“ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์การเป็นนักบินให้ผมฟังนะ มันวิเศษมาก ผมจะไปเล่าให้น้องชายฟังต่อ หมอนั่นชอบอาชีพนี้มาก อย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่ต้นนั่นแหละ" โจนส์พูดพร้อมรอยยิ้ม เขาเข้ากับได้ดีกับดามิทรี แม้ในทีแรกจะมีเขม่นบ้างเล็กน้อย ซึ่งเลลาเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร
ตลอดช่วงบ่าย ดามิทรีพูดคุยกับทั้งโจนส์และเฮลก้าด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ได้ถือตัวอย่างที่เลลาประเมินไว้แต่แรก ดูเป็นรุ่นพี่ที่เข้าถึงง่ายและพร้อมให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง จนมีหลายครั้งที่เฮลก้าแอบหันมายกนิ้วโป้งให้พร้อมกับกระซิบกระซาบ
“ถ้าเธอคบกับคนนี้นะเลลา ฉันไฟเขียวเต็มประตู ดีมาก"
เลลาก็ทำได้เพียงแค่กรอกตาพร้อมกับส่ายหัวให้กับการชงเข้ม ๆ ของเพื่อนรักไป จะมีก็แต่หยกแก้วที่ไม่ค่อยพูด ได้แต่นั่งจิบเครื่องดื่มที่ดามิทรีสั่งจากบริกรมาเลี้ยงรอบโต๊ะอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น เมื่อไหร่ที่เฮลก้าชวนคุยบ้างเธอถึงจะได้มีส่วนร่วมในบทสนทนา เลลาจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วกอดแขนเพื่อนเอาไว้ ในระหว่างที่อีกสามคนกำลังคุยถึงประเด็นที่สนใจร่วมกันอยู่
“หยก เป็นอะไรไปน่ะ..ไม่สดใสเลยนะวันนี้ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า?” เลลาถามขึ้นก่อน พร้อมทั้งใช้มือข้างที่ว่างเอื้อมไปตักเครปเค้กใส่ปากไปด้วย
“ไม่มีอะไรหรอกเลลา เราคิดอะไรในหัวเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“เครียดเรื่องวิจัยจบอยู่ล่ะสิ คนเก่งอย่างหยกน่ะผ่านฉลุยอยู่แล้วล่ะ เผลอ ๆ ได้เกียรตินิยมไปฝากคนที่บ้านด้วยซ้ำ เราเห็นอาจารย์ยิ้มตลอดเลย ตอนที่ตรวจงานของหยก ไม่ต้องกังวลหรอกนะ" เลลายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่หยกแก้วเห็นมาหลายต่อหลายครั้งจนชินตา
คนโดนยอให้สบายหัวเราะเบา ๆ อย่างคลายอารมณ์ “เลลานี่รู้ทันเราตลอดเลยนะ เราก็คิดเรื่องนั้นอยู่นั่นแหละ กลัวว่าถ้าไม่ผ่านแล้วที่บ้านจะดุเอา ม๊าเรายิ่งเป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่ด้วย เฮ้อ”
“ม๊าของหยกจะต้องหยุดบ่นแน่นอน พอได้เห็นเกรดที่สวยวิ้งพร้อมกับตำแหน่งเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เรามั่นใจ สู้ ๆ นะ"
“คุยอะไรกัน เราได้ยินแว่ว ๆ ว่าเกียรตินิยม นี่เธอสองคนแอบมีเทคนิคอะไรไม่บอกเราอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย" เฮลก้าที่ออกจากบทสนทนากับหนุ่ม ๆ เป็นการชั่วคราวหันมามองพร้อมกับหรี่ตาคาดโทษ “แหนะ บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ คุยอะไรกันเอ่ย"
เลลาเป็นฝ่ายตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ “คุยเรื่องวิจัยจบของพวกเรานี่แหละ เราต้องจบพร้อมกันนะ อีกไม่กี่วันโพรเฟสเซอร์บอกว่าจะตรวจเล่มนี่นา พรุ่งนี้เราไปทำให้เสร็จดีไหม ไฟจะได้ไม่ลนก้นตอนใกล้วันตรวจ”
“ทำที่ไหนดีล่ะ ร้านป้ามาร์ธาหรอ?” หยกแก้วถาม
“ถ้าทำที่ร้านป้ามาร์ธาเราว่าจะต้องมีคนนึงที่ไม่เสร็จแน่ ๆ เพราะมัวแต่สั่งเครื่องดื่มทุกห้านาทีไงล่ะ" เลลาหรี่ตามองเฮลก้าพร้อมกับเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ
“ก็กาแฟร้านป้ามาร์ธาทั้งหอม ทั้งอร่อยนี่นา เราหยุดดื่มไม่ได้หรอกนะ"
“ดื่มมากไประวังคาเฟอีนจะเยอะจนเกิดปัญหาสุขภาพเข้าล่ะ แค่ดื่มวันละแก้วก็มีความเสี่ยงแล้ว อย่าให้เราเห็นนะว่าเฮลก้าดื่มสามสี่แก้วต่อวัน เราจะไม่พูดด้วยสามวันเลยคอยดูเถอะ" เลลาคาดโทษ
“จ้า จ้า ไม่ดื่มเยอะแล้ว ถ้างั้นเราไปทำที่ working-space ของห้องสมุดกลางมหาวิทยาลัยดีไหม? ที่นั่นมีปลั๊กไฟให้ใช้ฟรีด้วย แถมยังเงียบสงบสุด ๆ อีกต่างหาก"
เลลาพยักหน้า หยกแก้วเองก็เช่นกัน
“โอเคเลยนะ ความคิดเจ๋งสุด ๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ห้องสมุดกลางตอนประมาณสิบโมงแล้วกันเนอะ" เลลาเป็นคนสรุปแพลน ซึ่งเพื่อน ๆ เองก็เห็นด้วย หลังจากสามสาวตกลงกันได้เรื่องนัดหมายในวันรุ่งขึ้นแล้ว ก็พอดีกับที่ดามิทรีและโจนส์พูดคุยกันเสร็จ
“งั้นเดี๋ยวเราแยกย้ายกันตรงนี้เลยเนอะ” เฮลก้าเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “เจอกันพรุ่งนี้ตามเวลานัด รับรองว่าเฮลก้าคนนี้ไม่มีสายแน่นอน"
“เรากลับเหมือนกัน ขอบคุณนะครับพี่กัปตัน สำหรับเครื่องดื่ม ไว้เจอกันวันหลังครับ" โจนส์ยกแก้วขึ้นโคลงเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มให้ดามิทรี แล้วเดินออกไปพร้อมกับเฮลก้า ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องรถไฟใต้ดินรวมถึงสถานีที่จะแวะลงไปทานมื้อเย็นกันสองคน
“สองคนนั้นก็เข้ากันได้ดีเหมือนกันแฮะ" เลลายืนกอดอกพึมพำแผ่วเบา ดามิทรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็โน้มตัวลงไปกระซิบถาม
“แล้วเราสองคนล่ะครับ เมื่อไหร่จะเข้ากันได้ดีบ้าง"
ไวเท่าความคิด เลลารีบส่งสองมือไปผลักแขนดามิทรีอย่างแรงให้ถอยออก พร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่ เพราะเห็นว่าหยกแก้วยังคงยืนอยู่ด้วย
“งั้นเรากลับบ้างดีกว่า ขอบคุณนะคะสำหรับน้ำแก้วนี้ อร่อยมากเลยค่ะ" หญิงสาวถือแก้วเครื่องดื่มขึ้นโคลงบ้าง พร้อมกับหันมาบอกลาเพื่อน “ไปแล้วนะเลลา เจอกันพรุ่งนี้"
“เธอกลับยังไงหรอหยก กลับพร้อมเราไหม?” เลลาถามด้วยความห่วงใย พร้อมกับมองดามิทรีด้วยสายตาที่สื่อความหมายว่า ขอเพื่อนฉันติดรถไปด้วยคนนะ
หยกแก้วส่ายหัวพร้อมแสดงสีหน้านิ่ง ๆ หากแต่แววตากลับคล้ายว่าปิดบังอะไรไว้อยู่ “เรากลับรถไฟใต้ดินดีกว่า ไม่รบกวนหรอก บายนะ"
“อือฮึ บ๊ายบาย เจอกันนะ" เลลาโบกมือหย็อย ๆ ให้เพื่อน รู้สึกแปลก ๆ แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร
“ทีนี้เราสองคนก็กลับได้แล้วค่ะบี๋ขา" ดามิทรีถือวิสาสะโอบมือรอบเอวบางของคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ใกล้ เลลาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเฮือกใหญ่ด้วยความรำคาญ
“นี่ บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าอย่าแรกบี๋ขา แล้วมือน่ะ จะเอามาโอบเอวฉันทำไม ฉันบอกไปแล้วนะคะว่าไม่ชอบคนรุ่มร่าม อย่ามาจับฉันโดยที่ฉันไม่อนุญาต”
ใบหน้าหล่อเหลาของดามิทรีหม่นลงเล็กน้อยเหมือนลูกหมาโดนดุ แต่แล้วประโยคถัดมาก็ทำให้เลลารู้ว่า นั่นไม่ใช่ลูกหมาแต่หมาป่าเจ้าเล่ห์ชัด ๆ
“แต่วันนี้ก่อนเข้าร้าน คุณก็ยังให้ผมจับมืออยู่เลยนี่ครับ"
คนฟังรู้สึกเหมือนเลือดสูบฉีดขึ้นมาเลี้ยงที่แก้มมากผิดปกติจึงรีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินนำออกไปก่อน ดามิทรีเห็นท่าทีแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เขาวางธนบัตรจำนวนหนึ่งลงบนโต๊ะแล้ววิ่งตามคนเขินเก่งออกไป
…
ดามิทรีมาส่งเลลาถึงหน้าบ้าน ตลอดเส้นทางเลลาใช้วิธีเสียบสายหูฟังเพื่อหลีกหนีบทสนทนา แต่เมื่อถึงคราวต้องลง เลลาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนควรจะเอ่ยคำขอบคุณสักหน่อย กับคนที่เสียสละมาเป็นสารถีให้ตั้งแต่เช้า แถมยังอยู่คุยกับเพื่อน ๆ ของเธอไปตลอดช่วงบ่ายอีก
“ขอบคุณนะคะ สำหรับวันนี้ เห็นคุณเข้ากับเพื่อน ๆ ของฉันได้ดีแล้วก็เบาใจค่ะ”
“ทำไมครับ ตอนแรกคุณกลัวผมเข้ากับเพื่อนคุณไม่ได้หรอ?” ดามิทรีขมวดคิ้ว เลลาจึงพูดออกมาเบา ๆ โดยไม่มองหน้า
“เห็นครั้งแรกคุณมองโจนส์อย่างกับจะฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ พอรู้ว่าเป็นเพื่อนฉันแล้วเปลี่ยนสีเก่ง ทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่แสนดีขึ้นมาเชียวนะคะ” เลลาแขวะน้อย ๆ พร้อมนึกขำกับท่าทางของเขา
“ก็ผมหวงคุณนี่ครับ คิดว่าโจนส์ชอบคุณซะอีก ที่แท้ก็…” ชายหนุ่มลากเสียงยาวเหมือนคนรู้ความลับอะไรมาสักอย่างแต่ไม่สามารถพูดได้
“ก็อะไรคะ?”