“คุณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย…นี่จะมากวนประสาทฉันตั้งแต่หัววันเลยหรือไง?” เลลาเดินตรงเข้าไปหาดามิทรีแล้วพยายามพูดน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“กวนประสาทอะไรคะบี๋ขา พี่มารับบี๋ขาไปส่งที่มหาวิทยาลัยไงคะ บี๋ขาจะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อย"ดามิทรีตอบไปยิ้มไป
เธออ้าปากค้าง เป็นอีกครั้งที่อยากยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก
“คุณมารับฉันทำไม มหาวิทยาลัยอยู่ใกล้แค่นี้เอง ฉันเดินไปเองได้ คุณกลับไปเถอะ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าบี๋ขาได้แล้ว" เลลาหันไปแยกเขี้ยวใส่แล้วตั้งใจจะเดินหนี ทว่าดามิทรีกลับคว้าแขนเอาไว้
“ผมตั้งใจมารับคุณขนาดนี้ จะปฏิเสธน้ำใจของผมได้ลงจริง ๆ หรอครับ" ใบหน้าของดามิทรีหงอยลงอีกแล้ว
ทำไมถึงได้ดูเหมือนลูกหมาโดนดุขนาดนี้ล่ะเนี่ย!
“ฉันเดินไปเรียนเองได้ มหาวิทยาลัยอยู่ใกล้มาก"
“จากตรงนี้ถ้าเดินไปต้องใช้เวลาประมาณ 12 นาที ถ้าคุณขึ้นรถไปกับผมคุณจะไม่ต้องเหนื่อยเดิน ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วย ผมเปิดแมพดูเมื่อกี้" ดามิทรีไม่ได้พูดลอย ๆ เขายกโทรศัพท์ของตนขึ้นมายืนยันด้วยพร้อมแอพแผนที่ที่โชว์การปักหมุดราวบริการเรียกรถที่มารอรับเธอพร้อมไปส่งเสียอย่างนั้น
อานยา! เธออยู่ที่ไหน! มาเก็บพี่ชายของเธอที!!
“คุณกัปตัน..คุณนี่มัน โอ๊ย ฉันไม่รู้จะเถียงคุณยังไงแล้ว อยากไปส่งฉันมาใช่ไหม ได้! รีบไปส่งฉันเดี๋ยวนี้เลย!” เลลาเดินกระฟัดกระเฟียดไปขึ้นรถอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิด ทว่าใบหน้าของดามิทรีกลับระรื่นขณะที่เดินกลับไปนั่งยังที่ประจำคนขับ
“วันนี้คุณแต่งตัวน่ารักมากเลยครับ” เขาเอ่ยชมขณะที่ขับรถมุ่งตรงไปยังมหาวิทยาลัย “จริง ๆ ก็น่ารักตลอด แต่งตัวแบบไหนก็น่ารักครับ"
เลลาอยากจะบ้า ทำไมคนคนนี้ต้องทำให้เธอกลั้นยิ้มไม่ได้ด้วยล่ะเนี่ย!
“นี่ ขับรถเฉย ๆ ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องชวนคุยด้วย”
“ผมไม่ได้ชวนคุย ผมแค่อยากชม คุณแต่งตัวน่ารักมากจริง ๆ"
เลลาหันหน้าหนีออกไปมองหน้าต่าง ริมฝีปากเม้มแน่นไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองยิ้ม ทั้งที่ดามิทรีไม่ใช่คนแรกที่ชมเธอว่าน่ารัก แต่ไม่รู้ทำไมเจ้าหัวใจไม่รักดีถึงต้องเต้นผิดจังหวะเวลาที่สารถีจำเป็นคนนี้เอ่ยชมด้วย
5 นาทีนานเกินไปแล้วมั้ง
“บี๋ขาเขินหรอคะ"
“!!!” เลลาอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ เธออึดอัดกับสถานการณ์นี้เหลือเกิน
ไม่ใช่ว่าดามิทรีทำตัวไม่ดี แต่เธอต่างหากที่ไม่รักดี
เลลาแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่แล้ว!
“พูดไปเรื่อย ฉันไม่ได้เขินคุณเลย แล้วก็อย่าเรียกว่าบี๋ขาด้วย ฉันบอกเป็นสิบรอบแล้วนะว่าไม่ชอบ ทำไมต้องให้พูดอยู่เรื่อยเลยเนี่ย"
ดามิทรีหัวเราะในลำคอขณะที่เลี้ยวรถเข้าจอดในโรงจอดรถ VIP ของคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งเลลากำลังสงสัยอยู่ว่าสารถีชั่วคราวนี้รู้ได้อย่างไร แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม คำตอบก็ลอยมากระแทกหน้าเธอเต็ม ๆ
อานยาต้องเป็นคนบอกแน่ ๆ !
เลลารีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเปิดประตูลงเอง ดามิทรีไม่ได้ลงจากรถเขาแค่เรียกรั้งหญิงสาวเอาไว้
“บี๋ขา ตั้งใจเรียนนะคะ"
อีกแล้ว
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว!
“นี่! ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ แล้ววันหลังก็ไม่ต้องมารับฉันด้วย เข้าใจไหม? ฉันมาเรียนเองได้ ถ้าคุณมาอีกล่ะก็ ฉันเจาะยางรถคุณรั่วแน่ คอยดูเถอะ"
หญิงสาวรีบปิดประตูรถแล้วเดินจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีก ดามิทรีที่นั่งมองอากัปกิริยาแสนน่าเอ็นดูนั่นอยู่ในรถก็อดไม่ได้ที่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
นางฟ้าของเขาน่ารักที่สุดเลย
“ทางนี้!!” เสียงแหลมเป็นเอกลักษณ์ของเฮลก้าเรียกความสนใจของเลลาที่เดินก้มต่ำมองพื้นอย่างเขิน ๆ อยู่ให้เงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองเลลาก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ใครมาส่งเหรอเลลา?” หยกแก้วถาม สีหน้าดูกังวลมากกว่าจะอยากรู้อยากเห็น
“คนรู้จักน่ะ" เลลาตอบปัด ๆ พยายามหาช่องหลบหนีจากบทสนทนาเรื่องนี้
“คนเดียวกับที่ไปรับที่สนามบินหรือเปล่า?” เฮลก้ายิงคำถามที่เลี่ยงคำตอบไม่ได้มา นั่นทำให้เลลาจำใจต้องตอบไปอย่างเสียมิได้
“ใช่ คนนั้นแหละ ไปกันเถอะ อีก 15 นาทีศาสตราจารย์ก็เข้าแล้ว ไปสายเดี๋ยวก็โดนดุหรอก" เลลาเปลี่ยนเรื่อง รีบดึงมือหยกแก้วกับเฮลก้าให้ตามไป แต่มิวายเฮลก้าก็ยังได้ช่องเซาะแซวอยู่ดี
“ฮั่นแน่~แฟนหรอ?”
“ไม่ใช่!” เลลารีบตอบเสียงดัง ขณะที่ทั้งสามคนวิ่งเข้าไปในลิฟต์ของตึกคณะ “ไม่มีทาง ก็แค่คนรู้จักเท่านั้นแหละ"
“ขับรถหรูซะด้วย ไม่ธรรมดาแฮะ…เราดูรถรุ่นนี้ไว้อยู่ เป็นเรฟในการวาดรูปน่ะ" หยกแก้วพูดยิ้ม ๆ พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่ากึ้กของตัวเองมาเปิดแท็บการค้นหาให้ดูประกอบไปด้วย “นี่ คอนเซปต์ภาพใหม่ของเราน่ะ เป็นผู้หญิงกับรถ”
เลลาเมื่อเห็นว่าได้ช่องเปลี่ยนเรื่องก็รีบพูดขึ้นมาทันที “รับวาดรูปนอกเวลาเรียนอีกแล้วนะหยก เอาเวลาไหนนอนล่ะเนี่ย พักผ่อนบ้างนะเจ้าแพนด้าน้อยของเรา~”