“บอกไม่ได้หรอกครับ เป็นความลับของเด็กผู้ชาย" ดามิทรีเอานิ้วมาแตะที่ริมฝีปากตนพร้อมกับส่ายหัว เลลาจึงกลอกตากับความขี้เก๊กนั้น
“โอเคค่ะ ความลับก็ความลับ ฉันไม่อยากรู้ก็ได้" เธอเปิดประตูรถออกไปยืนพร้อมกับปิดประตูให้เรียบร้อย สองเท้ารีบก้าวเข้าไปในรั้วบ้าน แต่ก็มิวายต้องหันมาตอบคนที่ลดกระจกลงเพื่อคุย
“พรุ่งนี้ผมมารับคุณอีกนะ ห้ามปฏิเสธล่ะ”
“ไม่เอาแล้วค่ะ คุณอย่ามาทำตัวเป็นคนขับรถของฉันสิคะ” เลลาปฏิเสธเสียงแข็ง คราวนี้เธอจะไม่ยอมโดยสารรถปอร์เช่โก้เก๋นั่นเพื่อนให้เฮลก้าแซวอีกต่อไปแล้ว เพราะกลัวว่าจะหวั่นไหวมากกว่านี้
“บี๋ขาอย่างปฏิเสธกันแบบนี้สิคะ พี่อยากให้บี๋ขาไปไหนมาไหนสะดวก อ้อ—เรื่องเวลานัดหมาย ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะไม่รู้นะคะ เฮลก้าบอกพี่หมดแล้วค่ะ บี๋ขาแต่งตัวสวย ๆ รอให้พี่มารับได้เลยนะคะ" ดามิทรีพูดจาชวนน่าหมั่นไส้จนเลลาอย่างจะเดินเข้าไปหยิกให้เนื้อเขียวสักที
ไม่เหลือช่องให้หญิงสาวได้ปฏิเสธ เขาโบกมือให้ทีหนึ่ง พร้อมกับขับรถออกไป เลลายืนถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นรอบที่สามสิบของวัน
อานยา พี่ชายของเธอไม่มีการมีงานทำหรือไงเนี่ย
เป็นนักบินก็ไปขับเครื่องบินซะสิ จะมาเป็นพนักงานขับรถให้ฉันทำไมเล่า
แล้วก็เลิกเรียกบี๋ขาได้แล้วโว้ย!
เลลาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ก่อนจะเดินฟึดฟัดเข้าบ้านไป โดยมีสายตาของคุณป้าใจดีข้างบ้านมองตามด้วยความเอ็นดู
“หนุ่มสาวสมัยนี้เขารักกันได้น่าอิจฉาจริง ๆ เลยน้า..”
…
Working-Space
ห้องสมุดกลาง, มหาวิทยาลัยนานาชาติ KING LONDON
ช่วงสายของวันใหม่ เลลาลงจากรถปอร์เช่คันเดียวกับที่รับ-ส่งเธอเมื่อวานด้วยสีหน้าเบื่อโลก หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสยาวพอดีกับเข่าสีฟ้าอ่อน ที่เข้ากับผิวสีน้ำนมของเธอ ทับด้วยเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม อากาศในลอนดอนอุ่นขึ้นมาก เสื้อขนหนาตัวเก่งจึงยังต้องแขวนเงียบอยู่ในตู้ เส้นผมสีดำนุ่มสลวยหอมอ่อนด้วยแชมพูแบรนด์ดังดัดเป็นลอนอย่างลวก ๆ ทว่ากลับสวยดูดีเมื่อส่วนบนใกล้กับหน้าม้าประดับด้วยเครื่องประดับสีเงินลายใบโคลเวอร์
ส่วนดามิทรีที่คอยตามมาเป็นสารถีให้ยังคงดูดีเช่นเคย เสื้อเชิ้ตแบรนด์ชั้นนำสีขาวลายทางสีน้ำเงิน พับแขนเสื้อขึ้นเสมอข้อศอก เข้ากันได้ดีกับกางเกงสีกรมท่า ใบหน้าที่หล่อไร้ที่ติสวมทับไว้ด้วยแว่นกันแดดสีชา แต่นั่นก็ไม่อาจบดบังรัศมีความหน้าตาดีได้เลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้ทุกย่างก้าวที่เขาเดิน สาว ๆ นักศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีไปจนถึงสาวใหญ่ระดับปริญญาเอกเป็นอันต้องเหลียวหลัง เลลามองปราดเดียวก็เห็นว่าทุกสัญชาติต่างหลงใหลในคนคนนี้หมด
บนโลกนี้คงมีแต่เธอนี่แหละมั้งที่รำคาญหมอนี่เนี่ย!
“บอกไว้ก่อนนะคะคุณกัปตัน ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะยอมให้คุณคอยมารับมาส่งฉัน—คนอื่นจะเข้าใจผิดว่าคุณเป็น…เป็นแฟนฉันหมดแล้ว หยุดได้แล้วนะคะ" เลลาหันไปพูดเสียงเบาขณะที่เดินไปยังโต๊ะอ่านหนังสือขนาดใหญ่สำหรับ 6 คน ซึ่งเฮลก้าและหยกแก้วนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจแบบนั้นอยู่แล้วครับ" ดามิทรีลอยหน้าลอยตาตอบ ทำเอาเลลาอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ หากที่นี่ไม่ใช่ห้องสมุด
“เลลา ทางนี้~” เฮลก้าเป็นคนแรกที่โบกมือทัก วันนี้หล่อนดูเป็นทางการกว่าทุกวันด้วยเชิ้ตสีขาว ทับด้วยสูทประจำชมรมหมากรุกสีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงสีเทาดูทะมัดแทมง เส้นผมมัดรวบเป็นหางม้าแบบง่าย ๆ อย่างไม่พิถีพิถันนัก
ส่วนหยกแก้วอยู่ในชุดเดรสแขนยาว แต่เปิดช่วงไหล่โชว์หราสีชมพูอ่อน ยาวเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย มีเสื้อคลุมสีน้ำตาลเอิร์ธโทนพับวางปิดขาเอาไว้ขณะนั่ง เส้นผมยาวถักเป็นเปียประดับด้วยดอกไม้ปลอมเล็ก ๆ ดูสวยสง่ากว่าทุกวันเป็นเท่าตัว
“มาแล้วหรอเลลา สวัสดีค่ะพี่กัปตัน” หยกแก้วทักทายแบบง่าย ๆ
“มีเด็กโข่งอยากตามมาอ่านหนังสือด้วยคน” เลลาหาช่องแขวะดามิทรีจนได้ ขณะที่ไปนั่งข้างหยกแก้ว แล้วหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาแล้วเริ่มต้นปั่นงานวิจัยของตนเองต่อ ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ทำตัวเป็นภาระ เขาเดินไปหยิบหนังสือภาษาฝรั่งเศสที่เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของเครื่องบินมาเล่มหนึ่ง แล้วเริ่มต้นอ่าน
เลลารู้ตัวว่าเผลอมองอย่างตั้งใจแบบนั้นก็รีบหันกลับมาให้ความสนใจกับวิจัยหลายร้อยหน้าที่ยังรอให้เธอแก้ไขอยู่ในตอนนี้
อย่าเผลอไปมองแบบนั้นสิเลลา!
ดามิทรีเปิดหนังสือหน้าหนึ่งแล้ว ยื่นมาให้เลลาอ่าน ในทีแรกเลลาก็ไม่อยากสนใจเท่าไหร่นัก แต่พอเห็นว่าคนยื่นไม่ยอมลดมือไปสักทีก็อ่าน
พื้นฐานภาษาฝรั่งเศสที่มีอยู่ทำให้เลลาอ่านออกอย่างคล่องแคล่ว แต่เธอเพิ่งสังเกตว่าบนหน้ากระดาษนั้นมีรอยดินสอบาง ๆ วงเป็นคำไว้อยู่ โดยหน้าดังกล่าวเป็นบทสัมภาษณ์ของนักบินเมื่อหลายสิบปีก่อน
“อย่า…เผลอ…มอง…บ่อย…ระ…วัง…ตก…หลุม…รัก"
เลลาอ่านจบก็รีบเงยหน้าขึ้นมองดามิทรีทันที ชายหนุ่มแย้มยิ้มพร้อมกับโชว์ดินสอที่เพิ่งหยิบยืมจากเฮลก้ามา
หญิงสาวรู้สึกได้ทันทีว่าแก้มของเธอเห่อร้อนขึ้น และในตอนนี้มันจะต้องเป็นสีแดงแจ๋อย่างปิดไม่มิดแน่นอน
“ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะเลลา ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย" เฮลก้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยถามออกมา คนโดนถามจึงรีบยกสองมือขึ้นปิดแก้มตัวเองทันที
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไรหรอกสงสัยเมื่อเช้ากินมะเขือเทศเยอะเกินไป" เลลาพยายามพูดติดตลกเพื่อกลบเกลื่อนความเขินของตน แต่สำหรับเฮลก้าแล้วนั่นถือเป็นช่องโหว่ช่องเบ้อเริ่มที่ทำให้แซวได้
“มะเขือเทศพันธุ์อะไร พันธุ์ที่ชื่อว่าพี่กัปตันหรือเปล่าเอ่ย" เฮลก้าพูดพร้อมกับขยิบตาให้ดามิทรี เลลาจึงได้แต่คาดโทษเพื่อนรักเอาไว้ด้วยสายตา
เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ!
ให้ตายแก้มนี่ก็หยุดแดงได้แล้ว!
ถ้ามีมะเขือเทศพันธุ์พี่กัปตันอะไรนั่นอยู่บนโลกจริง ๆ ล่ะก็ แม่จะบีบให้เละคามือเลยคอยดูเถอะ