ร้านอาหาร
ใบบุรินนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูหราแห่งหนึ่งกับคีรินธร ทั้งสองสั่งอาหารเสร็จแล้วและกำลังรอเสิร์ฟ ขณะที่หญิงสาวกำลังแปลกใจ ว่าทำไมเขาถึงพาตนมารับประทานมื้อค่ำในเวลาห้าโมงเย็นเช่นนี้
"ปกติคุณคีทานข้าวแต่หัวค่ำแบบนี้ทุกวันเหรอคะ?" ใบบุรินถามเมื่อเห็นคีรินทรยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
"ฉันไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลา ปกติหิวก็ทาน ถ้าไม่หิวก็ทานดึกๆ ก็ได้ แต่บังเอิญว่าวันนี้หิวเพราะว่าไม่ได้ทานมื้อเที่ยง" ชายหนุ่มมัวแต่เอาเวลามาคอยตามใบบุรินอยู่ เขาจึงไม่ได้ทานอะไรเลยในช่วงบ่าย
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"เข้าใจง่ายดีนี่ ตกลงจะตอบฉันได้หรือยัง เรื่องที่ฉันขอให้เธอไปเป็นเลขา ฉันไม่อยากให้คุณพ่อต้องเป็นคนออกคำสั่งเรื่องนี้ ฉันอยากให้เธอเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง"
แม้คีรินทรจะดูเหมือนคนเอาแต่ใจ แต่เขาก็มีเหตุผลในเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องงานที่ตนจะขึ้นมาบริหารแทนบิดา
"งั้นคุณคีช่วยบอกเหตุผลได้ไหมคะ ว่าทำไมถึงอยากให้ใบมาเป็นเลขาของคุณคี ทั้งๆ ที่คุณสามารถจ้างเลขามืออาชีพและคนที่มีประสบการณ์มากกว่าใบได้"
"ฉันต้องการคนที่ไว้ใจได้ เพราะเลขาส่วนตัวของฉันไม่ใช่แค่ทำงานที่บริษัท เลขาต้องดูแลเรื่องส่วนตัวของฉันด้วย คนที่ทำงานไม่เก่งก็ยังพอสอนกันได้ แต่ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีได้"
คีรินทรพูดพลันจ้องลึกในดวงตาคู่สวยของใบบุริน หญิงสาวจึงก้มหน้าหลบสายตาเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองตนนานเกินไป
"งั้นก็แปลว่าคุณคีไว้ใจใบ..."
"ใช่ แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันจะไม่ไว้ใจเธอล่ะ?" เขาเลิกคิ้วถาม
"ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกค่ะ แต่ใบคิดว่าคุณคีไม่อยากให้ใบทำงานในบริษัทของคุณซะอีก" เพราะเรื่องเมื่อหกปีก่อน จึงคิดว่าชายหนุ่มยังคงเกลียดชังตน
"ฉันอยาก... เพราะฉะนั้นเธอจะตอบตกลงได้หรือยัง?" น้ำเสียงของคีรินทรราวกับเร่งเร้าเอาคำตอบ แต่แน่นอนว่าใบบุรินยังไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้มากในตอนนี้
"ถึงยังไงใบก็ต้องขอเวลาคิดดูก่อนค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่อยากให้ไปทำงานในบริษัทของคุณ" หญิงสาวตอบเช่นนั้น เพราะต้องทบทวนอะไรอีกหลายอย่าง
อาหารถูกนำมาเสิร์ฟระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน จากนั้นพวกเขาจึงลงมือรับประทานมื้อค่ำร่วมกันและพูดคุยเรื่องต่างๆ
เกือบสามชั่วโมงผ่านไป คีรินทรขับรถกลับมาส่งใบบุรินที่บ้านในเวลาสองทุ่ม วันนี้เขาตั้งใจว่าจะกลับไปนอนที่คอนโด แต่ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาส่งเธอถึงในบ้าน เพราะต้องการช่วยหิ้วข้าวของที่ซื้อมามากมายจนรุงรัง
ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านจึงสังเกตเห็นความเงียบผิดปกติ เพราะคุณคีรีและพิลันดายังไม่กลับมาจากข้างนอก คีรินทรหิ้วของเดินขึ้นบันไดมาจนถึงห้องนอนของใบบุริน
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง" หญิงสาวขอบคุณตามมารยาท ที่เขาช่วยถือถุงเสื้อผ้าเข้ามาส่งถึงในห้องนอน
"หายกันกับที่เธอไปช่วยฉันเลือกซื้อเนกไทวันนี้ก็แล้วกัน อ้อ วันจันทร์นี้เจอกันที่ทำงานนะ" เขาบอก เพราะคาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แม้ว่าใบบุรินจะยังไม่ตอบตกลงว่าจะไปทำงานกับคีรินทรก็ตาม
หญิงสาวยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับคุณคีรีเลย แต่หากท่านมีคำสั่งว่าให้ไปทำงานเป็นเลขาของคีรินทรจริง เธอก็จะทำตามโดยไม่มีคำปฏิเสธใดๆ
"ให้ใบเดินออกไปส่งหน้าบ้านไหมคะ?" ใบบุรินยังไม่อยากพูดคุยเรื่องงานไปมากกว่านี้ จึงถามชายหนุ่มเป็นการบอกให้เขากลับทางอ้อม แม้ว่าบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านของบิดาเขาก็ตาม
"ฉันกลับก็ได้ ที่จริงว่าจะไปดื่มต่อซะหน่อย"
"งั้นก็ตามสะดวกเลยค่ะ"
"เธอมีเบอร์โทรฉันแล้ว ถ้ามีธุระอะไรหรือว่าอยากถามอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดนะ"
คีรินทรรู้สึกเป็นห่วงใบบุริน เขาคิดว่าคงเป็นเพราะหญิงสาวต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กับครอบครัวใหม่ของบิดาของตน เธอเพียงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นร่างสูงจึงเดินออกจากห้องนอนไป
คีรินทรเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง โดยที่ไม่รู้ว่าฟาร่าแอบยืนมองตั้งแต่ที่ชายหนุ่มช่วยถือของเข้าไปในห้องนอนของใบบุรินแล้ว
หลังจากฟาร่าเห็นคีรินทรเดินลงบันไดไปแล้ว หล่อนจึงเดินฟึดฟัดไปเปิดประตูห้องนอนของใบบุริน และถือวิสาสะเดินเข้าไปอย่างคนไร้มารยาท
"ใบ! เธอไปไหนมากับพี่คี นี่อย่าบอกนะว่าไปอ่อยจนเขาพาไปซื้อของมากมายถึงขั้นได้หอบกลับมาบ้านแบบนี้"
ความเจ้าอารมณ์ของฟาร่าทำให้หล่อนไม่มีความอดทนอดกลั้น หล่อนมองถุงข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยแววตาริษยา
ด้านคีรินทรที่ก้าวเท้ายังไม่พ้นบันไดขั้นสุดท้าย แต่กลับได้ยินเสียงโวยวายน่ารำคาญของฟาร่าดังขึ้น เขารู้ได้ทันทีว่าหล่อนคงเข้าไปหาเรื่องใบบุริน ร่างสูงจึงหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนของหญิงสาวอีกครั้ง
"ไม่ใช่นะ ฉันกับคุณคีแค่บังเอิญเจอกันที่ห้างสรรพสินค้า เขาก็แค่ช่วยถือของขึ้นมาส่งก็แค่นั้นเอง อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ซื้ออะไรให้ฉันด้วย" ใบบุรินอธิบาย
เพราะรู้ดีว่าฟาร่าเป็นคนนิสัยขี้โวยวายและใจร้อน อีกอย่างตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าหล่อนกำลังหมายปองพี่ชายต่างสายเลือดไว้อยู่
"มารยา คิดว่าฉันมองไม่ออกเหรอว่าผู้หญิงอย่างเธอต้องการอะไรกันแน่ แต่เธอควรอยู่ในบ้านหลังนี้เพียงเพื่อพึ่งบารมีคุณพ่อสิ ไม่ใช่คิดจะจับลูกชายของเขาเพราะเห็นว่าเขารวย คงคิดว่าถึงยังไงก็จะไม่มีทางออกไปจากครอบครัวนี้ใช่มั้ย?"
หล่อนต่อว่าคนอื่นโดยที่ไม่สำเหนียกการกระทำของตนเองเลยแม้แต่น้อย ใบบุรินรู้สึกโกรธที่โดนกล่าวหาเช่นนั้นเพราะมันไม่เป็นความจริงเลย
"เธอแน่ใจนะว่าเธอกำลังด่าฉัน?"
"หรือว่ามันไม่จริง?"
"ก็มันไม่จริงไง ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น ถึงฉันจะอยู่ในบ้านหลังนี้และพึ่งบารมีคุณพ่อ แต่ฉันก็ไม่ได้อยู่เพื่อใช้เงินไปวันๆ ฉันกำลังทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณคุณพ่อ"
"งั้นก็ตอบแทนบุญคุณมานานพอแล้ว ตอนนี้เธอควรจะเลิกตอบแทนบุญคุณคุณพ่อ และไม่ควรอยู่เป็นภาระของครอบครัวนี้อีกต่อไป ไม่เห็นหรือยังไงว่าคุณพ่อกำลังจะแต่งงานกับคุณแม่ของฉัน เธอควรออกไปจากที่นี่ซะ"
เพราะยิ่งเห็นใบบุรินใกล้ชิดกับคีรินทร หล่อนยิ่งรู้สึกเกลียดชังหญิงสาว และอยากไล่ออกจากบ้านไปเสียให้พ้นๆ
"แต่ฉันมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่โดยถูกต้อง และเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาออกปากไล่ฉันแบบนี้"
"แต่ฉันจะฟ้องคุณพ่อ ว่าฉันเห็นพี่คีเข้ามาหาเธอในห้องนอน ฉันจะทำทุกอย่างให้คุณพ่อไล่เธอออกบ้านหลังนี้ให้ได้เลย" ความโกรธเคืองและความหึงหวงทำให้ฟาร่าพูดจาไร้เหตุผลเอาแต่ใจ
ส่วนคีรินทรกำลังควบคุมอารมณ์ความโกรธอยู่ เขายืนฟังอยู่ตรงหน้าห้องสักพักแล้ว จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนเพราะทนฟังสิ่งที่ฟาร่าพูดต่อไปไม่ไหว
"ไปกับฉัน" คีรินทรเดินเข้ามารั้งข้อมือเล็กของใบบุรินไปกุมไว้ ชายหนุ่มต้องการพาเธอเดินออกไปจากห้องนี้ตอนนี้
"คุณคี จะทำอะไรคะ?" ใบบุรินจ้องมองใบหน้าหล่อคมคายด้วยความแปลกใจ เธอคิดว่าชายหนุ่มออกจากบ้านไปแล้วเสียอีก
"พี่คี! จะพาใบไปไหนคะ?" ฟาร่าถามเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
"ก็เธอเป็นคนพูดเองว่าไม่อยากให้ใบอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นใบจะไม่อยู่ในบ้านหลังนี้ แล้วถ้าคุณพ่อถามเธอก็บอกคุณพ่อด้วยว่าเธอเป็นคนออกปากไล่ใบให้ไปอยู่ที่อื่น"
คีรินทรพูดด้วยความโกรธ เขาไม่อยากให้ใบบุรินอยู่ที่นี่เพื่อต่อสู้กับพวกคนพาล และยังตระหนักอีกว่าการแต่งงานครั้งนี้ของบิดาอาจจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง
"คุณคีคะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ" ใบบุรินพยายามดึงมือเขาออก แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งกุมข้อมือเล็กแน่นยิ่งขึ้น
"ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง" ว่าแล้วคีรินทรจึงเอื้อมมือไปหยิบเอาถุงเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาถือไว้ เขาจ้องมองฟาร่าด้วยแววตาเอาเรื่อง จากนั้นจึงรั้งข้อมือเล็กของใบบุรินพาเดินลงบันไดไป
"พี่คี! พี่คีทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ อย่าพาใบออกไปจากบ้านหลังนี้นะคะ" ฟาร่าตะโกนตามหลัง แต่คีรินทรกลับไม่ยอมฟัง
ทั้งสองเดินออกจนถึงรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน จากนั้นชายหนุ่มจึงเปิดประตูพร้อมทั้งผลักร่างเล็กให้เข้าไปนั่งในนั้น ส่วนตนเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ และหมุนกุญแจติดเครื่องขับออกจากบ้านไปทันที
"คุณคี ทำแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ค่ะ พาใบกลับไปส่งที่บ้านเถอะนะคะ คุณพ่อกลับมาท่านจะต้องถามหาแน่"
"แล้วจะไปสนใจทำไม เธอคิดว่าคุณพ่อเขาสนใจอะไรเธอนักหนา ที่นั่นมีทั้งเมียใหม่ลูกใหม่ พวกเขาทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของบ้าน"
เพราะคีรินทรได้ยินที่ฟาร่าพูดชัดเจนทุกคำ มันทำให้ชายหนุ่มเกลียดชังครอบครัวใหม่ของบิดา และเขายังรู้สึกเห็นใจใบบุรินเป็นอย่างมาก เพียงแค่ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาก็เท่านั้น
"ต่อให้พวกเขาจะพูดอะไรใบก็ต้องอดทน ใบไม่อยากทำให้คุณพ่อผิดหวัง โดยเฉพาะถ้าเกิดว่าฟาร่าไปพูดเรื่องที่เห็นคุณเข้าไปในห้องนอนของใบ..."
"เรื่องนั้นยิ่งไม่ต้องไปสนใจ ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ฉันจะเป็นคนแก้ต่างให้เธอเอง แต่ดูจากคำพูดของสองแม่ลูกนั้นแล้ว ต่อไปเธอน่าจะโดนหนักอยู่นะ พวกเขาไม่อยากให้เธออยู่ในบ้านหลังนั้น เธอมองไม่ออกหรือยังไง?"
ใบบุรินรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะเธอมักจะได้รับคำพูดกระแนะกระแหนจากทั้งคุณพิลันดาและฟาร่าอยู่เสมอ และหญิงสาวก็ไม่เคยคิดจะเถียงออกไป เพราะไม่อยากทำให้คุณคีรีลำบากใจนั่นเอง
"แล้วนี่คุณคีจะพาใบไปไหนคะ?"
"ไปดื่มกันซะหน่อย เผื่อเธอจะได้ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ช่วงนี้ฉันรู้สึกเครียดๆ และฉันรู้ว่าเธอก็คงเครียดเหมือนกัน"
"เครียดแต่ว่าใบไม่ดื่มค่ะ" เธอบอก โชคดีที่ตลอดช่วงเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อนสนิทของเธอเป็นคนที่ไม่ชอบดื่มเหมือนกัน ส่วนมากไม่ค่อยเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนเสียด้วยซ้ำ
"ดื่มนิดหน่อยเป็นเพื่อนฉันก็ได้ จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น"
"คะ?"
"ฉันหมายถึงในฐานะที่เธอกำลังจะไปทำงานกับฉัน" เขาหันมาบอกแค่นั้น และหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า คีรินทรขับรถมุ่งตรงไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงแรมที่ชายหนุ่มไปดื่มเป็นประจำตอนช่วงที่ยังอยู่ประเทศไทย