ย่าหยา
“พี่หยาคะ นี่เป็นเอกสารของน้องๆ ที่ส่งเข้ามาขอฝึกงานที่บริษัทเรานะคะ” เสียงเลขาสาวบอกกับหัวหน้าที่กำลังยุ่งกับกองเอกสารที่ต้องเซ็น
".........." ใบหน้าหวานมองไปที่คนพูดก่อนจะเปรยยิ้มอย่างอ่อนโยน ปากเรียวสีส้มอิฐเม้มเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อก้มกลับลงไปมองที่เอกสารอีกครั้ง
“แล้วพี่หยาจะไปร่วมสัมภาษณ์กับ HR ด้วยไหมคะ” เลขาถามขึ้นพร้อมกับยืนรอคำตอบ
“สัมภาษณ์เมื่อไหร่นะ”
“วันศุกร์นี้ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบจากเลขาตาคมที่แต้มด้วยอายแชโดว์สีทองเข้มเสริมความเฉี่ยวก็เหลือบมองที่ปฏิทินบนโต๊ะ แล้วนับวันเวลา
“อีก 2 วัน อืม...ถ้าว่างจะไปนะ ยังไงก็เผื่อที่ให้พี่ด้วยแล้วกัน”
“โอเคค่ะ งั้นหนูขอตัวนะคะ”
ใบหน้านวลก้มลงให้ความสนใจกับเอกสารอีกครั้ง เธอยุ่งเรื่องอื่นเสียจนไม่มีเวลาเคลียร์งาน ทำให้เอกสารมันกองท่วมหัวจนแทบจะล้มลงมาทับตาย
"เซฮายค่ะคุณย่า” ไม่นานเสียงเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นปั่นประสาท พร้อมกับบานประตูห้องทำงานที่เปิดออกโดยไม่มีการเคาะก่อน 'ย่า' ที่เพื่อนเรียกนั้นมาจากชื่อเต็มคือ ‘ย่าหยา’ ชื่อดอกไม้งามที่พ่อแม่เลือกมาตั้งให้ลูกสาว
“เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนอีเวร มารยาทอะ การมีผัวรวยไม่ได้แปลว่ามึงจะไม่ต้องมีมารยาทนะคะ” นิ้วเรียววางปากกาลงทันทีที่เพื่อนเดินตรงมานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้า เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วกับการจิกกัดกันระหว่างเธอทั้งสอง
“มีค่ะ แต่ไม่ได้ใช้กับมึง” ผู้มาเยือนต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมกัน
“มาทำไม ไม่อยู่นอนกกนอนก่ายคุณหมีผัวมึงโน่นล่ะ”
“โอ๊ย!! ผัวกูเขาก็มีการมีงานทำไหมล่ะ กูอยู่บ้านเฉยๆ เบื่อมาป่วนออฟฟิศชะนีแก่นอนแผ่....อยู่บนคานดีกว่า” สาวอวบว่าก่อนจะเว้นวรรคปรายตามองต่ำให้อีกฝ่ายคิดเอาเองว่าแผ่อะไร
“รำคาญค่ะ คนการงานไม่มีทำ วันๆ เอาแต่อ้า....ดักแมลงวัน” สกิลปากของสองคนนี้ถือว่าเหลี่ยมคนทันกันกินกันไม่ลง ‘กันทิมา’ หรือ เฟิร์นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัท อดีตกรรมการบริหารที่เพิ่งลาออกไปเป็นแม่บ้านหลังแต่งงานกับเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวจีน
“นี่อะไรอะ” พอเพื่อนก้มหน้าทำงาน สาวอวบก็ต้องหาอะไรทำคั่นเวลา รอเพื่อนเลิกงานแล้วว่าจะลากไปหาอะไรกิน มืออวบหยิบเอาซองเอกสารจากกองที่เลขาเพิ่งเอามาวางออกมาคลี่ดู
“ธิดารัตน์....ชื่อเล่นแอปเปิล ยื่นฝึกแผนกการตลาด...นี่เปิดรับนักศึกษาฝึกงานแล้วเหรอ”
“อืม รุ่นแรก จะสัมฯ ศุกร์นี้แล้วสนใจไหมล่ะ"
“ถ้ามีงานดีดีก็จะมา” เฟิร์นจีบปากจีบคอตอบ
“ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง มึงมีผัวแล้วค่ะ” ย่าหยาว่าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอีกซองขึ้นมาเปิดดูบ้าง
‘คีตะวัน....คิล (คิว) ยื่นฝึกแผนกการตลาด’ ย่าหยาอ่านในใจ ตาคมกวาดมองใบสมัครอย่างละเอียดถี่ถ้วน โปรไฟล์เด็กคนนี้น่าสนใจเหลือเกิน ทั้งมหา'ลัยที่เรียน เกรดที่ได้ ประสบการณ์ และความสามารถต่างๆ แต่สิ่งที่ดูจะเข้าตาแม่ประธานบริษัทที่สุดเห็นจะเป็น...หน้าตาที่หล่อเหลาคมคายของเขาเสียมากกว่า หนุ่มเซอร์หน้าตี๋ ผมยาวปะบ่า หนวดเคราบางๆ พอได้ชวนให้นึกถึงสัมผัสที่เคราลู่กับผิวมันคงจะสยิวจนดิ้นพล่านแน่ ส่วนสูงและน้ำหนักที่เขียนมาในใบสมัครนั้น ใครจะคิดว่าประธานบริษัทคนนี้จะสามารถนำมาต่อยอดนึกถึงรูปร่างและสัดส่วนของเด็กคนนี้ได้เสียจนเห็นภาพเตลิดไปไกล
“อีย่า!!เฮ้!! อีย่า!!”
“อะไร!! มึงจะเสียงดังหาพระถังซัมจั๋งอะไรห๊า!! น่ารำคาญ มีผัวจีนเข้าหน่อยกลายเป็นคนขี้โวยวายไปเลยเหรอ” คนถูกเรียกโวยลั่น
“หืมมม ว่ากูขี้โวยวาย กูย่าๆๆ จนปู่กูจะมาแทนแล้วมึงเหม่ออะไรก็ไม่รู้ ทำหน้าทำตาเหมือนชะนีหิวกล้วยด้วย ทำไมเจอเด็กงานดีเหรอเอามาดูหน่อย” มืออวบเอื้อมไปหมายกระชากใบสมัครจากมือเพื่อนสาว แต่ความไวก็ไม่มากพอที่จะแย่งเอาใบสมัครไปจากมือแม่ประธานบริษัทได้
“มึงจะมาสนใจอะไร รอเฉยๆ สิวะอย่ามาเล่นเอกสารกู เดี๋ยวก็หายหมด”
“ไม่มีพิรุธอะไรเลยอะจริงๆ” เฟิร์นพูดทั้งที่สายตายังคงจ้องจับจังหวะจะแย่งเอาเอกสารจากมือเพื่อน
“พิรุธอะไรของมึง”
“เอามาดู!! อย่าให้ต้องแย่ง เอกสารจะขาดเอาเปล่าๆ” สาวอวบออกคำสั่ง
“จะไปกินข้าวใช่ป่ะเนี่ยเดี๋ยวกูเก็บของ....”
“ไม่ต้อง!! เอามา กูไม่รีบ เคลียร์งานของมึงให้หมด กูรอได้ เร็วๆ เอามา!!” แต่ไม่ว่าย่าหยาจะอ้างอะไรแม่กันทิมาก็จะเอาเอกสารให้ได้
"..... อ๊ะ" สุดท้ายคุณประธานสาวก็ต้องยอมยื่นเอกสารให้กับเพื่อนแต่โดยดี
“โอ๊ยยย กูว่าแล้ว!! หล่อดิบหล่อเถื่อน หล่อลากกระชากมดลูกกูไปเลยค่ะ” ทันทีที่เห็นเพียงรูปนักศึกษาที่แนบมากับใบสมัคร กันทิมาก็โวยลั่นทันที “แต่รูปแบบนี้มันผิดระเบียบป่ะ” กันทิมาถามก่อนจะหันหน้าใบสมัครให้เพื่อนดูพร้อมกับชี้ไปที่รูป
“ไม่เห็นจะเป็นไร กูไม่ตัดสินคนที่ภายนอกหรอกน่า มึงอ่านประวัติที่กรอกมา ของดีมากค่ะ”
“ตาลุกวาวเลยนะอีชะนีเฒ่า!! แล้วผัวเด็กคนเก่ามึงล่ะ”
“ได้แล้วเบื่อ” ย่าหยาจีบปากจีบคอพูดอย่างไม่อายฟ้าอายดิน แต่คนเป็นเพื่อนนั้นรู้ดีว่าเพื่อนมีนิสัยแบบไหน
"อย่าไปพลาดท่าให้เด็กไหนล่ะ เบื่อง่ายจริงมึง~~" แม่สาวอวบรู้ดีว่าเพื่อนมีความหลังในใจกับคนรักเก่า ทำให้คนสวยอย่างย่าหยาครองโสดมาจนอายุ 29 จะแตะ 30 แบบนี้ พร้อมกับการสร้างความสุขให้ตัวเองด้วยหญ้าอ่อนวัยหอมหวานที่เธอจะเป็นฝ่ายเลือกเองเท่านั้น
เรือนผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบเป็นหางม้าหลวมๆไว้ด้านหลัง ถูกผูกด้วยโบว์สีแดงสดสีเดียวกับชุดที่เธอสวมใส่ จั๊มสูทขายาวผ่าขากางเกงแหวกยาวขึ้นมาจนถึงโคนขาที่เนียนละเอียด ด้านหลังปาดเว้าจนแทบถึงเอวเผยให้เห็นแผ่นหลังสีขาวนวลเนียนน่าจับต้อง
มือเรียวหยิบลิปสติกสีแดงเลือดนกขึ้นมาทาเติมบนริมฝีปากเรียวเป็นกระจับได้รูป แม้จะแต่งหน้าจัดเต็มมาจากบ้านแล้วแต่เพราะเธอเป็นพรานมืออาชีพต้องเล็งอาวุธให้พร้อมสำหรับการล่าเหยื่อเสมอ ผู้หญิงอย่างย่าหยาจึงใส่ใจรายละเอียดของการแต่งตัวเสมอ
“พี่หยาเข้าสัมภาษณ์ด้วยใช่ไหมคะ” เลขาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามาถาม คนสวยหันไปยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับเป็นคำตอบ
คนเป็นเลขาที่ตั้งคำถามรีบออกจากห้องไปบอกกับฝ่ายอื่นๆ เพื่อการเตรียมความพร้อม ประธานคนสวยเข้าสัมภาษณ์ด้วยทุกอย่างต้องพร้อมและดูดีเสมอสำหรับประธานย่าหยา
ฝั่งของคนเข้าสัมภาษณ์ผู้เป็นเป้าหมายของย่าหยาซึ่งไม่ได้กังวลอะไรมากนักต่อการมาสัมภาษณ์ ร่างสูงที่คร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ถอดหมวกกันน็อกออกก่อนจะสะบัดผมยาวปะบ่าให้คลายตัว ใบหน้าคมมองดูกระจกเช็คความเรียบร้อยที่ไม่ได้มีความเรียบร้อยแม้แต่น้อยของตัวเอง หน้าอกไม่ติดเข็มมหาลัย ผมเผ้าปล่อยรุงรังไม่มัดรวบ รองเท้าผ้าใบสีขาวกับกางเกงยีนที่สวมมาทั้งที่รู้ว่ามันผิด เหมือนกับว่าคีตะวันจะลืมไปแล้วว่าเขามาสัมภาษณ์เข้าฝึกงานที่นี่
ร่างสูงโปร่งเดินตรงไปที่ออฟฟิศตรงจุดประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามจุดสัมภาษณ์นักศึกษาฝึกงาน เขาเรียกความสนใจต่อทุกสายตาได้เป็นอย่างดี ด้วยความสูงและหน้าตาหล่อเหลาที่ดึงดูดผู้มองได้ไม่ยาก
“พี่ครับ นักศึกษาฝึกงานสัมภาษณ์ที่ไหนครับ” เขาตรงเข้าไปถามพนักงานที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หญิงมีอายุกวาดตามองเด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความสนใจ ขยับแว่นดูอีกครั้งแต่ไม่โต้ตอบอะไรด้วยรู้ว่าแค่การแต่งตัวก็ไม่ผ่านการสัมภาษณ์แน่ๆ
คนถูกมองมองกลับด้วยความสงสัยเมื่อไม่ได้รับคำตอบ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีความท้าทายที่เขาสนใจมากกว่าเดิม
“พี่ครับ..”
“แต่งตัวแบบนี้คงไม่ผ่านหรอก กลับไปแต่งตัวใหม่ค่อยกลับมาเถอะ” กลับกลายเป็นว่าพนักงานคนนี้ตอบไม่ตรงคำถาม
“.......” เด็กหนุ่มมาดเซอร์ยืนมองอย่างนิ่งๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นป้ายบอกทางไปห้องสัมภาษณ์ ปากหนากระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามป้ายไม่สนใจคนบอก
“นี่!! เดี๋ยวสิ”
“ครับ” เขาชะงักแล้วหันกลับไปหาพนักงานคนเดิม
“จะไปไหน ที่พี่บอกเนี่ยเพราะหวังดีนะ เรานะ...”
“ผมก็หวังดีนะครับ ถ้าพี่อยากเป็นพนักงานที่ดี ตั้งใจทำงานเถอะนะครับ ทำอะไรที่เป็นหน้าที่...อะไรที่มันไม่ใช่หน้าที่ก็อย่าลำบากไปทำเลย” คีตะวันพูดแล้วเดินหนีออกมาทันที ทิ้งแม่พนักงานสายใหญ่ให้ยืนงงงวยกับประโยคเมื่อสักครู่นี้อยู่คนเดียว
เขาเดินขึ้นมาถึงชั้นสองก็พบห้องสัมภาษณ์ที่คนอื่นๆ มาถึงเยอะแล้ว ดูแล้วทุกอย่างจะผิดคาดไปเสียหมดเมื่อเขาเข้าใจว่าที่นี่เป็นแค่บริษัทเล็กๆ คงไม่มีคนมาสมัครเยอะเท่าไหร่ ด้วยไม่ได้ยื่นสมัครที่อื่นเผื่อไว้เลย....หากไม่ได้ที่นี่เขาต้องยุ่งยากมากแน่ๆ
‘ไอ้คิลนะไอ้คิล ดันแต่งตัวไม่เรียบร้อยมาด้วยอีก ถ้าเข้าได้ก็คงฟลุ๊กน่าดู’ เขาด่าทอตัวเองในใจ
“คิล...” เสียงใสของหญิงสาวร้องเรียกเขาจากที่นั่งข้างๆ เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นแอปเปิลเดือนร่วมคณะที่ตอนนี้เขาเองก็คุยๆ อยู่บ้าง แต่แปลกไม่เห็นเคยบอกว่ายื่นฝึกที่นี่เหมือนกัน
“จะฝึกที่นี่เหมือนกันเหรอ” เขาเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าวิตกกังวลของแอปเปิลทำให้เขารับรู้ได้เลยว่าเธอกำลังกดดันอยู่มากๆ
“ใช่ เมื่อกี้เราเข้าไปสัม ฯ เราตอบอะไรได้ไม่ค่อยดีเลย กลัวจะไม่ได้จัง”
“ถ้าอย่างแอปเปิลไม่ได้ ..แล้วเราล่ะ อย่าคิดมากเลยนะ” คีตะวันพูดปลอบคนข้างๆ ทำให้รอยยิ้มแสนละมุนของใบหน้าสวยหวานที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางบางเบาส่งกลับมาทันที
“ขอบใจนะ แล้วคิลสัมภาษณ์คนที่เท่าไหร่”
“ท้ายๆ เลยไปดูรายชื่อมาเมื่อกี้”
“เชิญคุณคีตะวันค่ะ....” เสียงพนักงานที่ดูแลส่วนของการเรียกตัวนักศึกษาเดินออกมาเรียกชื่อคนที่ต้องเข้าสัมภาษณ์คนต่อไป
‘อะไรกัน ก็เช็กชื่อแล้วนี่หว่า....ไม่ได้ผิดสักหน่อย แล้วทำไม...’ แม้จะงงงันไปสักหน่อยแต่เจ้าของชื่อก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์อย่างไม่รีรอ
เข้ามาถึงภายในห้องสายตาทุกคู่ของกรรมการสัมภาษณ์ต่างมองเขาเป็นตาเดียว แน่นอนว่านั่นคือเรื่องของการแต่งตัวที่มันติสท์เสียจนขัดหูขัดตากรรมการรุ่นเดอะ ความไม่เหมาะสมที่แทบไม่ต้องคาดเดาว่าเขาจะผ่านการคัดเลือกหรือไม่
“เชิญนั่งค่ะ” เสียงเข้มทรงพลังของหญิงสาวในชุดสีแดงสดดึงความสนใจของคีตะวันไปจนหมด เขามองดูคนสวยที่นั่งอยู่ตรงกลางของโต๊ะสัมภาษณ์ที่รัศมีนางพญาบ่งบอกถึงตำแหน่งที่สูงกว่าทุกคนในห้องโดยไม่ต้องเดา
คีตะวันก้มหัวแทนคำขอบคุณก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ทางบริษัทเตรียมให้ เขาเกร็งเล็กน้อยเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางสายตาของใครหลายคนที่ไม่รู้จักแม้จะเตรียมใจมาอย่างดี แต่ก็แอบประหม่าเล็กน้อยกับสายตาคมเฉี่ยวของย่าหยาที่มองเป้าหมายอย่างไม่วางตา
“แนะนำตัวสิ!!” ย่าหยาพูดขึ้นทั้งที่เธออ่านประวัติของเด็กคนนี้ซ้ำหลายรอบจนท่องจำได้ เธอเพียงอยากเห็นบุคลิกและความมั่นใจของเขาก็เท่านั้น บุคลิกที่เป็นตัวบอกว่าเขาจะเป็นเหยื่อชั้นดีแค่ไหน
“สวัสดีครับ ผมนายคีตะวัน เพียงภู ชื่อเล่นคิล เรียนอยู่มหาวิทยาลัย K เรียนการตลาดครับ รายละเอียดอื่นๆ ผมเขียนลงในเรซูเม่กับพอร์ตฟอริโอหมดแล้ว” เขาตอบอย่างกระชับและเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนคนอื่นที่พูดท่องจำมาพรีเซ็นต์งาน
“มีแฟนหรือยัง” คำถามแรกจากย่าหยาพาให้ทั้งตัวคีตะวันและกรรมการงุนงงและพากันมองไปที่แม่นางพญาชุดแดงเพลิงโดยพร้อมเพรียงกัน