“ถ้าหายง่วงแล้วก็ออกจากบ้านฉันไปได้แล้วค่ะ คุณกัปตัน" เลลาพูดติด ๆ ขัด ๆ ใบหน้าของเธอทั้งเห่อร้อนและแดงฉานจากจูบทางอ้อมเมื่อครู่
“กลับก็ได้ครับ แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว อยู่กับคุณทีไรมีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้ตลอดเลย" ดามิทรียิ้มร่า แล้วเดินออกนอกบ้านไปหยิบถุงบ็อกเซตที่อยู่ในรถออกมายื่นให้ “ทานไอนี่ แล้วคิดถึงคนซื้อให้ด้วย"
“จะให้ฉันสำนึกในบุญคุณหรือไง คุณซื้อให้ฉันเองนะ" เลลาคว้าถุงมาถือไว้
“เปล่าครับ แค่ให้นึกถึงเฉย ๆ รีบทานนะครับ ตอนที่มันยังอร่อยอยู่ ผมจะไปหาหมอซักหน่อย ยังปวดไหล่ไม่หายเลย" ไม่พูดเปล่า เขายกมือขึ้นแตะ ๆ ไหล่ของตัวเองไปด้วย
“นี่…คุณเจ็บจริงหรอคะ" หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วง
“ใช่ครับ สายตาแบบนั้นน่ะ อยากให้ผมอยู่ค้างคืนที่นี่หรอ?”
เลลาอยากจะปิดประตูอัดหน้าคนคนนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด “กลับไปเลยไป"
“ไม่ได้จริง ๆ เหรอครับ" คำถามทวนซ้ำนั้น ทำให้เลลารู้สึกวูบวาบในหัวใจอย่างประหลาด ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนค่อย ๆ ลดลง เมื่อดามิทรีสาวเท้ากลับเข้ามาในบ้าน การป้องกันตัวของเลลาเริ่มลดลงเมื่อหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
ดามิทรีแตะมือลงบนเอวบางขณะที่เลลาถอยหลังไปชนผนัง ดวงตากลมช้อนมองขึ้นราวกับกำลังออดอ้อนอย่างไม่รู้ตัว
“เลลา พี่ขอจูบเราได้ไหมครับ ถ้าเราจูบพี่ แผลอาจจะหายไวขึ้นก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริง“เพราะเลลาเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัวสำหรับพี่ครับ”
“นิทานหลอกเด็กทั้งนั้น อย่ามาทำให้ฉันรู้สึกไขว้เขวหน่อยเลยน่า" เลลาเสียงแข็ง พยายามที่จะหลุดออกจากการไล่ต้อนในครั้งนี้ แต่มีหรือที่คนเจ้าเล่ห์อย่างดามิทรีจะยินยอมให้จบลงง่าย ๆ
“นะครับ…จูบโอ๋พี่หน่อยนะครับ"
ริมฝีปากอิ่มของเลลาเม้มแน่น แต่ไหนแต่ไรเธอพอรู้มาว่าการจูบของคนที่นี่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าจูบแล้วอีกฝ่ายอาจจะยอมรามือแล้วรีบกลับไปเลยก็ได้ หญิงสาวยกแขนหนึ่งขึ้น โน้มศีรษะของชายหนุ่มให้ลงมาใกล้แล้วกดจูบมอบให้เบา ๆ หนึ่งที
“พอใจหรือยังคะ?”
“ยังค่ะ" เมื่อเปิดช่องให้ได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว เลลาก็ไม่อาจหนีพ้นคมเขี้ยวของหมาป่าเจ้าเล่ห์ได้ “บี๋ขาของพี่"
ดามิทรีดันร่างของเลลาที่กำลังโอนอ่อนไปกับแรงอารมณ์ที่ค่อย ๆ ไหลเวียนมาอย่างเชื่องช้าให้นอนราบลงไปบนโซฟา เสื้อผ้าของทั้งสองคนค่อย ๆ หลุดลุ่ยออก แต่ดูเหมือนฝ่ายของเลลาจะเปลือยมากกว่า มือหนาปลดสายชั้นในสีดำสนิทตัดกับผิวขาวนวลนั้น จนทรวงอกอวบอิ่มปรากฏชัดแก่สายตาของเขา
“อย่ามองนะ!” เลลาร้องห้าม แรงอารมณ์ทำให้หญิงสาวอ่อนแรงกว่าปกติมาก ความไม่เคยและใหม่กับเรื่องบนเตียงทำให้เลลาไม่รู้ว่าควรใช้วิธีไหนจึงจะหลุดรอดไปจากสถานการณ์นี้ได้
ดามิทรีเลือกที่จะไม่ทำตามที่คนใต้ร่างสั่ง แต่เขาโน้มใบหน้าลงไปฟอนเฟ้นหน้าอกขาวผ่องทั้งคู่อย่างรู้สึกชอบใจ เรียกเสียงร้องครวญครางจากคนที่อยู่เบื้องล่างได้เป็นอย่างดี สองขาเรียวของเลลาเบียดเข้าหากันด้วยความเสียดเสียว ชายหนุ่มจึงใช้มือแยกมันออกแล้วสัมผัสกับส่วนอ่อนไหวของหญิงสาวแผ่วเบา
สัมผัสแปลกใหม่ทำให้เลลารู้สึกกลัวระคนตื่นเต้น หญิงสาวกำแขนของดามิทรีเอาไว้แน่น แล้วร้องขอเสียงอ่อน “ไม่สอดใส่นะคะ…”
เมื่อเห็นหยดน้ำใส ๆ ที่ไหลรินออกจากดวงตาข้างหนึ่งนั้น ดามิทรีก็ใจอ่อนยวบ เขาหลงรักเลลามากเกินกว่าจะฝืนคำสั่งนั้นแล้วย่ำยีร่างกายขาวผ่องนี้ตามใจชอบ ชายหนุ่มเพียงแต่ใช้มือของตนเอง กดย้ำลงบนกลีบกุหลาบแรกแย้มที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหวานสีใสผ่านแพนตี้ตัวจิ๋ว นำพาให้เลลาได้พานพบกับความสุขที่ปลายทางเพื่อไม่ให้อารมณ์ของหญิงสาวคั่งค้าง
เลลาตัวกระตุกไปตามการชักจูงจากคนมากประสบการณ์กว่านั้น ร่างบางยกเอวขึ้นสูงเมื่อถึงขีดสุดของห้วงอารมณ์ ส่วนล่างกระตุกเข้าหามือหนาอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ฮื่อ..”
“เด็กดีของพี่…ไว้คราวหน้า พี่ไม่ปล่อยให้หยุดแค่ตรงนี้นะคะ" ดามิทรีแต้มริมฝีปากลงจูบคนที่นอนหมดแรงอยู่ เมื่อเลลารวบรวมแรงและสติได้มากขึ้นก็รีบผลักต้นแขนของอีกฝ่ายให้ถอยห่างจากตน
“คนลามก"
“แต่เมื่อกี้บี๋ขาก็มีความสุขดีนะคะ" ดามิทรีเอ่ยหยอกเย้า
“เลิกเรียกฉันแบบนั้นซักทีเถอะน่า!” ใบหน้านวลขึ้นสีแดงแจ๋ เมื่ออีกฝ่ายพูดถูกทุกประการ เมื่อได้เห็นคนตัวเล็กเขินแบบนั้นดามิทรีก็ยิ่งชอบใจ เขาเดินถอยหลังไปที่ประตูอย่างอารมณ์ดี
“ไว้เจอกันนะคะ อย่าลืมทานเบอร์เกอร์ที่พี่ซื้อไว้ให้ด้วยล่ะ" หนุ่มหล่อหน้าเทพบุตรแต่ร้ายกาจยิ่งกว่าปีศาจโบกมือให้ก่อนที่จะเดินลับจากประตูไป เลลาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโมโหเมื่อรู้ตัวว่าตนเสียท่าให้กับดามิทรีแล้ว
“อย่าหวังว่าจะมีคราวหน้าเลย ฉันไม่ใจอ่อนง่าย ๆ หรอก ชิ"
…
เช้าวันใหม่ในลอนดอนสำหรับเลลานั้นแสนสดชื่น แม้ว่าสัมผัสเมื่อวานจะตามหลอกหลอนอยู่ในฝันก็ตาม หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายจนไม่อยากลุกจากเตียง
หากวันนี้ไม่ได้มีนัดเข้าไปพบอาจารย์ประจำคลาสวิชาเอกมหาโหด
ดวงตากลมสีนิลกะพริบเล็กน้อย ๆ เพื่อไม่ให้แสงแดดที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างส่องโดนตาของเธอโดยตรง เลลาลุกขึ้นนั่ง หาวหวอด ๆ เหมือนคนนอนไม่อิ่ม ทั้งที่หลับมากว่า 12 ชั่วโมง ที่ปลายเตียงมีแล็ปท็อปวางทิ้งไว้ไม่ได้พับหน้าจอลง
เมื่อวานช่วงเย็นเธอแก้ไขวิทยานิพนธ์ของตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน นับว่าเป็นโชคดีที่ขาของเธอไม่ได้ฟาดไปโดนแล็ปท็อปจนร่วงลงจากเตียงเป็นอันต้องเสียเงินไปซะก่อน
เลลาลุกขึ้นสวมสลิปเปอร์สีฟ้าประดับด้วยมาสคอตซินนามอนโรลคู่ใจ แล้วเดินลากเท้าไปคว้าเอาชุดคลุมอาบน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวในยามเช้าให้เสร็จเรียบร้อย
เธอยังมีเวลาเหลือประมาณชั่วโมงกว่า ๆ มหาวิทยาลัยอยู่ไม่ไกลมาก แต่ถึงกระนั้นการเดินเท้าก็ยังต้องใช้เวลาอยู่ดี อันที่จริงเลลามีรถสปอร์ตส่วนตัวอยู่ในโรงจอดรถ เพียงแต่ไม่ค่อยอยากเอาออกมาใช้งานเท่าไหร่
ใช้เวลาเพียง 15 นาที เลลาก็ออกจากห้องน้ำมานั่งเป่าผมให้เรียบร้อย พลางคิดว่าวันนี้จะทำทรงผมอะไรไปที่มหาวิทยาลัยดี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังคิดไม่ออก สุดท้ายก็เลยจบลงที่ทำผมเป็นมวยง่าย ๆ
ลุคไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ของเลลาจึงเป็นเสื้อยืดแขนกุดสีครีม สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวแบรนด์ดังสีน้ำตาลเอิร์ธโทน ส่วนล่างเป็นกระโปรงทรงจีบรอบใส่พร้อมถุงน่องสีดำ
เมื่อร่างกายพร้อม หญิงสาวก็คว้ากระเป๋าผ้าสะพายข้างสีดำมาถือไว้ แล้วเดินไล่หยิบของที่ต้องใช้ในการไปเข้าเรียนเข้ากระเป๋าทีละชิ้น เริ่มจากแท็บเล็ตพกพาง่าย หนังสือวิชาเอกมหาโหดที่ถ้าหากลืมจะได้รับสายตาพิฆาตจากศาสตราจารย์ และเครื่องเขียนจุกจิกสองสามชิ้น
เรือนร่างเพรียวระหงหมุนตัวอยู่หน้ากระจกครู่หนึ่งเพื่อเช็คดูความเรียบร้อยของตัวเอง เมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนไหนบกพร่องเลลาก็เดินออกจากบ้านมาแล้วล็อคกุญแจให้เรียบร้อยตามกิจวัตรที่เคยทำเป็นประจำ
เลลาคิดว่าเช้าวันนี้จะต้องเป็นวันที่สดใส เป็นวันที่จะต้องเริ่มต้นด้วยเรื่องดี ๆ และจะต้องมีแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุขไปตลอดทั้งวัน ทว่าทันทีที่หันหน้าออกจากประตูแล้วมองไปที่รั้ว
รถยนต์คันหรูแสนคุ้นตาก็จอดเทียบอยู่ พร้อมกับร่างสูงโปร่งของหนุ่มนักบินว่างงานที่ยืนเก๊กหล่ออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อเหมือนเทพกรีกของเขาสวมทับเอาไว้ด้วยแว่นสีชา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหล่อน้อยลงสักนิด กลับกันดูเท่ขึ้นกว่าเดิมหลายระดับ ไหนจะเสื้อเชิ้ตที่วันนี้เลือกใส่สีขาว คลุมทับด้วยเสื้อโค้ทตัวยาวถึงหน้าขาสีน้ำตาล ที่ดูเหมือนตั้งใจใส่มาคู่กับเลลาราวกับแอบติดกล้องไว้ในบ้าน
“คุณกัปตัน!” ตอนนี้เลลากำลังจะบ้าตายแล้ว ทำไมถึงได้เจอหมอนี่ตั้งแต่หัววันเลยล่ะเนี่ย