การประลองในรอบถัดไป สำนักอู่เฉิงประลองกับสำนักเจียงเสวี่ย คู่ต่อสู้ของพวกเขาเป็นหญิงงามในชุดสีฟ้าสดใสสองคน ทั้งคู่แต่งตัวเหมือนกัน ใส่เครื่องประดับผมสีขาวรูปหยดน้ำเหมือนกัน ในมือไร้อาวุธเหมือนกัน แม้แต่หน้าตาก็ยังเหมือนกันจนแยกไม่ออก
“พวกนางคือฝาแฝด!” จางจิวอุทานหลังจากเพ่งมองจุดที่สำนักเจียงเสวี่ยอยู่
“เหตุใดพวกนางเหมือนกับรูปสลักน้ำแข็งเช่นนี้ ผิวอ่อนใสขาวซีด ใบหน้านิ่งเฉย ยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิกเลย” เชียนจือหวากระซิบกระซาบกับหยางผู่เยว่อยู่ที่ด้านข้างลานประลอง แม้คู่ต่อสู้จะอยู่ไกลมากแต่นางก็ตาดียิ่ง
สำนักเจียงเสวี่ยเป็นสำนักที่เน้นการใช้พลังเวทน้ำแข็ง ดังนั้นเหล่าศิษย์ในสำนักส่วนใหญ่จะไม่ใช้อาวุธ แต่ถึงจะใช้เพียงมือเปล่า พลังเวทของสำนักนี้ก็น่ากลัวไม่แพ้สำนักอื่นเลย
และในวันนี้ลานประลองก็ถูกจัดเตรียมขึ้นใหม่ไม่เหมือนกับครั้งแรก สถานที่ที่เชียนจือหวา หยางผู่เยว่ และศิษย์สองคนของสำนักเจียงเสวี่ยจะใช้ประลองนั้นเป็นสระน้ำที่กว้างใหญ่ ในสระยังมีดอกบัวบานบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ ใบบัวที่ทั้งใหญ่และแข็งแรงพวกนั้นกางออกจนพอให้คนหนึ่งคนยืนทรงตัวได้ ความยากจึงอยู่ตรงที่ต้องสู้ไปทรงตัวบนผืนน้ำไปนี่ล่ะ
ฮวาอิ๋นมี่เพ่งมองใบบัวสีเขียวเข้มที่กระจายกันอยู่ประปรายภายในสระอันกว้างใหญ่ “ยากอยู่เหมือนกันนะ แค่จะยืนเฉยๆ ก็ยากแล้ว”
เมื่อเสียงฆ้องดังขึ้น ผู้ร่วมประลองจึงกระโดดเข้าไปในสระอย่างพร้อมเพรียง แต่ละคนยืนทรงตัวบนใบบัวอย่างแผ่วเบาตั้งท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
เชียนจือหวาหรี่ตาเพ่งมองระยะห่างที่มากเกินไประหว่างคนของสองสำนัก ต้องเคลื่อนที่ผ่านใบบัวหลายใบจึงจะเข้าถึงตัวศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยได้
แม้เชียนจือหวาจะคิดเส้นทางการเคลื่อนที่ของตัวเองได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน แต่ก็ยังช้ากว่าเวทน้ำแข็งของศิษย์หญิงสองคนนั่นอยู่ดี
ขณะที่เชียนจือหวากำลังเพ่งมองใบบัวตรงหน้า ผิวน้ำในสระก็จับตัวกันเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ลามจากรอบตัวศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยไล่เป็นเส้นตรงมาถึงที่ที่เชียนจือหวาและหยางผู่เยว่ยืนอยู่ อากาศรอบบริเวณเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นขึ้นอย่างฉับพลัน
ผิวน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งเหล่านี้มิใช่เรื่องดี เพราะผืนน้ำแข็งพวกนี้ไม่สามารถเหยียบลงไปได้ หากตบะไม่แข็งแกร่งพอ การแตะโดนผลึกน้ำแข็งเพียงนิด ร่างก็จะถูกแช่แข็งอย่างไม่ทันตั้งตัว และกลับกลายเป็นฝ่ายแพ้ไปในทันที
แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือดอกบัว และใบบัวที่เวทน้ำแข็งเคลื่อนที่ผ่านกลับถูกเคลือบด้วยน้ำแข็งหนาชั้นหนึ่ง แปลว่าหากพวกเขาแตะถูกดอกบัวและใบบัวที่เป็นน้ำแข็ง ร่างจะต้องถูกกักด้วยผลึกน้ำแข็งหนาเช่นกัน
หยางผู่เยว่เห็นเวทน้ำแข็งเคลื่อนเข้าหาตนและเชียนจือหวา ก็กล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่ทันแล้ว”
เชียนจือหวาเข้าใจทันที ทั้งคู่กระโดดหลบแยกกันคนละฝั่ง ไปในที่ใบบัวด้านข้างที่ยังไม่ถูกแช่แข็งได้อย่างหวุดหวิด
ความเร็วของพลังเวทยที่เคลื่อนผ่านเข้าหาคู่ต่อสู้นั้นน่ากลัวจนผู้ชมที่ยืนอยู่รอบลานประลองอดขนลุกด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้
หลังจากการประลองรอบที่แล้ว ผู้ตั้งใจมาชมการประลองของสำนักอู่เฉิงก็มากขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะการต่อสู้ในสนามที่แล้ว เชียนจือหวาและหยางผู่เยว่ต่างสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้ชมรอบสนามอย่างเกินคาด เมื่อเรื่องถูกเล่าออกไป ในวันนี้รอบลานประลองจึงมีคนดูเนืองแน่นขึ้นมา
เสียงโห่ร้องดังขึ้นจากรอบบริเวณเมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาดในการหลบพลังเวทน้ำแข็งของเชียนจือหวาและหยางผู่เยว่ หลายคนถึงกับเอ่ยปากว่า “เยี่ยม” และยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าเวทน้ำแข็งของสำนักเจียงเสวี่ยร้ายกาจเพียงใด มิใช่เพียงทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้เท่านั้น แต่หากสัมผัสโดนกลับพลิกจากชนะเป็นแพ้ได้ภายในพริบตา เชียนจือหวาและหยางผู่เยว่เข้าใจข้อนี้ได้อย่างรวดเร็วในลานประลอง ถือเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่มีพรสวรรค์อย่างยิ่ง
หลังจากหลบการโจมตีครั้งแรกพ้น เชียนจือหวาก็ทรงตัวได้บนใบบัวใบหนึ่ง ส่วนหยางผู่เยว่พลิกตัวขึ้นยืนบนกระบี่บินเรียบร้อยแล้ว เขาหันมาสบตากับเชียนจือหวาคราหนึ่งก่อนขี่กระบี่พุ่งทะยานไปอีกฟากของลานประลองด้วยความเร็วราวพายุ มิคาด พอไปถึงเป้าหมาย ศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยกลับร่ายเวทสร้างเกราะกำบังน้ำแข็งสูงขึ้นขัดขวางหยางผู่เยว่
แผ่นน้ำแข็งสีขาวก่อตัวเป็นกำแพงหนาจากสระน้ำขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว ขวางกั้นหยางผู่เยว่ไว้ไม่ให้เข้าถึงตัวของพวกนางได้
ดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของหยางผู่เยว่ว่องไว จึงบังคับกระบี่ไม่ให้ชนเข้ากับกำแพงน้ำแข็งนั่นได้ทัน เขาหันปลายกระบี่พุ่งขึ้นที่สูงตั้งฉากกับพื้นดิน พาร่างของตนลอยขึ้นบนฟากฟ้า แต่กำแพงน้ำแข็งหนาพวกนั้นกลับไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ พวกมันก่อตัวเคลื่อนที่ตามราวกับเงาตามตัว หนึ่งคนหนึ่งกระบี่บินเคลื่อนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนน่าหวาดเสียวนัก
เชียนจือหวานิ่งสงบกว่าที่เคย นางยืนดูเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเข้าใจ เวทน้ำแข็งที่สองคนนั้นร่ายขึ้นจะคงอยู่ได้ไม่นาน และจะสลายเร็วขึ้นหากขอบเขตที่ร่ายเวทใหญ่มากเกินกว่าพลังของพวกนางจะควบคุมได้
ดีจริงที่ลานประลองกว้างใหญ่
เมื่อผืนน้ำที่เคยจับตัวกันเป็นน้ำแข็งกลับคืนสู่สภาวะปกติ เชียนจือหวาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าหาศิษย์สำนักเจียงเสวี่ยที่ยืนอยู่อีกฝั่ง แม้จะมีกำแพงน้ำแข็งขวางกั้น แต่นางก็ไม่ได้ลังเลที่จะเคลื่อนที่บุกทะลวงไปด้านหน้าเลย
ผู้ที่ดูการประลองอยู่โดยรอบต่างพากันจ้องมองนางอย่างตื่นตระหนก พุ่งเข้าใส่โดยตรงเช่นนี้ ต้องการฆ่าตัวตายหรืออย่างไร รอบลานประลองเงียบสงัดลง เพราะทุกคนต่างพากันลุ้นเอาใจช่วยทั้งคนบนผืนฟ้า และคนบนผืนน้ำ
เชียนจือหวาเคลื่อนที่มาถึงหน้ากำแพงน้ำแข็ง ก็ส่งพลังปราณผ่านแส้สีส้มเจิดจรัสของนางเพื่อป้องกันเวทน้ำแข็งไม่ให้ลามมาแช่แข็งตัวเอง และหวดฟาดไปด้านหน้าอย่างเต็มแรง
เสียงน้ำแข็งแตกกระจายใสราวเสียงแก้ว กำแพงน้ำแข็งยักษ์พังทลายลงทั้งแถบ ก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กใหญ่ต่างร่วงลงในสระ ทำให้ผืนน้ำเกิดแรงกระเพื่อมจนกลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ที่ยืนบนผิวน้ำต่างต้องพยายามทรงตัวกันอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น