ขณะที่จอยกำลังจะสบถด้วยถ้อยคำหยาบคายร้ายกาจ เบ็นก็ตามเข้ามาในห้องน้ำด้วยความรู้สึกสบายอารมณ์
ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกและพูดช้า ๆ “เอาเลย ผมไม่รังเกียจที่จะให้คุณสบถบนเตียง”
จอยได้ฟังถึงกับพูดไม่ออก
เมื่อเบ็นอวดหุ่นงามของเขาต่อสายตาของหญิงสาว จอยยังคงมองเมินไปทางอื่นด้วยความเขินอาย ถึงแม้ว่าเธอมีอะไรกับเขาแล้วก็ตามที
เดี๋ยวนะ มันยังไม่จบอีกหรือไง? เขาถอดเสื้อผ้าออกทำไม?
ขณะที่จอยกำลังจะถาม เธอได้ยินเสียงน้ำไหลซู่จากฝักบัวด้านหลัง
เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอก็จำใจต้องออกมาจากห้องน้ำเสียเอง
ทันทีที่เธอเห็นเบ็นเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูสีชมพูของเธอพันรอบเอว จอยกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“คุณ... ไม่อยากกลับบ้านหรือไง”
เบ็นเหลือบมองเธอโดยไม่ตอบคำถาม จากนั้นเดินตรงไปที่เตียงของเธอแล้วทิ้งตัวลงนอน
หญิงสาวเห็นภาพนั้นแล้วก็จนปัญญา
เห็นชัดแล้วว่าไม่มีทางที่เขาจะออกไปจากห้องนอนของเธอ
ขณะที่จอยกำลังคิดว่าคืนนี้เธอควรนอนที่ไหน เบ็นซึ่งอยู่บนเตียงก็พูดด้วยน้ำเสียงขัดใจ
"มานี่สิ"
จอยรู้ว่าการปฏิเสธเขาไม่ใช่เรื่องฉลาด เพราะถ้าขืนทำ มันจะต้องเป็นเรื่องเป็นราวและครอบครัวของเธอจะต้องรู้เรื่องแน่ ๆ
หญิงสาวก้าวเดินไปหาเบ็นอย่างเชื่องช้า และวินาทีที่เธอเข้าใกล้เตียง เขาก็กระชากตัวเธอ
“อุ๊ย!”
จมูกของเธอกระแทกแผ่นอกบึกบึนของเบ็นจนมันรู้สึกชา และน้ำตาเอ่อคลอสองตาของเธอ
จอยอยากจะนวดจมูก แต่ถูกเขากกกอดไว้
ทั้งสองอยู่ในท่าที่ดูเหมือนกับเบ็นกำลังนอนกอดตุ๊กตาหมี
ประเด็นก็คือ เธอไม่ใช่ตุ๊กตาหมี! มันอึดอัดจะแย่ที่โดนกอดแน่นขนาดนี้!
แม้จะรู้สึกไม่สบายตัว แต่จอยไม่ปริปากพูดอะไร เธอตัดสินใจจะปล่อยเลยตามเลยจนกว่าเบ็นจะหลับ
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอคงนอนไม่หลับเพราะท่านอนอันแสนอึดอัดนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อจอยลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
และไม่มีใครนอนอยู่ข้างกาย เธอเห็นก็แต่ผ้าเช็ดตัวสีชมพูตรงปลายเตียง
ถ้าเบ็นไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้ในห้องน้ำ เธอคงจะคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเพียงความฝัน
“ติ๊ง!” เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดึงความสนใจของจอย
เธอเห็นข้อความหนึ่งปรากฏอยู่ด้านบนของหน้าจอ ข้อความนั้นให้ความรู้สึกบีบบังคับ ช่างเหมือนกับผู้ส่ง เบ็นจอมวางอำนาจ
“สาวน้อย ตื่นแล้วโทร. หาผมด้วย!”
จอยดูข้อความนั้นแล้วพูดอะไรไม่ออก
......
ทางตอนเหนือของเมืองนี้ ผืนป่าซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลถูกกว้านซื้อไปเมื่อสองสามปีก่อน และมีการสร้างที่พักตากอากาศส่วนตัวขนาดใหญ่ในพื้นที่ดังกล่าว
มีศาลา ลานหิน และบ้านพักหลายหลังรอบ ๆ ที่พักตากอากาศ รวมทั้งสระบัวซึ่งมีฝูงปลามากมาย
ที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่มีภูมิทัศน์อันสวยงาม แต่ยังติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้านที่ทันสมัยที่สุดในโลกอีกด้วย
มีป้ายชื่อติดอยู่ที่ทางเข้าด้านหน้า เขียนว่า "พาวิลเลียนแมนชัน"
แค่ชื่อของสถานที่ก็สะท้อนถึงความวางอำนาจและความมาดมั่นของผู้เป็นเจ้าของแล้ว
เจ้าของจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตไม่ใช่เล่น จึงสามารถกว้านซื้อที่ดินผืนยักษ์และสร้างสถานพักตากอากาศส่วนตัวที่ทั้งหรูหราและล้ำสมัย
ทันทีที่มาถึงโฮมออฟฟิศของ พาวิลเลียนแมนชัน เบ็นมองดูข้อความที่ส่งไปบนโทรศัพท์ของเขาพร้อมรอยยิ้ม
อันที่จริง มีเอกสารกองโตรอการอนุมัติจากเขา แต่เห็นชัดว่าเบ็นไม่มีอารมณ์จะอ่านอะไรทั้งนั้น
จังหวะที่นาธาน สก็อตต์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยส่วนตัวเข้ามาในห้อง เขาเห็นเบ็นกำลังจับจ้องโทรศัพท์ด้วยแววตาอ่อนโยน
นาธานทำงานให้เบ็นมานับสิบปี แต่นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เขาเห็นเบ็นมีอาการเหม่อลอย
และเนื่องจากเขาไม่เคยเห็นอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าของเบ็นมาก่อน ผู้ช่วยจึงประหลาดใจ แล้วเขาก็รู้สึกด้วยว่า เบ็นดูมีชีวิตชีวามากกว่าที่เคย
"อะแฮ่ม..."
นาธานกระแอมเพื่อดึงความสนใจจากเบ็น
ทันทีที่เบ็นเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มหายวับไป แล้วเขาก็ปั้นหน้าเย็นชาเคร่งขรึมตามเดิม
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทันทีเช่นนั้นทำให้นาธานนึกสงสัยว่า รอยยิ้มที่เขาเพิ่งเห็นบนใบหน้าของเบ็นเป็นเพียงภาพลวงตาใช่หรือเปล่า