เชียนจือหวายิ้มบนใบหน้า เป็นดังที่คิด แผ่นน้ำแข็งยิ่งใหญ่ยิ่งอ่อนกำลัง หยางผู่เยว่ล่อกำแพงน้ำแข็งเหล่านั้นจนยืดยาวเสียดฟ้า ที่ฐานมีหรือจะไม่อ่อนกำลัง เมื่อแผ่นน้ำแข็งที่อ่อนกำลังมาเจอกับแส้ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังปราณ ผลที่ได้คือนอกจากนางจะไม่โดนแช่แข็งแล้ว กำแพงสูงยังถูกทำลายลงด้วย
เมื่อฐานพังทลาย ยอดก็พังครืนลงมาอย่างรวดเร็ว นางพยายามทรงตัวหลบหลีกก้อนน้ำแข็งที่ตกลงมาจากฟ้าเหล่านั้น และเคลื่อนที่เข้าใกล้ศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยมากขึ้น
หยางผู่เยว่เห็นสถานการณ์ด้านล่างกำลังชุนละมุน จึงอาศัยจังหวะนี้พุ่งลงจากฟ้าหลบหลีกก้อนน้ำแข็งเข้าหาศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยเช่นกัน
แม้จะตกตะลึงที่เชียนจือหวาสามารถทำลายกำแพงน้ำแข็งลงได้ แต่ผู้ใช้เวทน้ำแข็งก็จิตใจเยือกเย็นจนน่านับถือ พวกนางเคลื่อนที่หลบแส้ของเชียนจือหวาด้วยท่าทางที่เหมือนกัน และพร้อมเพรียงกันอย่างมาก ทั้งคู่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันราวกับตัวถูกผูกติดกันไว้ ระหว่างเคลื่อนที่ก็ยังสามารถร่ายเวทเสริมกันได้อย่างแม่นยำ
ผืนน้ำที่กระเพื่อมอย่างรุนแรงในตอนนี้จู่ๆ ก็มีแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศมากมาย ไล่ต้อนเชียนจือหวาและหยางผู่เยว่ให้อยู่ห่างจากพวกนางทั้งสอง
เชียนจือหวาหลบหลีกเสาน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว และทรงตัวบนใบบัวได้อย่างสวยงาม หยางผู่เยว่ที่ขี่กระบี่อยู่บนฟ้าก็หลบเสาน้ำแข็งที่แทงขึ้นมาอย่างฉวัดเฉวียน
ผู้ชมโดยรอบแม้จะชื่นชมกับการต่อสู้แสนอลังการตรงหน้า แต่อย่างไรก็ตาม เวลาล่วงเลยจนบัดนี้ ศิษย์สำนักอู่เฉิงก็ยังไม่สามารถโจมตีศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยได้เลย
“เจ้าว่าใครจะชนะ” จางจิวเอ่ยถามเยี่ยนหรง ฮวาอิ๋นมี่เองก็มองมาที่เยี่ยนหรงเช่นกัน
“ผลมันแน่นอนอยู่แล้ว” เยี่ยนหรงมองการต่อสู้ตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์
ฝ่ายตรงข้ามจุดอ่อนเยอะเกินไป ถึงแม้สระน้ำนี้จะทำให้พวกนางได้เปรียบ แต่พลังเวทระดับนี้สำหรับเยี่ยนหรงแล้วยังคงอ่อนหัด ไม่รู้ว่าสองคนในลานประลองดูออกหรือยังว่าศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยที่สามารถร่ายเวทได้ร้ายกาจอลังการขนาดนั้นเพราะพวกนางประสานพลังกัน หากแยกจากกันก็แยกกันตายนั่นล่ะ
เชียนจือหวาเป็นคนที่เห็นการเคลื่อนที่อย่างประหลาดของศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยทั้งสอง นางจึงเข้าใจได้รวดเร็วกว่า หากไม่รีบจบการต่อสู้ นางกับหยางผู่เยว่ต้องหลบเสาน้ำแข็งจนหมดแรง และพ่ายแพ้ไปก่อนแน่
ด้วยนิสัยชอบบุกตะลุยไปข้างหน้าในช่วงเวลาสำคัญคือสิ่งที่นางทำจนเคยชิน แม้ในตอนนี้จะไม่มีกระบี่ของหยางผู่เยว่ค่อยป้องกันไว้เหมือนเคยแต่ใจกลับปราศจากความหวาดกลัว นางใช้วิชาตัวเบาอย่างสุดชีวิต ทุ่มเทความแข็งแกร่งทั้งหมดพุ่งเข้าหาศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยอย่างรวดเร็ว
แฝดหญิงสองคนราวกับความคิดเชื่อมต่อกัน เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นดังนั้น คนหนึ่งจึงยังสร้างเสาน้ำแข็งต่อไปเพื่อสกัดกั้นหยางผู่เยว่ ส่วนอีกคนหันมาใช้พลังเวทร่ายพายุเข็มน้ำแข็งอันแหลมคมใส่เชียนจือหวา
สองคนร่ายเวทแยกกันความรุนแรงจึงลดลง หยางผู่เยว่รู้สึกว่าความเร็วในการเกิดเสาน้ำแข็งนั้นไม่น่ากลัวเท่าเดิม จึงบังคับกระบี่เข้าใกล้ผืนน้ำได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้านเชียนจือหวาใช้แส้ปัดป้องเข็มน้ำแข็งนับร้อยที่พุ่งเข้าใส่อย่างแม่นยำ การเคลื่อนที่แบบไม่กลัวตายของนางยิ่งรวดเร็วจนศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยเริ่มตื่นตระหนก
เชียนจือหวาโดนเข็มน้ำแข็งพุ่งกรีดผ่านแก้มเป็นรอยยาว แต่นางหาสนใจบาดแผลไม่ ยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างดุดัน ในที่สุดพายุเข็มน้ำแข็งก็ไม่อาจขวางนางไว้ เชียนจือหวาฟาดแส้ไปด้านหน้า ทำให้ศิษย์แฝดสำนักเจียงเสวี่ยต้องแยกย้ายกันหลบแส้ของนางไปคนละทางอย่างรวดเร็ว
เชียนจือหวายังคงไล่ต้อนหนึ่งในสองคนนั่นไม่หยุดยั้ง ทำให้ระยะของพวกนางห่างกันมากขึ้น ไม่อาจประสานพลังกันได้อีก
เมื่อสถานการณ์พลิกกลับอย่างรวดเร็ว เสียงผู้ชมรอบสนามก็ดังอึงอลด้วยความตื่นเต้น
หยางผู่เยว่รีบโจมตีศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยอีกคน ไล่ต้อนพวกนางให้ห่างกันยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อฝาแฝดโดนแยกออกจากกัน ผลที่ออกมาก็เป็นดังที่เยี่ยนหรง พวกนางไม่อาจร่ายเวทน้ำแข็งที่แข็งแกร่งได้อีก และการต่อสู้ระยะประชิดก็ไม่ใช่ความถนัดของพวกนาง สุดท้ายหยางผู่เยว่ก็เอากระบี่จี้คออีกฝ่ายได้อย่างไม่ยากเย็น ส่วนเชียนจือหวายังคงโยนคู่ต่อสู้ออกจากลานประลองได้อีกครั้งอย่างสวยงาม
เสียงโห่ร้องกึกก้องไปรอบลานประลอง สำนักอู่เฉิงที่เคยสงบเสงี่ยมชนะการประลองอีกครั้งแล้ว
เมื่อผู้เข้าร่วมการประลองทั้งหมดออกจากสนามประลอง เสียงประกาศผู้ชนะก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
“เจ็บหรือไม่” หยางผู่เยว่ถามขณะเดินเคียงข้างมากับเชียนจือหวา มาหาทุกคนที่รออยู่อีกทางหนึ่ง
“หึ! แค่นี้เล็กน้อย” นางกำลังจะใช้แขนเสื้อเช็ดรอยเลือดบนใบหน้าออก แต่หยางผู่เยว่กลับรั้งมือของนางไว้ เขากลอกตาคราหนึ่งก้อนยัดผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดใส่มือนาง
เชียนจือหวามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินจากไปไกลอย่างอึ้งงัน นางรู้สึกว่าแม้ตนจะสู้กับเวทน้ำแข็งมาเป็นเวลานาน แต่อากาศในวันนี้ยังคงร้อนอบอ้าวอยู่ดี
ภายในห้องพักส่วนตัวของเชียนจือหวาและเยี่ยนหรง กลิ่นฉุนของยาสมานแผลลอยอบอวลไปในอากาศ
“อูย เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย” เชียนจือหวาซูดปากขณะที่เยี่ยนหรงใส่ยาสมานแผลลงบนใบหน้าให้นาง
เยี่ยนหรงยังจำภาพที่เชียนจือหวาปฏิเสธหน่วยปฐมพยาบาลของสำนักฟู่หลิงได้ ตอนนั้นเปลสีขาวถูกหามมาโดยหน่วยปฐมพยาบาลสองคน พวกเขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และมาหยุดกึกตรงหน้าของเชียนจือหวา ทำเอาคนบาดเจ็บตกใจจนกระโดดตัวลอย หลังตั้งสติได้นางจึงโบกไม้โบกมือบอกให้หน่วยปฐมพยาบาลกลับไป มาจากทางไหนกลับไปทางนั้น นางจะรักษาแผลด้วยตัวเอง!
ขืนยอมไปกับคนพวกนี้มีหวังได้หัวใจวายตายไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่
เย็นวันนั้นก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักในห้องพักของตนเอง หลิวเส้าชงก็บอกกับเชียนจือหวาและหยางผู่เยว่ว่า การประลองในรอบสุดท้ายจะถูกจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า พวกเขายังมีเวลาพักผ่อนกันอีกสองวัน
หลังจากเดินกลับมาที่ห้องพัก เชียนจือหวาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงของตนเองอย่างไม่กลัวหลังหัก นางวาดแขนเหยียดขาออกเพื่อให้นอนได้อย่างสบายที่สุด
“อีกสองวันเท่านั้น ตื่นเต้นจริง” เชียนจือหวาอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“อย่างศิษย์พี่ยังต้องตื่นเต้นกับการประลองอีกหรือ” เยี่ยนหรงนั่งลงที่โต๊ะกลางห้องเงียบๆ หยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาเปิดอ่านต่อ
“ไม่ใช่ตื่นเต้นกับการประลอง ข้าตื่นเต้นที่จะได้เห็นเทพตัวเป็นๆ ต่างหาก” เชียนจือหวายังคงนอนบิดไปบิดมาหาท่าที่สบายที่สุด
เยี่ยนหรงได้แต่ปรายตามองนางอย่างไร้อารมณ์ เทพที่ว่าก็นั่งอยู่ตรงนี้อย่างไรเล่า!