ตอน คำสัมภาษณ์ (3)

2740 คำ
ภูษิตลุกออกจากโต๊ะทำงานครู่หนึ่ง แล้วกลับมาพร้อมด้วยโดนัทในมือและกาแฟถ้วยใหม่ส่งกลิ่นหอมฉุย จากนั้นจึงเริ่มเปิดดูคลิปสุดท้ายซึ่งบันทึกไว้ในช่วงเวลาห่างจากคลิปที่แล้วสิบห้านาที คลิปนี้ตั้งชื่อว่า “เสนาะ หนองโพธิ์ 21-02-20” 18.30 “พี่ษิตครับ ผมยังอยู่ในสนามวัวลานของหมู่บ้านโคชนะ ตอนนี้ผมอยู่กับพี่เสนาะนะครับ...นักเลงวัวลานทั่วไปเรียกพี่เขาว่าเสี่ยเหนาะ หนองโพธิ์ ผมขอฝากตัวด้วยครับ” เสียงเอกพลพูดขึ้นขณะที่กล้องจับภาพชายหน้าเข้มวัยประมาณสี่สิบปีที่กำลังนั่งอยู่บนท้ายรถกระบะ เขามองกล้องแวบหนึ่งแล้วหันไปมองทางอื่นก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงห้าวเหน่อ เป็นเสียงจริงที่ออกมาจากหลอดเสียงโดยไม่บีบหรือดัดแปลงให้ฟังอ่อนโยน ซึ่งบางคนอาจเข้าใจว่าเป็นการพูดจากระโชกโฮกฮาก แต่สำหรับภูษิตที่เคยสัมภาษณ์และพูดคุยกับผู้คนที่อยู่นอกกรุงเทพฯ มาตลอดระยะเวลาหลายปี เขาเข้าใจดีว่านี่คือการพูดตามปกติของชายผู้นี้ “ผมอยู่หนองชุมพลโน่น เลยเขาอีโก้ไป...วันนี้เอาวัวพวงมาช่วยทางโคชนะ...ผลัดกัน เขาบ้าง เราบ้าง...นี่ก็เพิ่งเอาไอ้สามสี่ตัวนี้ไปเข้าประกวดวัวสวยงาม เขาจัดกันทุกปี...ผมก็ได้รางวัลทุกปีเหมือนกัน ปีนี้ได้รางวัลประเภทวัวกลาง เขามีประกวดหลายรุ่น ทั้งวัวพ่อพันธุ์ วัวแม่พันธุ์ วัวใหญ่ วัวกลาง กับวัวเล็ก ปีที่แล้วได้รางวัลแม่พันธุ์ ได้ทองสองสลึง “ผมเลี้ยงวัวเป็นอาชีพหลัก อาชีพรองมาก็เล่นวัวลานนี่ละ ไม่ได้เล่นมาก เอาแค่ลุ้น ที่เล่นจริงๆ ก็โน่น ตัวท้วมๆใส่หมวกคาวบอยเดินแอ่นอยู่นั่นหนะ เสี่ยปุ้ย หนองปรง เขามาลงทุนทำร้านโอเกะแถวนี้ไม่ใช่เหรอะหนุ่ม เห็นว่าขายดิบขายดี ลูกค้าก็ได้จากลานนี้ทั้งนั้น” เสี่ยเหนาะหันมาถามเอกพล “เอ อันนี้ผมไม่รู้นะครับพี่ ผมก็เพิ่งมาอยู่ที่โคชนะสักเดือนครึ่งเท่านั้น” “อ้าว เหรอะ เมื่อก่อนอยู่ไหนล่ะ” เขาถาม “ผมย้ายมาจากกรุงเทพฯครับ” เอกพลตอบ “อยู่ที่เจริญแล้วทำไมออกมาอยู่บ้านนอกอย่างนี้มีแต่วัวแต่ควาย” คนถามมองเอกพลอย่างใคร่รู้ “ผมก็อยากลองเปลี่ยนที่เปลี่ยนทางบ้างครับ” เอกพลตอบพลางตะล่อมเสี่ยเหนาะด้วยคำถามที่เตรียมไว้ในใจ “พี่ครับ วัวที่พี่เลี้ยงไว้นี่สำหรับเอามาแข่งวัวลานกับส่งประกวดเท่านั้นหรือครับ” “ที่เลี้ยงปล่อยก็มี อย่างนั้นไว้ขาย มีสองสามฝูง ให้เด็กเลี้ยง แต่ผมก็ดูมันทุกตัวแหละนะ ดูว่าตัวไหนถึงเวลาขึ้นรถ... “พวกวัวขายนี่เลี้ยงไม่ยากหรอก เช้ามาก็ต้อนออกจากคอกให้ไปหากินหญ้าเอาตามทุ่ง ไม่มีหญ้าสดก็เอาฟาง เอาหญ้าแห้งให้ เอาอาหารเสริม เอาฮอร์โมนให้กินบ้างเพิ่มน้ำหนัก เย็นมาก็ต้อนกลับคอก สุมไฟไล่ยุงให้ ต้องเอาใจใส่เหมือนกัน แต่คนละแบบกับวัวลาน เพราะราคามันต่างกัน และเราก็รู้สึกผูกพันกับวัวลานมากกว่า เลี้ยงแบบลูกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้” “ราคาวัวที่เลี้ยงไว้ขายกับวัวลานมันต่างกันเยอะหรือครับ” เอกพลถาม “โอ้ ต่างกันเยอะเลยหนุ่ม” เสี่ยเหนาะพูด “วัวขายเข้าโรงเชือดนี่เอาไปส่งเขากิโลละประมาณร้อย เกือบร้อย บางทีก็ร้อยกว่า ตกตัวละสองหมื่นสามหมื่นแล้วแต่ขนาด ทางโน้นเขาเอาไปชำแหละขายส่ง พอเราไปซื้อที่ตลาดก็โลละสองร้อยกว่า เกือบสามร้อย วัวไทยเขาก็ทำอาหารไทยละนะ สับทำลาบจานละแปดสิบ ทำเนื้อแดดเดียวก็ขีดละหกสิบ โลละหกร้อย.. “แต่วัวลานนี่ไม่นับเป็นกิโล เขานับเป็นตัว ตัวหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่าห้าหกหมื่นถึงหลายๆ แสน ลูกวัวบางตัวที่เข้าตานักเลงวัวนะ บอกราคาแสนเขาก็ซื้อ ตัวที่ฝึกแล้ว คล่องแล้ว ลักษณะดี มีประสบการณ์ เขาตั้งราคาสี่ห้าแสน วิ่งสนามไหนไม่เคยแพ้ ทุกตัวมีชื่อเพราะๆ ทั้งนั้น ยอดเพชร ตลับนาค อุดมโชค ลั่นทม ลูกเต๋า มิกกี้...” เอกพลรอจังหวะให้เสี่ยเหนาะเว้นระยะ แล้วเขาก็ตั้งคำถามใหม่ “พี่เสนาะครับ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะครับ ผมฟังเพื่อนบางคนพูดว่าการแข่งวัวลานเป็นการทารุณสัตว์อย่างยิ่ง เพราะเราต้องบังคับให้วัวที่ผูกติดกันวิ่งไปจนกว่าตัวใดตัวหนึ่งจะหมดแรงถูกลากไป และที่วิ่งจนเหนื่อยตายก็มี พี่มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ผมต้องขอโทษหากคำถามผมจะทำให้พี่รู้สึกไม่ดี” ภูษิตที่นั่งเอนหลังอยู่ถึงกับตั้งตัวตรง นี่แหละคำถามที่เขาต้องการรู้คำตอบจากคนที่อยู่ในเกมส์วัวลาน เขาเริ่มเข้าใจวิธีการรวบรวมข้อมูลของเพื่อนรุ่นน้องผู้นี้ที่วิ่งรอบสนามมาก่อนแล้วค่อยเข้าคลุกวงใน “เอาอย่างนี้นะ ผมจะบอกอะไรให้” เสี่ยเหนาะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปรกติ ไม่มีวี่แววของความโกรธหรือไม่พอใจ “วัวไทยที่มีเป็นแสนๆ ตัวทั่วประเทศที่เลี้ยงกันไว้นี่เขาเลี้ยงเอาไว้ทำอะไรกันหรือ หนุ่มบอกผมที...ในโรงเรียนเขามีบอกไหมว่าประเทศไทยเราเลิกเอาวัวควายมาช่วยงานในไร่นามาตั้งแต่มีการเอาเครื่องทุ่นแรงเข้ามาใช้ ทั้งรถไถ ควายเหล็ก แทร็กเตอร์ รถเกี่ยวข้าว รถนวดข้าว...ทีนี้ผมขอถามหน่อย...แล้วหนุ่มรู้ไหมว่าจุดจบของวัวนับแสนตัวพวกนี้มันอยู่ที่ไหน...” เอกพลนิ่งเงียบ เสี่ยเหนาะพูดต่อ “ไม่ตอบนี่แปลว่ารู้แล้ว” ชายวัยสี่สิบยิ้มมุมปาก “ไม่แน่นะว่าอาหารในจานของคนกรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้อาจมีวัวเมืองเพชรรวมอยู่หลายสิบตัว เนื้อตุ๋นเจ้าอร่อยบางร้านใช้เนื้อวัววันละร้อยโล ทุกวัน ทั้งปี” เสี่ยเหนาะควักใบยาสูบจากกระเป๋าขึ้นมามวนสูบ เขามองวัววัยฉกรรจ์ที่กำลังยืนสะบัดหัวไปมาใต้ราวพัก ร่างของพวกมันต้องแสงไฟดูเด่น เขาที่โค้งม้วนไปด้านหน้าถูกครอบไว้ด้วยไหมพรมหลากสี มีคนมายืนจ้องดูวัวแต่ละตัวด้วยความสนใจในสีสัน รูปร่าง และอากัปกิริยาของสัตว์เหล่านี้ “งั้นผมเปลี่ยนคำถามใหม่ ช่วยตอบผมมาหน่อยซิว่า หากหนุ่มถูกบังคับให้เดินเข้าโรงเชือดกับถูกบังคับให้วิ่งแข่งกับวัวตัวอื่น หนุ่มจะเลือกแบบไหน” เอกพลยังเงียบอยู่ เสียงผู้คนพูดคุยเฮฮาดังอยู่รอบทิศ ภูษิตมองเห็นจากจอภาพคอมพิวเตอร์ของเขาว่ามีผู้ชายสองสามคนมานั่งยองๆใกล้เสี่ยเหนาะเพื่อร่วมฟังบทสนทนานี้ เขาทอดเสียงอ่อนลง “ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะ...เรื่องมีอยู่ว่า...เกือบทุกเดือนมีรถบรรทุกสองคันวิ่งออกจากบ้านผมที่หนองชุมพล คันหนึ่งมาเอาวัวไปเขาโรงชำแหละที่นครปฐม ไอ้วัวที่ถูกหมายหัวให้โดยสารไปกับรถคันนี้ส่วนใหญ่รู้ตัวว่าเขาจะพามันไปไหน มันได้กลิ่นความตาย กว่าจะจูงขึ้นรถได้นี่มันทั้งดิ้น ทั้งกระโจนหนีขี้แตกขี้แตน คนงานเขาก็กระชากมันจนหน้าแหงน เอาไม้ทิ่มตูดให้มันขึ้นไปจนได้ พอขึ้นรถไปแล้วก็ยืนอัดกันเหมือนนักโทษประหาร วันรุ่งขึ้นมันก็ถูกแยกชิ้นส่วน หัวไปทาง หูไปทาง หนังไปอีกทาง เลือดไปอยู่ในกะมังหลู้ เนื้อไปอยู่ในหม้อแกง เอ็นไปอยู่ในหม้อตุ๋น ลิ้นไปอยู่บนเตาย่าง หางไปลงหม้อแขก เครื่องในไปทำอ่อม นั่นน่ะ เส้นทางชีวิตของวัวที่ขึ้นรถคันนี้ “ส่วนรถบรรทุกอีกคันทำความสะอาดล้างเช็ดตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม วัวที่จะขึ้นรถคันนี้ได้รับการขัดสีฉวีวรรณเอี่ยมลออ ได้กินอาหารดีๆ มาหลายวัน ทั้งกินทั้งกรอกว่างั้นเหอะ ขนมันเลื่อม สนตะพายด้วยเชือกสีสวยงาม กระดิ่งคอแวววับส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งๆ เวลาจูงขึ้นรถก็ประคับประคองกันเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชาย ถ้าลูกน้องผมอุ้มขึ้นรถได้ก็คงอุ้มแล้ว พอขึ้นไปอยู่บนรถก็มีคนคอยประกบสองข้างไม่ให้กระแทกซี่กรง เมื่อแข่งเสร็จไม่ว่าแพ้หรือชนะ เราจะพามันกลับบ้านและเลี้ยงดูกันต่อไป ถ้าบาดเจ็บก็รักษาให้หาย พอตายก็ฝัง...บางคนเขาอาจพูดให้ฟังดูดีว่าการแข่งวัวลานนี่เป็นการแสดงศักดิ์ศรีของวัวผู้กล้า แต่ผมคิดอีกอย่าง” เสี่ยเหนาะแหงนหน้าพ่นควันยาสูบกลิ่นฉุนขึ้นไปในอากาศ “ผมคิดว่าพวกมันจำเป็นต้องทำงานเพื่อรักษาชีวิตตนเอง นี่คือหน้าที่ของมัน ถ้ามันไม่ลงวิ่งลาน ก็โน่นเลย รถคันแรกรออยู่ แต่ถ้ามันยอมถูกฝึก ยอมเหน็ดเหนื่อย ยอมรับความพ่ายแพ้ในสนาม หรือนำชัยชนะมาให้เจ้าของ มันก็สามารถรักษาชีวิตของมันไว้ ไม่ต้องถูกแยกร่างไปอยู่ตามร้านอาหาร... “คนที่เขาเห็นว่าการแข่งวัวลานเป็นการทารุณสัตว์น่ะ เขาไม่ได้มารู้มาเห็นว่าวัวพวกนี้ที่เอามาลงลานนี่เขาเลี้ยงดูกันมาอย่างไร คุณไปดูตามคอกต่างๆ ได้เลย บางคนปูพรมให้อยู่ กางมุ้งให้มันนอน จุดยากันยุงให้ทุกคืน คอยระวังไม่ให้มันเป็นแผลที่ไหน ท้องอืดหน่อยก็ต้องหายามาให้มันกิน บางคนนี่กับเมียไม่มีเรื่องจะคุย แต่พอมีใครถามเรื่องวัวนี่พูดไม่หยุด” เสี่ยเหนาะพูดพลางแหงนหน้ามองลุงอำนวยบนหอที่กำลังนั่งก้มหน้าดูกระดาษปึกหนึ่งในมือพร้อมกับใช้ปากกาลูกลื่นทำเครื่องหมายอย่างขมักเขมัน เขาพูดต่อหลังจากอัดควันยาเส้นลงปอดแล้ว “มีวัวเยอะแยะไปที่เขาไม่บังคับให้มันต้องวิ่งเหน็ดเหนื่อยแบบพวกที่เห็นผูกตามราวรอบลานนี้ พวกวัวขุนที่ยืนกินอาหารในราง ไม่เคยได้ลิ้มรสหญ้าสด กินแต่ฮอร์โมน กินสารเร่งเนื้อ มีหมอปศุสัตว์คอยมาดูแล ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องทำงาน มีหน้าที่เพิ่มน้ำหนักตัวเองอย่างเดียว สบายจะตายใช่ไหมหนุ่ม ถึงเวลาก็มีคนโอ๋พาเข้าโรงชำแหละปิดทึบทั้งสี่ด้าน แล้วก็จบชีวิตลงอย่างไม่เจ็บปวด...” เขาเว้นระยะครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “คนที่บอกว่าวัวลานเป็นการทารุณสัตว์นี่เขาอาจจะชอบใช้ชีวิตแบบวัวขุนก็ได้นะ” มีเสียงหัวเราะรับจากคนที่นั่งฟัง “พวกโลกสวย” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งพูด เขามีไม้ประตักอยู่ในมือเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มหลายคนที่ยืนค้ำหัวเสี่ยเหนาะอยู่ ซึ่งภูษิตดูแล้วขัดตา แต่เสี่ยเหนาะเองดูเหมือนจะเคยชินอยู่กับการใช้ชีวิตร่วมกับเด็กเลี้ยงวัวพวกนี้ที่เป็นแรงงานสำคัญของค่ายหนองโพธิ์ “พวกนั้นเขาถนัดเลี้ยงหมาเลี้ยงแมวแพงๆ อย่างที่ขายในเน็ต” ชายหนุ่มอีกคนพูดเสียงหยันๆ เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือและพูดต่อ “พวกคนที่เรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย จบออกมาแล้วก็นั่งทำงานผูกเน็กไทอยู่แต่ในคอกที่ซอยเล็กกว่าคอกวัวบ้านเรา มีเงินเข้าบัญชีทุกเดือน อยู่อย่างนั้นก็เหมือนพวกวัวที่เขาขุนในคอก มีคนป้อนอาหารป้อนน้ำและรอเวลาที่จะเดินแถวเข้าโรงงานทำลูกชิ้นนั่นแหละ” ชายสูงอายุที่นั่งสูบใบยาใกล้ล้อรถกระบะพูดกับเอกพลอย่างคนรู้จักหน้า แต่เพิ่งได้คุยกัน “ชีวิตวัวเนื้อกับวัวลานนี่มันต่างกันนะหนุ่ม วัวเนื้อนั่นพอคนเขาเทอาหารจากถังให้มันกิน เอายาฉีดพ่นไล่แมลงให้มัน มันก็นึกว่าเรารักมันจะแย่ มันนึกว่ามันโชคดีมีหมอปศุสัตว์คอยรักษาเวลาป่วย มีคนคอยมาจับมาคลำเนื้อตัว มันไม่รู้หรอกว่าที่เขาลูบหัวลูบตัวมันน่ะ เขาจะดูว่าเนื้อมันแน่นพอจะเอาไปแกงได้หรือยัง “พวกเราเวลาดูวัว เราเห็นวัวเป็นตัวๆ เรารู้ชื่อมัน รู้หน้ามัน รู้นิสัยมัน หาอาหารให้มัน จูงมันเข้าออกคอก เรายืนชื่นชมกับรูปร่างสีสันที่สวยงาม สังเกตุท่าเดิน ท่าวิ่ง ดูตากลมโตแป๋วแหวว แต่พวกคนที่มาว่าเราทรมานสัตว์นี่นะ เวลาเขาดูวัว เขาจะเห็นเป็นส่วนๆ ส่วนสะโพก สันนอก สันใน เอ็น ซี่โครง พื้นท้อง หัวไหล่ หาง ลิ้น เครื่องใน เขารู้จักแค่นั้น อ้อ จริงๆพวกเขาก็รู้เยอะเรื่องอาหารที่ทำจากเนื้อวัวน่ะ บางคนชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น บางคนชอบกินสเต๊กซี่โครง บางคนชอบกินหมกสมอง ล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น” มีเสียงหัวเราะรับจากกลุ่มคนที่มานั่งล้อมวงคุยกับเสี่ยเหนาะและเอกพลมากขึ้น แสงไฟจัดจ้าที่กระโจมไฟราวส่องให้เห็นผิวสีน้ำตาล ใบหน้าเข้ม ผมเผ้าไม่เป็นทรงของเด็กหนุ่มหลายคนที่ภูษิตเดาว่าพวกเขาดูแก่กว่าอายุจริง เพราะดูเหมือนร่างกายของพวกเขายังสามารถเติบโตสูงใหญ่ได้อีก หลายคนไม่สวมรองเท้าเพราะเตรียมทำหน้าที่ไล่วิ่งต้อนวัวขณะที่พวกมันลงแข่งในลานทรายที่อัดแน่นบนผืนนา “วัวมันไม่รู้มูลค่าของตัวเองหรอกว่าหากมันเป็นวัวที่เขาจะเอาไปกิน ราคาของมันก็ไม่เกินตัวละสองหมื่น สำหรับรุ่นตัวเท่านี้นะ” เสี่ยเหนาะบุ้ยปากไปยังวัวหนุ่มที่น้ำตาลอ่อนเขาโง้งเป็นวงกลมที่มีคนเดินขนาบสองข้างผ่านพวกเขาไป “แต่หากเป็นวัวลานฝีเท้าจัด ไม่ต้องพูดเลยเรื่องเงินหมื่น สามสี่แสนเจ้าของเขาก็ไม่อยากจะขาย” จากนั้นการพูดคุยก็ยุติลงด้วยเสียงประกาศของลุงอำนวยที่เรียกเจ้าของวัวให้เตรียมนำวัวพวงไปผูกเตรียมไว้ เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่รอบๆ กระจายตัวออกไป “วันหลังมีเวลาไปเที่ยวบ้านผมนะหนุ่ม ไม่ไกลหรอก ขับเส้นถนนเลียบคันคลองขึ้นทิศเหนือไปสักสิบกิโล จะเห็นป้ายวัดมณีเลื่อน จากนั้นก็ถามชาวบ้านว่าค่ายหนองโพธิ์ไปทางไหน เขารู้จักกันหมดแหละ” เสี่ยเหนาะใช้นิ้วบีบก้นมวนยาสูบให้ดับก่อนโยนทิ้งแล้วลุกขึ้น “ครับ ขอบคุณมากครับพี่” เสียงเอกพลตอบ จากนั้นกล้องในมือเอกพลก็บันทึกภาพบรรยากาศยามค่ำที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่มีทั้งผู้เกี่ยวข้องกับการแข่งและผู้มาชม เด็กหนุ่มร่างเปรียวคล่องแคล่วถือขดเชือกในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือจูงวัวอยู่ชิดกาย พวกเขากำลังเดินเข้าสู่สนามด้วยเครื่องแต่งกายง่ายๆ เสื้อยืดไม่จำกัดขนาดและลวดลาย ขอเพียงสวมใส่สบาย กางเกงหลวมยาวแค่ใต้เข่า เหมาะแก่การวิ่งให้พ้นจากฝีเท้าวัวเปิดรอบและวิ่งเข้าไปดึงวัวให้หยุดเมื่อรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ภูษิตนั่งอยู่ในความเงียบงันหน้าจอคอมพิวเตอร์กับความคิดของตนเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม