เขาคือ เบ็น พาดิลลา!
พอจอยทำท่าจะกรีดร้องตามสัญชาตญาณ เบ็นก็เอามือปิดปากเธอในทันที
“ยังไม่ถึงเวลาที่คุณจะกรีดร้อง!”
เสียงของเขาทุ้มลึกและเย้ายวนเหมือนเช่นเคย แต่มันกลับทำให้จอยสั่นสะท้าน
แน่นอนว่าเป็นเพราะความทรงพลังของเบ็น แม้ว่าชายหนุ่มจะระบายรอยยิ้มยียวนบนใบหน้า แต่เขาก็แผ่รัศมีความเคร่งขรึมน่าเกรงขามออกมาอยู่ดี
จอยจึงหวาดกลัวเขา
แต่เรื่องของเรื่องก็คือ เธอไม่รู้ว่าเหตุใดเบ็นจึงมาตามหาเธอ เพราะในชีวิตเก่า ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันอีกนับจากวันนั้น
เขาอยากเป็นผู้ชายของเธอจริง ๆ น่ะเหรอ?
"คุณ... คุณมาที่นี่ทำไม"
ยิ่งไปกว่านั้น จอยเพิ่งย้ายกลับมาที่นี่เมื่อตอนบ่าย พอตกค่ำเขาก็มาหาเธอถึงในห้อง ช่างเป็นผู้ชายที่จัดเจนอะไรเช่นนี้!
เนื่องจากจอยเกิดที่นี่ เธอจึงเข้าใจดีว่าผู้คนแถบนี้มีภูมิหลังที่แตกต่างกัน
อีกทั้งพวกที่มีนามสกุลพาดิลลาต่อท้ายก็หายากไม่เพียงแต่ในเมืองนี้ แต่ทั่วประเทศเลยก็ว่าได้
สรุปว่าเขาเป็นใครกันแน่?
แล้วในสนามก็มีสุนัขเฝ้าอยู่ด้วย รวมทั้งบอดี้การ์ดที่คอยเดินสำรวจตรวจตราตอนกลางคืน
เขาหนีรอดสายตาเหล่านั้นและเข้ามาในห้องของเธอได้อย่างไร?
เบ็นมองดูจอยที่กำลังตื่นตระหนก และดูเหมือนจะพอใจ
ถึงกระนั้นเขาก็จะไม่ไขข้อสงสัยต่าง ๆ ของเธอ เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการตามหาใครหรืออยากจะไปที่ไหน เขาจะหาวิธีได้เสมอ
“คุณบล็อกเบอร์ผมทำไม”
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เบ็นชักโกรธขึ้นมาอีก
โดยปกติแล้วผู้หญิงทุกคนจะเข้ามาเสนอตัวให้เขา
แต่จอยเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา แล้วเธอกลับบล็อกหมายเลขโทรศัพท์ของเขา!
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าค่อยไปพบเธอหลังจากเสร็จงานทุกอย่างแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาเอาแต่หวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ชายหนุ่มจึงต้องพักเรื่องงานไว้ก่อนและรีบโทร. หาเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทร. หาผู้หญิงก่อน แต่เมื่อเขากดหมายเลข เขาได้รับเพียงข้อความตัดสาย
หลังจากถามบรรดาลูกน้อง เบ็นก็ตระหนักว่าหมายเลขของเขาถูกบล็อก!
เยี่ยม นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำกับเขาแบบนี้
เขาโมโหมาก และสั่งให้ลูกน้องค้นหาว่าเธอพักอยู่ที่ไหน
ตอนที่เบ็นเข้ามาในห้องของเธอ เขาได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ เขารู้สึกเร่าร้อนไปทั่วร่างในทันใด
เมื่อได้ตัวเธอมาอยู่ในกุมมือแบบนี้ เขาก็สามารถใช้เวลาสั่งสอนบทเรียนที่ "ไม่อาจลืม" ให้เธอได้อย่างเต็มที่
ส่วนจอยซึ่งถูกเบ็นรวบคอ ไม่กล้าพอที่จะบอกความจริงกับเขา
เธอหลบเลี่ยงสายตาของชายหนุ่ม แล้วพูดด้วยเสียงขาด ๆ หาย ๆ "ฉัน... ฉันทำโทรศัพท์ตก ฉันคิดว่าโทรศัพท์พังแล้ว"
เมื่อเป็นเรื่องโกหก จอยรู้ว่าเธอสู้คาร์ลีไม่ได้ และเธอหวังอย่างหมดใจว่า เบ็นจะหลงเชื่อเธอ
อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่าเธอหวังสูงเกินไป
“โอ้ จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าให้เสียเรื่องอีกจะดีกว่า”
จบคำพูดนั้นเบ็นก็โน้มตัวลงและยกร่างจอยขึ้นมาในอ้อมแขน
ทันทีที่ถูกยกร่างขึ้นจากพื้น จอยกรีดร้อง
แต่จังหวะที่เธอส่งเสียงร้อง เบ็นประกบจูบที่ริมฝีปากของหญิงสาวแล้วกดร่างเธอลงบนเตียง
อ้อ ตอนนี้เบ็นรู้แล้วว่าทำไมชื่อจอยจึงหมายถึงความสุข การจูบริมฝีปากของเธอดูเหมือนจะปลุกเร้าความสุขในตัวเขา
จอยเองก็รู้สึกทึ่งกับสัมผัสละมุนจากริมฝีปากนุ่ม ๆ ของเขาบนริมฝีปากของเธอ
เธอเกือบลืมไปเสียแล้วว่า เขาใช้เวลาทำเรื่องบนเตียงนานขนาดไหนเมื่อคืนก่อน
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เธอจำได้ก็คือ เบ็นยังไม่เคยจูบเธอที่ริมฝีปาก
และในตอนนี้ ชายหนุ่มเริ่มใช้กำลังกับเธอและรุกเร้าทุกทางที่ทำได้ ราวกับว่าเขาจะกลืนกินจอยเสียเดี๋ยวนั้น
เมื่อคิดได้ว่าเบ็นกำลังจะทำอะไร จอยก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที จากนั้นเธอพยายามผลักเขาออกด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี หากแต่ไม่ได้ผล
และตอนนั้นเอง ใครบางคนมาเคาะประตู "ก๊อก ก๊อก!"
จากนั้นทั้งสองก็ได้ยินคุณปู่บิลลี่ร้องถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "เกิดอะไรขึ้น จอย เปิดประตูสิ"