หลังกลับมาถึงบริษัทย่าหยาก็ตรงเข้าห้องประชุมเลยไม่ได้มีเวลาแวบไปยั่วไปอ่อยเด็กฝึกงานด้วยงานที่เร่งและปัญหาต่างๆ ที่ต้องสะสางในที่ประชุมบ่ายนี้ดูจะยิงยาวไปจนเย็นแน่
(“คืนนี้ที่ไหนอีโคแก่”)ตาคมเหลือบมองจอโทรศัพท์ที่แสดงข้อความจากเพื่อนสนิท มือเรียวคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูหูยังคงฟังการนำเสนอจากพนักงานที่ยืนอธิบายสถิติของบริษัทเธอมีความสามารถหลากหลายโดยที่เธอไม่ต้องพยายาม ทั้งความสวยและความสามารถที่โดดเด่นกว่าใครมาแต่ไหนแต่ไร
“ร้านไอ้เจี๊ยบก็ได้... ง่ายดี!!บอกมันกูเปิดโต๊ะวีไอพี” ประธานสาวรีบตอบส่งๆ เพราะไม่อยากจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ด้วยดูจะเสียมารยาทในที่ประชุม
เนิ่นนานกว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นลง เตชภณสั่งคีตะวันไว้แล้ว....หากถึงกำหนดเลิกงานแล้วเขายังไม่ออกจากที่ประชุมก็ให้กลับได้เลยไม่ต้องรอ แต่ให้ส่งรายงานสรุปสถิติตามความเข้าใจให้เขาก่อน ซึ่งเด็กหนุ่มก็จัดการหน้าที่ของตนเองอย่างเรียบร้อย
วันนี้เป็นวันแรกที่อะไรๆ ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก เด็กหนุ่มที่เพิ่งมาฝึกงานวันแรกจึงตรงกลับที่พักและรีบจัดการเคลียร์งานส่วนตัว คืนนี้เขามีนัดไปสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ กับกลุ่มเพื่อน
Line!!~
-เทป-
เทป : มึงจะขับรถมาเองหรือจะให้กูวนไปรับ...
เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มทักมาถามเมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมาย ร่างสูงเปลือยเปล่าจับผ้าเช็ดผมพาดไว้บนไหล่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน
คีตะวัน : กูขับรถไปเองก็แล้วกัน เผื่อมึงจะหิ้วสาวไปแล้วกูอยากกลับก่อนจะได้ไม่เดือดร้อนพวกมึง
เทป : รู้ดีไปหมด...
คีตะวัน : เออ... กูแต่งตัวแล้วจะออกไป
คีตะวันคุยกับเพื่อนเรียบร้อยก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแต่งตัว
ฝั่งของย่าหยาจบการประชุมก็รีบบึ่งรถกลับที่พักจัดการอาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว เหนื่อยกับงานมาทั้งวันขอพักผ่อนแบบสบายใจกับเพื่อนสักหน่อย ไหนจะหงุดหงิดเรื่องคีตะวันที่มันควรจะปิดจ๊อบได้แล้วแต่ยังไม่ได้ ไม่ได้แม้แต่เปิดเกมซะด้วยซ้ำ...
Line!!~
กันทิมา : อีย่า!!คืนนี้มีนักร้องดังมาร้านอีเจี๊ยบโต๊ะเต็ม
ย่าหยา : มึงมาบอกอะไรจนป่านนี้ ถ้ากูรู้ก่อน....แคนเซิลแล้วเอาเวลาไปนอนแล้ว
นิ้วเรียวกดพิมพ์ตอบข้อความด้วยความหงุดหงิด ทั้งที่คิดว่าจะได้พักผ่อนกับเพื่อนให้หายเบื่อก็ไม่ได้ดั่งใจ แล้วตอนนี้จะทำยังไงเมื่อเธอแต่งตัวพร้อมที่จะล่าเหยื่อแก้เครียดเรียบร้อยแล้ว
กันทิมา : เพราะรู้ไงว่ามึงจะแคนเซิลกูเลยต้องรอบอกตอนใกล้ๆเวลานัด
“........” ย่าหยาทำได้เพียงถอนหายใจระบายอารมณ์ สายตามองไปรอบๆด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อจุดประสงค์ของเธอวันนี้คือนัดคีตะวันเพื่อปิดเกมที่วางไว้
แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจและไม่เป็นอย่างที่คิด เด็กหนุ่มตัดรอนด้วยการบอกว่ามีนัดแล้ว เธออ่อยมากขนาดนี้ยังไม่เป็นผลต่อเด็กหนุ่มอีกเหรอ ตอนนี้เธอเครียดมากจนต้องการที่ระบาย
กันทิมา : แล้วเอาไง
กันทิมาถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป
ย่าหยา : ดูก่อนเดี๋ยวกูไปขับวนเล่นๆ แถวร้านอีเจี๊ยบ ละแวกนั้นมีร้านเยอะอยู่ ถูกใจร้านไหนกูจะเข้าไปเปิดโต๊ะรอ
ย่าหยาผู้แต่งตัวแล้วไม่ยอมเสียเที่ยว ร้านไหนก็ได้ในเวลานี้สำหรับเธอ
กันทิมา : ลีลา ผัวกูจะนอนแล้ว มันจะไปส่ง…แล้วกลับมานอน
กันทิมา : ช่วยไม่ได้อยากมาแต้มแก่....กับกูทำไม เจอกันนะคะคุณกันทิมา
ย่าหยาหัวเราะชอบใจเมื่อเธอยั่วอารมณ์เพื่อนได้
‘อีเจี๊ยบนะอีเจี๊ยบ เพื่อนทั้งกลุ่มหาโต๊ะให้ไม่ได้’ เธอสบถกับตัวเองในใจ ประธานสาวขับรถออกจากคอนโดฯตรงไปยังย่านสถานบันเทิงที่คนพลุกพล่าน เวลานี้รถเริ่มบางตาลงด้วยเพราะผู้คนที่กลับจากทำงานถึงบ้านนอนพักผ่อนกันหมด คงจะมีแค่ชะนีแก่บ้าพลังอย่างเธอที่เหนื่อยงานมาทั้งวันยังจะถ่อสังขารออกมาเที่ยว
ระหว่างรอสัญญาณไฟแดงดวงตาคมเฉี่ยวก็เหลือบไปเห็นของดีเข้า หนุ่มหล่อหุ่นล่ำกำลังคร่อมมอเตอร์ไซค์คันใหญ่รอไฟแดงอยู่เหมือนกัน แม้จะใส่หมวกกันน็อคปิดหน้าปิดตาแต่มองแวบเดียวก็มั่นใจแล้วว่าจะต้องเป็นคีตะวันเหยื่อของเธอ
‘มีนัดกับเพื่อนงั้นเหรอ?ถ้ามาโผล่แถวนี้....ต้องไปเที่ยวที่อโคจรเหมือนกันแน่ๆ’ ย่าหยาคิดในใจ
หลังสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว เท้าเล็กๆ ของย่าหยาก็เหยียบคันเร่งขับรถตามหลังมอเตอร์ไซค์ที่ตกเป็นเป้าหมายอย่างไม่ให้คลาดสายตา ถึงหน้าร้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นร้านสไตล์ไทยๆ มองเข้าไปดูจะเป็นซุ้มยาดองที่เธอไม่ค่อยสันทัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเมื่อความคิดของพรานสาวกลับรู้สึกดีที่จะได้เล่นของหนัก
ย่าหยาตัดสินใจเลี้ยวเข้าลานจอดรถและคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งโลเคชั่นให้เพื่อน ก่อนจะลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในร้านอย่างไม่ลังเล สำหรับย่าหยาไม่ต้องมีอะไรให้ลังเลอีกแล้ว.....พรานอย่างเธอไม่พลาดโอกาสที่จะล่าเหยื่ออยู่แล้ว
“ไงไอ้คิล....ข่าวว่าได้ที่ฝึกแล้ว” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อจับวงกันครบทีม
“เออ!! มึงรู้ได้ไงวะ” คนถูกถามตอบกลับพร้อมซดยาดองยกแก้วก๊งจนหมดแก้วในกลืนเดียว “จมูกไว้นะมึง”
“เออ กูมีสาย แล้วเป็นไงมั่งวะงานหนักมั้ย”
“ยังไม่รู้ กูไปทำวันแรก”
“มีเพื่อนฝึกแจ่มๆมั้ยวะ” เพื่อนอีกคนถามขึ้นด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“ไม่มี มีกูคนเดียว”
“เฮ้ย จริงดิ”
“เออ คนอื่นเหมือนยังรอผลอยู่”
“เชรดดด!! ไอ้คิลมันไม่ธรรมดานะครับ” เทปเพื่อนที่ถามคนแรกแทรกขึ้นบ้าง
“แล้วทำไมเขารับมึงก่อนคนอื่นวะ” เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างคีตะวันถามบ้าง
“ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้สนใจด้วย แค่เขารับกูก็พอแล้วปะวะ ทำไมกูต้องหาเหตุผล”
“เข้!! ยกครับยก คุณคีตะวันเก้านิ้วจงเจริญ” เสียงกลุ่มเด็กหนุ่มนักศึกษาโวยวายเอ็ดตะโรแข่งกับเสียงเพลงภายในร้าน
เขาไม่รู้เลยว่าอีกมุมหนึ่งของร้านมีนางพญาพรานกำลังจ้องมองดูคนที่นั่งอยู่ในจุดเซนเตอร์ของกลุ่มด้วยสายตาหิวกระหาย
ย่าหยาเปิดโต๊ะสั่งกับแกล้มและนั่งจิบยาดองมองดูเด็กหนุ่มอยู่ห่างๆ ในหัวก็คิดหาวิธีที่จะเข้าไปจอยเพื่อจะได้รู้จักใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น จริงๆ ระยะเวลามันก็ยังสั้นเกินไปจริงหากจะเปิดเกมเวลานี้ และคีตะวันไม่ใช่เหมือนพวกเด็กหิวเงินที่เธอเคยควงเล่นๆ
‘ถ้าโต้งๆ เข้าไปคงจะโป๊ะว่าตามมาแน่ มันไม่ใช่จะเหมือนในละครที่จะบังเอิญมาเจอกันในย่านนี้ ร้านแบบนี้เรียงรายจนเต็มสองฝั่งถนนแบบนี้’ ตาคมกริบหรี่มองเด็กหนุ่มที่ปกติจะเห็นแต่ทำหน้านิ่งขรึม ในเวลานี้เขาหัวเราะร่วนอยู่กลางวงเพื่อนอย่างสนุกสนาน เห็นใบหน้าหล่อคมแต้มด้วยรอยยิ้มแล้วยิ่งล่อตาล่อใจให้เธออยากได้เขามาครองเหลือเกิน
“อีย่า!! มึงเป็นบ้าอะไรของมึง เคยจิบไวน์นั่งชิลฟังเสียงไวโอลิน กลับมานั่งกระดกยาดองร้องเพลงหมอลำ!!!” กันทิมากับเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งมาถึงด้วยตำแหน่งที่เพื่อนแชร์ให้ในแชท กันทิมานั่งลงที่โต๊ะพร้อมกับโวยวายลั่นแข่งกับเสียงเพลงที่บรรเลงดนตรีอีสานม่วนซื่น
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เบื่อรสเหล้ารสเดิมๆ” คนถูกทักว่าขึ้น
“มึงก็รู้นี่อีอ้วน....ว่าอีย่ามันขี้เบื่อ” สาวหน้าฝรั่งสัญชาติไทยแท้ว่าขึ้นพร้อมกับหงายแก้วก๊งเตรียมตักยาดองจากเหยือกแก้วใบโต
“เปลี่ยนเก่งทั้งรถ ทั้งผัว นี่จะมาเปลี่ยนแนวร้านเหล้าอีกเหรออีเวร!!” กันทิมาเป็นคนที่ตีฝีปากกับย่าหยาได้ดีที่สุด ทั้งคู่มักจะใช้คำพูดเหน็บแนมกันบ่อยครั้งแต่ไม่เคยถือสาด้วยชินชาไปเสียแล้ว
“แหม!! กว่ามึงจะมีผัวเป็นตัวตน เปลี่ยนมากี่คนแล้วคะ” เพื่อนอีกคนที่นั่งข้างกันทิมาหันไปต่อว่า ด้วยทุกคนก็สนิทสนมกันดี
“เอ้า นี่อีเจ้ทีมอีย่าเหรอ?” กันทิมาโวยทันที
“ก็มันจริงนี่”
“ถ้าไม่โดนไอ้พีชมันหักอกก่อน อีย่าควรจะเป็นคนที่แต่งงานคนแรกด้วยมั้ง” สาวหน้าฝรั่งเผลอพูดขึ้นมา
บรรยาการที่กำลังจะไปได้สวยกลับต้องวืดครึ้มลงทันที เพราะความรักที่พังลงอย่างเจ็บปวดทำให้ย่าหยากลายเป็นผู้หญิงที่เกลียดความรัก มองผู้ชายเป็นเพียงแค่เหยื่อที่เธอจะล่ามาเพื่อคลายเหงาก็เท่านั้น เธอจะไม่ยอมเป็นเหยื่อสำหรับใคร!! แม้ภายนอกเธอจะดูเข้มแข็ง..แต่ภายในก็ไม่อาจลืมความรักในครั้งนั้น
“อีแฟง!!!” กันทิมาหันไปร้องขู่ต่อว่าเพื่อนที่พลั้งปากพูดอย่างไม่ตั้งใจ
“กูลืม...กูขอโทษ!!”
“ช่างแม่ง! กูไม่ได้สนใจเรื่องนี้นานแล้ว กูกับไอ้พีชเลิกกันเป็นชาติแล้วไหม?” พีชคืออดีตแฟนของย่าหยา ต้นเหตุที่ทำให้เธอเลือกการใช้ชีวิตแบบสุขแค่กาย..ใจไม่พันผูก อกหักจากรักครั้งนั้นเล่นเอาสาวมั่นหัวทันสมัยเกือบแย่ กว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เรียกกันว่าอกหักมาได้
“เออๆ ก็ดีแล้ว ไม่อยากให้มึงเครียด แค่งานก็แย่พอแล้ว” กันทิมารีบเสริมขึ้น
“อ้อ!!อะนี่กุญแจรถกู อีอ้วนกูฝากเอารถกูกลับด้วยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็เอาไปให้กูที่บริษัทด้วย”
“อ้าว เอามาให้กูทำไม แล้วมึงกลับไง”
“เออน่า.... เอาไป เผื่อกูเมาไง”
“เมาเดี๋ยวพวกกูไปส่ง” เพื่อนอีกคนเสริม
“สาระแน!! กูให้เอารถกูกลับส่วนตัวกู ..กูจะกลับเอง”
“อ๋อ....เจอเหยื่อแล้วล่ะสิแบบนี้ มึงนี่มันร่านจริงๆอีหยา” กันทิมาทันเกมยายเพื่อนตัวร้ายเข้าก็ต่อว่าแกมหยอกเย้า
“ถือว่าเป็นคำชมค่ะ” จังหวะที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน สายตาของย่าหยาก็เหลือบไปเห็นว่าเป้าหมายของเธอกำลังจะลุกออกจากโต๊ะ ถ้าให้เดาคงจะเดินไปห้องน้ำแน่
“เออมึง เดี๋ยวมานะ”
“ไปไหน...” เพื่อนคนหนึ่งร้องถามเมื่อเห็นย่าหยารนรานลุกจากเก้าอี้
“ห้องน้ำ”
“มึงรู้ทางไปห้องน้ำแล้วเหรอ” กันทิมาถามแทรกขึ้นบ้าง เพราะนี่ไม่ใช่ร้านที่คุ้นชิน
“มาร้านแบบนี้ใครสั่งใครสอนมึงให้รู้จักทางไปห้องน้ำ” ร่างระหงหมุนฟูลเทิร์นกลับมาตอบก่อนจะสาวเท้าตามร่างสูงไปห่างๆ อย่างไม่ให้คลาดสายตา
คีตะวันเดินมาสูบบุหรี่จนพอแล้วก็เตรียมจะกลับเข้าร้าน คนที่แอบตามมามองดูอยู่ห่างๆ กะจะรอจังหวะ.... พอเห็นว่าคีตะวันเตรียมจะกลับเข้ามาก็รีบออกเดินไปหาแต่ต้องชะงักเมื่อใครบางคนเข้ามาดักหน้าทักทายเป้าหมายของเธอเสียก่อน
“ไง... สบายดีนะ” สาวสวยร่างเล็กแต่งตัวเซ็กซี่เอ่ยทักทายคีตะวัน ใบหน้าพิมพ์นิยมที่ขึ้นเขียงทำมาแต้มด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดังส่งให้เธอดูสวยเกรดพริตตี้โชว์รูมรถ ย่าหยาถอยกลับไปที่เดิมแล้วมองดูทั้งคู่อยู่ห่างๆอย่างสังเกตการณ์
“ตั้งแต่ชีวิตไม่มีเธอ ทุกอย่างมันก็สบายขึ้นมาก ไม่ต้องเหนื่อยใจ ไม่ต้องเหนื่อยกาย” ชายหนุ่มตอบน้ำเสียงเรียบ
“สบายดีก็ดี.... เพราะเราเองตั้งแต่เลือกทางเดินชีวิตใหม่ เราก็สบายขึ้นเยอะเลยนะ ไม่ต้องร้องขอเงินจากแฟนให้เมื่อยปาก แค่ส่งรูปของที่อยากได้ให้เขาดู เขาก็โอนเงินมาให้แบบที่เราไม่ต้องรอแล้วรออีก!!”
“ก็ดีแล้วนี่!!” คีตะวันมองหญิงสาวตรงหน้าที่เป็นอดีตคนรัก “จะได้ไม่ต้องคบอยู่กับอีกคน ....แต่ไปขายให้อีกคนให้เสียเวลา”
“คิล!!!”
“แทงใจดำหรือไง ?ไปก่อนนะ...”
“เดี๋ยว!!” เสียงของผู้หญิงที่เข้ามาทักทำให้คีตะวันหยุดชะงักแต่ไม่เหลียวกลับไปมอง เขาเพียงรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรเท่านั้น “เรายังเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
“อย่าเลย กับผู้หญิงแบบเธอ แค่คนรู้จัก.....ก็ยังไม่อยากเป็น” เขาทิ้งประโยคสั้นๆ เรียบๆ แต่คมเหมือนมีดกรีดแทงลงกลางใจของคนถาม จนเธอแทบล้มทั้งยืนกับสิ่งที่รับฟัง
ย่าหยาได้แต่มองดูโดยไม่รู้ทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่พอเห็นว่าคีตะวันเดินมาแล้วเธอก็จัดแจงตัวเองให้พร้อมเริ่มแผนการ
“โอ๊ย!! ขอโทษค่ะ....” มุกตื้นๆ ที่ใครจะคิดว่ามันได้ผลเสมอ เธอแกล้งเดินเข้าไปชนอกกว้างของหนุ่มน้อยที่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์
“อ้าว...พี่ประธาน” เขานึกชื่อเธอไม่ออก ปกติแล้วไม่ใช่คนที่จะใส่ใจรายละเอียดอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
“พี่ชื่อย่าหยา จะเรียกย่า....หรือเรียกหยา...ก็ตามสะดวก แล้วนี่มาร้านนี้เหมือนกันเหรอ” คนสะกดรอยตามแกล้งถาม ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายตามเขามาแท้ๆ
“อ๋อ ร้านประจำเพื่อนผม”
“อ๋อ...เออเพื่อนพี่ก็ชอบมา แต่ปกติพี่ไม่ค่อยนั่งร้านแบบนี้หรอก นี่ก็ว่าจะไปหาห้องน้ำ อยู่ตรงไหนเหรอ?”
“ตรงนั้นครับ ตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว” เขาชี้ไม้ชี้มือบอก คนถามพยักหน้ารับก่อนจะแกล้งทำทีเดินมาที่ห้องน้ำ เธอเพียงต้องการบอกให้เขารู้ว่าเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ขั้นต่อไปมันจะได้ง่ายขึ้น