บทที่ 2 เลขาฯ คนใหม่ - 100%

1583 คำ
ช่อมาลีไม่กล้ามองภาพที่เกิดเหตุเต็มตานัก รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิง และร่างนั้นหมดลมหายใจไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนัยน์ตาของหล่อนเบิกโพลงเหลือกขึ้นไปด้านบน ที่คอมีรอยปาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดล้นทะลักออกมาจากบาดแผลจนไหลออกมายังบริเวณทางเดินด้านนอก เธอไม่รู้ว่าศพมีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่ เพราะไม่กล้ามองอีกต่อไป แค่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ติดตาเสียจนทำเอาเธอไม่สามารถข่มตาหลับลงได้ มีแต่คริสที่ใช้ไฟฉายส่องกราดไปทั่วบริเวณราวกับต้องการหาอะไรบางอย่าง ทั้งยังทำท่าเหมือนจะเข้าไปดูที่ศพใกล้ ๆ ดีที่เธอดึงเสื้อเขาไว้ไม่ให้เข้าไปข้างใน จากนั้นจึงพากันเดินออกมาที่ลานจอดรถเหมือนเดิม โดยตกลงกันเอาไว้ว่า ถ้าหากวันรุ่งขึ้นยังไม่มีใครเจอศพ คริสจะเป็นคนแจ้งตำรวจด้วยตนเอง และจะเป็นคนบอกกับตำรวจว่าเขากับเธอเป็นคนพบศพโดยทำทีเป็นว่าเขาเข้ามาหากุญแจบ้านที่ทำหล่นหายซึ่งเธอก็เข้ามาเป็นเพื่อน แล้วบังเอิญมาพบศพเข้าพอดี และถ้าตำรวจเรียกตัวไปสอบถาม หรือสอบปากคำก็ให้บอกทุกอย่างไปตามความจริง เพราะเธอดันไปเหยียบรอยเลือดเข้า ซึ่งถ้าหากตรวจสอบขึ้นมา ตำรวจต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นรอยรองเท้าของเธอ หากเธอไม่พูดไปตามความจริงอาจจะถูกมองว่าเป็นผู้ต้องสงสัยได้ อะไรก็ไม่น่าสลดใจเท่ากับว่าเสียงที่เธอได้ยินนั้น ไม่ใช่เสียงของคนกำลังประกอบกามกิจกัน แต่น่าจะเป็นเสียงดิ้นรนขอความช่วยเหลือจนเฮือกสุดท้ายมากกว่า นั่นก็แปลว่าตอนที่เธอได้ยินเสียงครั้งแรก ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตาย ซึ่งหากเธอรู้สักนิดว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น บางทีอาจจะช่วยเหลือผู้หญิงโชคร้ายคนนั้นได้ทันเวลา ประตูห้องส่วนตัวของท่านประธานเปิดพรวดออกมาจนช่อมาลีสะดุ้งเฮือก เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วก็อยากถามเหลือเกินว่าเรื่องเป็นอย่างไร แต่เนื่องจากสถานะตอนนี้ทำให้เธอไม่สามารถซักถามอะไรเขาได้ จึงได้แต่นิ่งเงียบ เหลือบมองคนที่เดินงุ่นง่านไปมาด้วยความร้อนรนจนกระทั่งเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า “คุณช่อมาลี เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกคงไม่เข้ามาแล้วล่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรคุณโทร. หาคุณมุกได้นะ ผมจะแจ้งเขาไว้ว่าผมรับคุณเข้าทำงานแล้ว” เขาพูดจบก็พรวดพราดเดินออกจากห้องไป ทิ้งเลขาฯ คนใหม่ไว้ในห้องเพียงลำพัง โดยมีสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย และความอยากรู้เต็มเปี่ยมของเธอมองตามหลัง “ไม่ได้การแล้ว ต้องโทร. ไปเล่าให้คริสฟัง” หญิงสาวกดโทรศัพท์หาเพื่อนในวง เล่าเรื่องที่ตนบังเอิญได้งานใหม่เป็นเลขาฯ ส่วนตัวของพชร นำมาซึ่งความแปลกใจในทฤษฎีโลกกลมอยู่ไม่น้อย จนกระทั่งมาถึงเรื่องเมื่อครู่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าตอนนี้มีคนพบศพแล้วถึงได้มีคนโทร. ตามให้พชรไปที่คลับโดยด่วน ร่างสูงโปร่งของพชรก้าวลงจากรถด้วยความร้อนรน เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในอาคารทันที ไฟตรงทางเดินถูกเปิดไว้สว่างไสว รวมกับไฟจากสปอร์ตไลต์อันใหญ่ที่ภีมพลสั่งให้คนมาวางตั้งไว้เพื่ออำนวยความสะดวกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเก็บหลักฐาน งานนี้โชคดีที่ตำรวจในท้องที่ที่เข้ามาจัดการทำคดีเป็นญาติสนิทกับภีมพล เขาจึงสามารถปิดข่าวไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูนักข่าวทั้งหลายได้ “สวัสดีครับพี่พล” พชรยกมือไหว้นายตำรวจที่ยืนอยู่ข้างภีมพล ก่อนจะหันไปหาเพื่อนรัก “ตกลงเป็นน้องออยจริง ๆ หรือวะ” ชายหนุ่มพูดกับภีมพล อีกฝ่ายก็พยักหน้าให้แทนคำตอบ ภีมพลชวนพชรกับจุมพลให้ขึ้นไปคุยกันบนออฟฟิศ ทั้งสามคนจึงพากันเดินขึ้นบันไดไป และปิดประตูห้องคุยกันอยู่ในนั้น “เห็นไอ้ภีมมันบอกว่าเมื่อคืนแกอยู่กับน้องคนที่ตายเมื่อคืนนี้ใช่ไหม” ร้อยตำรวจเอกจุมพลเปิดปากสอบถามเพื่อนสนิทของลูกพี่ลูกน้องทันที เขาไม่ได้สงสัยพชร เพียงแต่เขาต้องรู้เรื่องทุกอย่างว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม “ครับ! ผมสนุกกับเธอประมาณสองชั่วโมงได้...ที่ห้องนี้นี่แหละ เสร็จแล้วเธอก็แต่งตัวเดินออกจากห้องไปเอง ส่วนผมก็ขับรถกลับบ้านเพราะน้องเขาบอกว่าจะอยู่สนุกกับเพื่อนจนถึงเวลาผับปิด” พชรตอบไปตามความจริง “มีใครรู้เรื่องที่เธอขึ้นมาเล่นจ้ำจี้กับแกบนนี้รึเปล่า” สารวัตรหนุ่มยังคงถามต่อ “ก็น่าจะมีเพื่อน ๆ ของเธอที่โต๊ะนั่นแหละครับ แล้วก็คุณแมท ผู้จัดการของที่นี่ เพราะไอ้ภีมมันเป็นคนให้คุณแมทพาสาว ๆ ขึ้นมาหาพวกผมข้างบน” “อืม...ดูจากสภาพศพแล้วเหมือนคนร้ายกับผู้ตายมีเรื่องแค้นเคืองอะไรกันอยู่แน่ ๆ เพราะนอกจากปาดคอแล้วเนี่ย ยังแทงพรุนไปทั้งร่างอีกด้วย เหมือนเป็นเรื่องหึงหวง ไม่ใช่ว่าคนตายมีสามีอยู่แล้วเรอะ พอจับได้ว่าแอบมามีกิ๊กที่นี่เลยบันดาลโทสะ” สารวัตรหนุ่มตั้งข้อสันนิษฐาน ภีมพลเองก็ส่ายหน้าไปมาเหมือนคนคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ “อันนี้ผมก็ไม่รู้นะพี่ แต่สาว ๆ กลุ่มนี้มากันทุกศุกร์เสาร์อาทิตย์เลยนะ ถ้าให้พูดกันตามตรงก็เหมือนกับว่า...พวกเธอค่อนข้างฟรีเซ็กซ์กันเลยมากกว่า ประมาณว่าถูกใจใคร หรือคุยถูกคอกับใครก็สามารถหิ้วขึ้นเตียงได้ทันที กลุ่มนั้นมีกันสี่คน ทั้งสี่คนนั้นผมก็ลองมาหมดแล้ว ผมเลยเลือกเอาจานที่แซ่บที่สุดส่งให้ไอ้โอมมันลองบ้าง แล้วก็มาเกิดเรื่องนี่แหละ” ภีมพลยืนเอาสะโพกพิงกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ บอกเล่าเรื่องที่ตนรู้ให้พี่ชายฟังอย่างหมดเปลือก “คืนนี้พี่อยากให้แกเรียกพวกนักดนตรีมาหน่อยได้รึเปล่า พี่อยากสอบปากคำพวกเขาหน่อย พวกนั้นมีเล่นให้ที่อื่นอีกไหม เพราะเมื่อครู่พี่คุยกับเจ้าภีม เห็นมันบอกว่าพนักงานกลุ่มสุดท้ายที่เดินออกจากอาคารน่าจะเป็นพวกนักดนตรี ซึ่งมันตรงกันกับรายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุเมื่อสักครู่ว่าพบรอยรองเท้าบูตของผู้หญิงอยู่ใกล้กับบริเวณที่พบศพ” สารวัตรจุมพลรู้มาว่านักร้องนำของวงดนตรีวงใหม่เป็นผู้หญิง จึงคาดเดาได้ว่าคนพบศพคนแรกไม่น่าจะเป็นแม่บ้านทำความสะอาด แต่น่าจะเป็นนักร้องนำสาวคนนั้น “พี่พลหมายความว่าม็อทน่าสงสัยหรือครับ” พชรอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นสารวัตรหนุ่มพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่พี่อยากรู้มากกว่าว่าถ้าเธอเป็นคนพบศพคนแรก แล้วทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจ เขารออะไร ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไป ถ้าเจอศพปุ๊บก็ต้องแจ้งตำรวจทันที แต่นี่นอกจากทิ้งรอยเท้าเอาไว้แล้ว ยังปิดเงียบอีกต่างหาก” จุมพลตั้งข้อสงสัย “ผมว่าบางทีเขาอาจจะไม่อยากยุ่งเรื่องพวกนี้ก็ได้นะครับ เพราะมันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่น่ะ ไหนจะต้องโดนสอบปากคำ ไหนจะต้องเป็นจุดสนใจของคนอื่น เขาก็เลยทำเฉยไว้” พชรพูดอย่างที่ใจคิด แต่ภีมพลกลับหันมองหน้าเพื่อนอย่างแปลกใจที่จู่ ๆ ก็เห็นเพื่อนรักออกโรงปกป้อง และแก้ตัวแทนนักร้องนำสาวสวย เสียงจากวิทยุสื่อสารของสารวัตรหนุ่มดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปจดจ่อกับเสียงนั้น “สารวัตรครับ รบกวนลงมาข้างล่างหน่อยครับ พวกผมเจออะไรบางอย่าง” เสียงผู้ใต้บังคับบัญชาพูดผ่านลำโพงออกมา ทำให้ทั้งสามคนหันมองหน้ากัน สารวัตรหนุ่มจึงพยักหน้าให้ชายหนุ่มอีกสองคนเพื่อชักชวนกันลงไปข้างล่าง เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเจอนั้นคืออะไร “มีอะไร” สารวัตรจุมพลถามผู้ใต้บังคับบัญชา นายตำรวจคนนั้นจึงเดินนำไปที่ศพของหญิงสาวที่นอนราบอยู่กับเปลหาม พชรแทบไม่กล้ามองร่างเหยียดยาวตรงหน้า ไม่อยากเชื่อว่าร่างที่ไร้ลมหายใจนั้นเพิ่งจะสร้างความสุขสุดยอดให้กับเขาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มือที่สวมถุงมือยางของเจ้าหน้าที่เลิกผ้าขาวที่คลุมศพไว้ออกจากร่างนั้น เผยให้เห็นชุดเกาะอกสีแดงเพลิงของเจ้าตัวที่ขาดวิ่นเป็นทางราวกับถูกมีดกรีดลงไปซ้ำแล้วซ้ำแล้ว จนพชรกับภีมพลต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เจ้าหน้าที่คนเดิมจับร่างนั้นพลิกให้นอนคว่ำลง แล้วแหวกชุดที่ขาดให้แยกออก เผยให้เห็นข้อความจากปากกาเคมีสีน้ำเงินที่เขียนไว้กลางหลังของศพคำเดียวสั้น ๆ “ร่าน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม