพราะหากพูดคุยกันต่อ มีหวังได้ทะเลาะกันกลางห้างเป็นแน่ ใบบุรินจำใจสงบปากสงบคำ เพราะเกรงใจพนักงานในร้านที่ไม่กล้าเดินเข้ามาให้คำแนะนำเรื่องสินค้าเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม