ได้ยินเช่นนี้ มาร์คัสถึงกับหน้าตึง จู่ๆ อาการแปลกๆ ก็เกิดขึ้นในหัวใจ คว้ามือเล็กกระชากเข้าหาตนเอง แล้วเค้นถามเสียงแข็ง
“คุณจะใช้นามสกุลของใคร ป้าไข่”
“หยุดเรียกฉันว่าป้าไข่ได้แล้ว ฉันไม่ชอบ และก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจคือเอมมี่ต่างหาก”
“ก็ได้ ถ้าคุณต้องการให้ผมรับผิดชอบเอมมี่ คุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าผมเป็นพ่อของเด็ก ในเมื่อตัวผมเองยังจำไม่ได้เลยว่าไปยุ่งกับน้องสาวของคุณตั้งแต่เมื่อไรกัน”
มาร์คัสเอ่ยท้า อยากรู้เหมือนกันว่าปาลิตาจะเอาหลักฐานอะไรมาอ้างว่าเขาเป็นพ่อของเอมมี่
“อยากเห็นหลักฐานใช่ไหมคะ ได้ค่ะ ฉันจะเอาให้คุณดู”
ปาลิตายิ้มเยาะ เชื่อว่าอีกสักครู่ ผู้ชายคนนี้จะพูดไม่ออก เมื่อเห็นหลักฐานที่เธอและเอมมี่มีอยู่ในมือ หญิงสาวหันไปมองหลานสาว พร้อมกับบอกว่า
“เอมมี่จ้ะ เอาภาพถ่ายที่เอมมี่เก็บไว้ให้แด๊ดดี้ดูสิค่ะ”
“ได้ค่ะ ป้าไข่”
เอมมี่รับคำ ปลดกระเป๋าเป้ใบเล็กที่ตนเองสะพายติดตัวมาด้วยออกมารูปซิบ แล้วหยิบภาพถ่ายปึกหนึ่งส่งให้กับมาร์คัส
“นี่ค่ะแด๊ดดี้ รูปของแด๊ดดี้ ของมามี้ และรูปของเอมมี่ค่ะ”
มาร์คัสรับภาพถ่ายในมือของหนูน้อยเอมมี่มาถือไว้ และแค่เพียงเห็นภาพแรก ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในทันที
“ลูร์คัส...”
ริมฝีปากสีเข้มพึมพำเรียกชื่อคนในภาพเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นปาลิตาก็ยังคงได้ยินเสียง และอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“แหม...ยังดีนะคะที่คุณจำรูปภาพของตัวเองได้”
มาร์คัสไม่ตอบ เขาเงยหน้ามองปาลิตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบดวงตาดูรูปภาพในมือไปเรื่อยๆ และขณะทอดสายตามองภาพถ่ายเหล่านี้ ก็ลอบกัดฟันแน่น กักเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจ
“คนนี้คือน้องสาวของคุณ แม่ของเอมมี่”
มาร์คัสเอ่ยถาม ขณะจิ้มนิ้วไปยังภาพๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นภาพของหญิงสาวแสนสวย หน้าตาละม้ายคล้ายกับคนที่ยืนกัดฟันดังกรอดๆ อยู่ตรงหน้าเขา
ปาลิตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ เมื่อผู้ชายคนนี้จำน้องสาวของเธอไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งคนที่เขาเคยบอกว่ารักและพร้อมจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย
“ใช่ค่ะ ปารุดา น้องสาวของฉัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือเมียของคุณ”
มาร์คัสถอนหายใจลึก ไม่สนใจคำเหน็บแนมของปาลิตา เขาดูรูปภาพไปเรื่อยๆ จนครบทุกภาพ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงติดเศร้าๆ
“ผมขอเก็บภาพพวกนี้ไว้ได้ไหม”
ปาลิตาเหลือบสายตามองรูปภาพที่ชายหนุ่มแยกออกเป็นสองกอง กองหนึ่งมีภาพของเขาและภาพของปารุดาซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายคู่กันด้วย ส่วนอีกกองเป็นภาพของน้องสาวเธอและภาพของเอมมี่เท่านั้น ซึ่งเธอเห็นเขาจับแค่ภาพถ่ายของตัวเอง จากนั้นก็เอ่ยตอบเสียงแข็งว่า
“ฉันยกภาพถ่ายทั้งหมดให้คุณ เพราะฉันอัดภาพถ่ายเหล่านี้ไว้หลายชุดแล้ว”
“ไม่ ผมต้องการแค่ภาพของลู...ของผมเท่านั้น”
มาร์คัสชะงักคำพูดไปชั่วขณะ น้ำเสียงนั้นติดเศร้าสร้อย ตอนที่หลุดชื่อออกมาแค่เพียงประโยคแรก ทว่าปาลิตาไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียว
“บอกแล้วยังไงล่ะคะ ว่าฉันยกภาพให้คุณทั้งหมด และคราวนี้คุณจะง้างปาก ยืดอกรับได้หรือยังว่าคุณเป็นพ่อของเอมมี่ หรือถ้าหลักฐานเหล่านี้ไม่หนักแน่นพอ คุณจะตรวจดีเอ็นเอก็ได้”
“ไม่จำเป็น” มาร์คัสปฏิเสธ ก่อนจะถามความต้องการของปาลิตา “คุณจะให้ผมรับผิดชอบเอมมี่ยังไง ยกมรดกครึ่งหนึ่งของผมให้กับเอมมี่ยังงั้นหรือ”
“ไม่จำเป็นค่ะ” ปาลิตายืมคำพูดของมาร์คัสมาใช้บ้าง “ฉันมีเงินมากพอโดยไม่จำเป็นต้องให้หลานสาวของฉันมาแย่งมรดกไปจากคุณ แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือให้คุณรับเอมมี่เป็นลูก และดูแลเธอในขณะที่เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน...”
น้ำเสียงในตอนท้ายสั่นเครืออย่างหักห้ามเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นเจ้าตัวก็หันไปกอดหลานสาวไว้แน่น ซึ่งทั้งน้ำเสียงที่เอ่ยพูดสั่นเทา ทั้งกริยาที่ป้า หลาน ตกอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ทำเอามาร์คัสรู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
“ที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่หมายความว่ายังไง ป้าไข่” มาร์คัสเอ่ยถามให้คลายความสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบจากปาลิตา
“คุณอย่ารู้เลยค่ะ ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายมากพอ และสงสารเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณเอง คุณควรตอบตกลงแทนที่จะซักไซ้ฉันไปมากกว่านี้”
“ก็ได้ ผมจะจดทะเบียนรับรองเอมมี่เป็นลูกของผม”
มาร์คัสรับคำในที่สุด สร้างความพึงพอใจให้กับปาลิตาเป็นอย่างมาก ส่วนเอมมี่ก็ยิ้มกว้างหุบไม่ลง เมื่อกคนที่หนูน้อยเรียกว่าแด๊ดดี้ยอมรับเธอเป็นลูกแล้ว
“แค่จดทะเบียนรับรองยังไม่พอ คุณต้องให้เอมมี่อยู่กับคุณ และดูแลเอมมี่ระหว่างฉันกลับไปแอล เอ”
ปาลิตาออกคำสั่ง ซึ่งเป็นคำสั่งที่มาร์คัสสาบานว่าจะไม่ตกลงรับคำอย่างแน่นอน ก็เมื่อถูกใจป้าไข่หนักหนา เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้เธอต้องไปอยู่ไกลจากตัวเขาด้วย
“อันนี้ผมไม่ตกลง” มาร์คัสปฎิเสธเสียงห้วน
และปาลิตาก็ขึ้นเสียงในทันที “เอะ! เงื่อนไขง่ายๆ เพียงแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้ เอมมี่โตแล้ว สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง คุณแค่เพียงดูแลเธอในบางเรื่องเท่านั้น แค่นี้คุณทำไม่ได้เลยหรือยังไงกัน”
“ถ้าหากคุณยอมอยู่ที่นี่กับผม เอ้ย! อยู่กับเอมมี่ ผมก็รับปากว่าจะดูแลเอมมี่เป็นอย่างดี และจะพาเอมมี่ไปอยู่ในคอนโดของผมด้วย”
มาร์คัสเสนอเงื่อนไข ขณะเดียวกันก็นึกขบขำตัวเอง ที่แทบแก้ตัวในประโยคแรกไม่ทัน หลังจากเผลอไผลหลุดคำพูดออกไป
“ฉันอยู่ในเมืองไทยได้ไม่นาน ฉันมีงานที่ต้องทำในแอล เอ”
ปาลิตาเป็นฝ่ายปฏิเสธบ้าง ใช่ว่าเธออยากทิ้งหลานสาวไว้กับพ่อที่ไม่เคยรับผิดชอบลูก แต่เพราะมีงานสำคัญให้ต้องทำ เธอจึงไม่สามารถอยู่กับเอมมี่ได้