Don't call me Baby! Chapter 2.1

3916 คำ
อิอิ อายจัง ถ้าจะบอกว่าที่ปวดท้องน่ะ คือว่าท้องเสียอ่ะครับท่าน ก็ผมกินก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำส้มสายชู แล้วไอ้ดำมันก็สั่งส้มตำ ลองชิมคำเดียวเองนะ ไม่อยากจะเชื่อ ว่ามันมีพิษสงรุนแรงปานนี้ ไปไม่ถึงโรงพยาบาลหรอกครับ เพราะขอเข้าข้างทางไม่ไหว เคยเป็นไหม แบบว่าท้องเสีย จนจะเป็นลมน่ะ มันมีเหงื่อไหลออกมาตามตัว ให้ตายเถอะ เกิดมาผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ อายจริงจัง             “โอ้ยเนาะ เฮากะนึกว่าปวดท้องโรคกระเพาะเนาะ อีหยังปวดขี้จนจะเป็นลม” ไอ้เล็กดำครับ แหมนะ มาลองเป็นเหมือนกูดูไหมล่ะมึง อะไรล่ะก็คนมันไม่เคยกินนี่หว่า เพราะมึงนั่นล่ะ เอาส้มตำน้ำดำๆมาให้กินเห็นมะ             “นี่นาย อย่าไปบอกใครนะเรา เอ่อ อาย” ผมบอกมันออกไป มันมาส่งที่บ้านล่ะครับ พี่ต้อยก็ต้อนรับมันอย่างดี ผมนอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้หวายชั้นล่าง             “เห็นบ่ไปกินหยังบ่เบิ่งติ๊นี่ ขี้แตกขี้แตน” ขอร้องอย่าบ่น คนยิ่งร่างกายขาดน้ำอยู่นะว้อย             “เอื้อยเป็นคนไสครับ” ไอ้ดำมันคุยกับพี่ต้อยล่ะครับ ผมก็นอนหายใจพะงาบๆอยู่             “เอื้อยเป็นคนอุบล คนวารินทร์เคยไปอยู่เบาะ”             “บ่เคย เคยไปแต่เมืองอุบล”             “ฮ่วยเมืองอุบลกับวารินทร์มันติดกันเด้ แม่นเคยไปอีหลีหรือขี้ตั๋ว”             “แหะๆ เคยๆ ผมไปสอบเด้เคยไปสอบเข้าเบ็ญจฯแต่บ่ได้”             “ว้าย บ่อยากคุย เอื้อยเป็นศิษย์เก่านารีฯเด้อค่า สมัยเอื้อยเรียนน่ะบ่แม่นคือแนวนี้เด้ ผู้บ่าวเก่าเอื้อยกะอยู่เบ็ญจฯ”             “เอ่อ พี่ต้อย อยากกินน้ำอุ่นๆอ่ะ อย่าเม้ากันเยอะได้ป่ะ เวียนหัว ฟังไม่ทัน” ผมขัดจังหวะครับ เพราะดูท่าคงจะน้ำไหลไฟดับแน่ๆสองคนนี้             “อย่าฟ้าวเมือเด้อ เอื้อยสิตำบักยมสู่กิน เนี่ยต้นข้างบ้านดกอีหลี” ฟังออกไม่ออก ก็พยายามหน่อยนะครับ ผมขี้เกียจจะแปล เพราะปวดปากแทนเหมือนกัน             “บ้านโตเป็นตาอยู่เนาะ” ไอ้ดำมันมองไปรอบๆบ้านครับ หน้าอยู่ ตรงไหนวะเนี่ย พูดไปแล้วคิดถึงบ้านที่บางเขนโว้ย ป่านนี้คงกำลังเดินกับโจ้ที่ สยามอยู่แน่ๆ เป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ว่าแล้วบีบีหาดีกว่า             “ตัวเอง คิดถึง” อิอิ น่านะนิดหน่อยเอง ผมกดโทรศัพท์อยู่ ไอ้ดำมันทำท่าสนใจครับ             “โว้ ใซ้บีบีพู้นตั้วนี่ ของเฮายังเป็นโนเกียรุ่นโบราณอยู่เลยนิ เฮาเบิ่งแน่” มันทำท่าอยากรู้มากครับ ผมเลยตัดใจ จะมาทำท่าหวงของตอนนี้ก็คงไม่ดี             “แป๊บ” แหมนะ คนเขาจะสวีตกับแฟน ไอ้นี่มารจริงๆ ที่โรงเรียนยิ่งไม่มีสัญญาณอยู่ด้วย             “คุยกะแฟนติ๊ ไสแฟนโตงามบ่” มันทำท่ายื่นหน้ามาดูครับ             “ไม่ให้ดู นี่นาย ไม่กลับไปเรียนเหรอ เพิ่งจะบ่ายเองนะ” ผมเปลี่ยนเรื่องครับ เพราะเรื่องส่วนตัว ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายมากนัก ผมไม่ชอบ             “บ่ไปขี้คร้าน สิอยู่กินตำบักยม” เออดี แหมนะ ผมจะกดบีบีก็ไม่ค่อยถนัด คุณแฟนก็ไม่ยอมตอบเสียที อ้าว หรือว่าเขาเรียนอยู่วะเนี่ย อ่า             “อ่ะ ดูดิ” ผมเลยจำเป็นต้องยื่นให้มันครับ ไอ้ดำมันก็จับเล่นไปมาผมก็นอนผ่อนลมหายใจ             “เป็นอะไร ไหนเป็นอะไรอุ่น พ่อได้รับโทรศัพท์จากโรงเรียน ว่าอุ่นปวดท้อง ต้องพาไปโรงบาล ไหนเป็นอะไร” เอ่อ พ่อผมกลับมาครับตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เออลืม ก็บ้านผมอยู่ในละแวกของที่ว่าการอำเภอนี่นะ ก็จวนผู้ว่านั่นล่ะครับ ทำเป็นลืมไปได้กู             “ไม่เป็นไรหรอกพ่อ อุ่นแค่ท้องไม่ดี” ผมตอบออกไป ไม่อยากจะบอกความจริง ไอ้ดำมันยกมือไหว้พ่อผมครับ พ่อผมเองก็ยืนมองมันอยู่             “อุ่นเป็นอะไรเหรอลูก เราเป็นคนพาไปหาหมอเหรอ” พ่อผมนั่งลงแล้วถามมัน แหมนะ พอคุยกับไอ้ดำ ทำเสียงยังกะพระเอกของทีมพากษ์นนทนัน ประมาณนั้น เวอร์มากคุณพ่อ             “เอ่อครับ แต่ว่าอุ่นเขา” ไอ้ดำมันหันมามองผม อย่านะมึงอย่าบอกนะว่ากูขี้แตก ผมเองก็ถลึงตาใส่มันครับ เงียบไปเลย ผมด่ามันด้วยสายตา เงียบ             “อุ่นทำไมลูก” พ่อผมก็นะ สอบสวนเหมือนโคนัน อะไรเนี่ย             “อุ่นไม่ป็นไรหรอกพ่อ แล้วพ่อไม่ทำงานเหรอ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องครับ             “คุณพ่อซาย กลับมาเฮ็ดหยังคะ คุณอุ่นขี้แตกซื่อๆ ไปกินส้มตำมาค่า บ่ ได้เป็นโรค” ผ่าง เจ็บปวด ผมที่กำลังจะยันตัวขึ้นจากเก้าอี้หวาย ล้มลงไปเหมือนเดิมทันที พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่             “ขี้แตก!!!!” พ่อผมลุกขึ้นยืนในทันที เสียงพระเอกเมื่อครู่กลายเป็นตัวร้ายขึ้นมาทันที             “พ่อเสียเวลาทำงานนะ รู้ไหมอุ่น เนี่ยเพิ่งจะได้รับตำแหน่งใหม่ ขี้แตกก็ลาโรงเรียนเหรอ ทำไมทำแบบนี้” อ่า นี่ผมผิดเหรอเนี่ย อะไรวะก็คนมันท้องเสียแบบรุนแรงอ่ะ ทำไมไม่มีใครเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องตลกนะท่านผู้อ่าน เคยเป็นป่ะถามจริงๆ แบบว่าปวดท้องตอนแรก ไม่คิดว่าจะปวดท้องห้องน้ำนี่ มันปวดมากๆ ปวดจนเหงื่อแตกหน้ามืดอ่ะ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ามันจะอาหารเป็นพิษ เข้าใจกันบ้างไหมเนี่ย             “เอ่อ แล้วกินยาหรือยังล่ะลูก” อ่านะ เปลี่ยนเสียงโดยทันทีครับ พ่อผมไม่ได้สร้างภาพอะไรหรอกครับ เวลาอยู่กับผมน่ะ แต่ด้วยความที่ผมบ่นในใจไม่พูด พ่อผมก็เลยคงคิดได้เองล่ะว่าผม ไม่พอใจ!! ไอ้ดำนี่มันทำท่าเหวอไปเลยครับ ผมไม่ตอบเช่นเคย เมินหน้าหนี เบื่อพี่ต้อยด้วยอะไรไม่รู้             “อุ้ย เคียดเด้ค่านั่นน่ะ คุณพ่อซายไปเฮ็ดงานโลดค่า เดี๋ยวต้อยสิเฮ็ดบัวลอยสู่คุณอุ่น เดี๋ยวกะเซาเคียดค่า” งดแปลนะครับ อ่า ใช้ไม้ตายอีกแล้ว ผมรักบัวลอยไข่หวานมากๆ ชอบเข้าเส้น             “จริงนะพี่ต้อย” ผมพูดออกมาครับ แอบทำตาแบบว่าวิ้งๆเต็มที่ หวานปากล่ะวันนี้ อิอิ             “นั่นแน่ เซาเคียดแล้วติ๊ค่า” แหมนะ คนยิ่งมีอารมณ์ๆอยู่นะ อย่ามายั่วโมโหให้มาก เดี๋ยวจะจัดหนัก             “เอื้อย ไสว่าสิตำบักยม ฮ่วยถ่ากินอยู่เด้นี่” ไอ้ดำครับ ทวงๆ มีทวง แหมนะ ส้มตำนรกนั่นมึงยังไม่พอใจอีกเหรอ จะกินตำมะยมอีกว่างั้น             “ตำค่า บักยมกะสิตำ บัวลอยกะสิเฮ็ด ไปซ่อยเอื้อยต่อยมาแน่ติ๊ล่ะ” แปล ให้ครับเอาท่อนสุดท้ายพอ ผมไม่สบายอยู่นะ พี่ต้อยบอกว่าให้ไอ้ดำไปช่วยสอยมะยมให้หน่อย เดี๋ยวจะตำให้กิน ประมาณนี้ ถ้าแกนโลกไม่เคลื่อนเสียก่อน ความหมายก็คงไม่คลาดไปจากนี้ แว้กก อ้างไปโน่นเกี่ยวไร เกี่ยวสิ ก็จะได้แสดงให้รู้ว่าผมน่ะเรียนเก่งแค่ไหน เฮอะ สรุปว่า ไอ้ดำมันก็รีบวิ่งไปหลังบ้าน กับพี่ต้อยเสียงคุยกันออกรสออกชาติ แหมนะ แล้วกูล่ะ ผมก็จิบชาหิมาลายันไปพลางๆ มีจริงนะ ชาเนี่ยพ่อผมได้มา ปกติผมไม่กินชา แต่ยกเว้นอันนี้เพราะมันหอมมาก ขอบอกว่ามากๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าผมหลับไป จะด้วยเพลียหรืออะไรไม่รู้ แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เพราะเสียงสองคนนี่ล่ะครับจอแจอยู่ข้างหู             “ตื่นแล้วติ๊คุณอุ่น เป็นจั่งได๋ ไคแน่บ่ค่า” พี่ต้อยที่กำลังปั้นแป้งทำบัวลอย ถามผมไอ้ดำมันก็ช่วยอยู่ อ้าวไอ้นี่ยังไม่กลับบ้านกลับช่องเหรอเนี่ย เหลวไหลจริงๆ             “อ้าว ตื่นแล้วติ๊ มาๆมาปั้นบัวลอยซ่อยกัน” ไอ้ดำมันพูดครับแหมมึง เห็นกูหลับตาอยู่หรือไงวะ ผมลุกจากเก้าอี้หวายล่ะครับ แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้า             “ใกล้เสร็จยังอ่ะพี่ต้อย อยากกินแล้วนะ” พอออกมาผมก็นั่งลงม้านั่งหินอ่อน ตรงข้ามกับทั้งสองคนมองดูอยู่เฉยๆ ไม่มีทางหรอกนะที่คนอย่างอุรดิศจะมาทำแบบนี้             “ฮ่วย บ่ซ่อยกันเฮ็ดสิได้แล้วไวไว” ไอ้ดำครับ แน้ยังมาเร่งอีกกูไม่ทำเว้ย             “ทำไมนายปั้นลูกใหญ่จังอ่ะ มันก็ไม่สุกง่ายอ่ะดิ มานี่ ทำเป็นป่ะเนี่ย” เอ่อนะ ก็แหม คนมันทนไม่ได้อ่ะ เห็นไอ้ดำทำแล้วท่าทางจะเคี้ยวไม่ลง ต้มอยู่เป็นวันแน่ๆ มานี่มาต้นตำรับทำให้ดู             “อย่าโสกันเด้อค่า เดี๋ยวเอื้อยไปเตรียมเฮ็ดกับเข่าก่อน เดี๋ยวคุณพ่อซาย กลับมาสิว่าเอา น้องเล็กไปต้มน้ำไว้ลวกติ๊ ให้คุณอุ่นเฮ็ดถ่า” ผู้กำกับเดินไปแล้วครับ แหมนะ สั่งเอาๆแล้วก็ไป ไอ้ดำมันก็ลุกตามไปทันทีครับ ผมสิ โว้ยนะ สรุปก็กู เออนะ อยากกินต้องทำเองด้วยเหรอวะเนี่ย ไม่ยุติธรรมเลย             “สวัสดีจ๊ะ พ่ออยู่ไหมจ๊ะ” หือใคร หมายถึงใคร ถามกูอยู่เหรอ ผมเงย หน้าขึ้นครับ หันไปมองรถกระบะที่จอดอยู่หน้าบ้าน ป้าคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาผม             “เอ่อ สวัสดีครับ พ่อยังไม่กลับครับ” ผมลุกขึ้นไหว้แกล่ะครับ ก็แหมนะ บอกแล้วว่าตระกูลผมผู้ดีเก่ามารยาทน่ะมี             “นี่หนูเป็นลูกชายคุณปลัดใช่ไหมจ๊ะ” อ้าวป้า หลานมั้งเนี่ย             “ครับ” “ไอ้เดี๋ยว มานี่เดี๋ยวนี้ นี่ใช่ไหม ที่มึงไปทำร้ายน้องเขา มึงไปทำ น้องเขาทำไม หน้าตาเขาออกจะผู้ดี มึงนี่มันจัญไรจริงๆ มานี่เดี๋ยวนี้” เอ่อ โอ้ป้า ป้าชมผมเหรอ ชมผมอยู่ใช่ไหมว่าผมดูมีสกุลรุนชาติ แน่นอน เห็นมะ ผมบอกแล้วว่าผมน่ะมาจากตระกูลผู้ดีเก่า อิอิ แต่เอ๊ะ อะไรเดี๋ยวๆนะ             “หยังอ่ะแม่ กะปลัดยังบ่ทันกลับบ่แม่นติ๊ มาขอโทษปลัดเด้ไม่แม่นมัน” เชี่ย ไอ้เลวมาบ้านกูทำไม หนอยแน่ ถ้าไม่เห็นแก่แม่มึงนะ กูกระโดดเตะแล้วนะ เห็นแก่หน้าแม่มึงนะเนี่ย             “ยังอีก ทำผิดแล้วยังไม่สำนึก มาขอโทษน้องเขาเดี๋ยวนี้” โอ้ป้า ผมรักป้าจังเลย ฮ่าๆ อยากจะตะโกนให้ก้องฟ้า แสดงว่านี่ป้าเห็นว่าผมหน้าเด็กกว่าอายุใช่ไหมเนี่ย อ๊ากก ดีใจ มีความสุข             “น้องหยังล่ะแม่ มันอายุซ่ำกัน”             “ไม่เท่า” เอ่อ ผมดอดขึ้นครับ มันทำตายักษ์ใส่ผม อ้าวทำไมอ่ะ ก็พูดเรื่องจริง อย่างน้อยก็หน้ากูเด็กกว่ามึงก็แล้วกันวะ             “มึงเกิดเดือนไร” “กุมภา” อ้าวกูไปตอบมันทำไมเนี่ย             “สัดน้องกูไม่กี่วัน กูเกิด มกรา เห็นบ่แม่ มันน้องเดี๋ยวบ่จั๊กมื้อเด้ล่ะ” เอ่อ ไม่น่าเลยกู             “มึงนั่นล่ะ ขอโทษเพื่อนเขา ขอโทษเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ปลัดจะมา หรือมึงจะขอโทษเพื่อนเขาต่อหน้าปลัด” คุณป้าแกตะเบ็งเสียง ใส่ไอ้บ้านี่เต็มที่ครับ หนอยนะ นักเลงโตต่อหน้าแม่นี่หงอยเชียว             “โทษ” มันกระแทกเสียงมาครับ ผมก็เชิดหน้า ทำเป็นไม่ได้ยิน แหมนะ จะขอโทษกูน่ะ ขอโทษกูดีๆหน่อยได้มะ ดีๆแบบว่าพอจะหลับหูหลับตาพอให้อภัยได้อ่ะ             “พูดดีๆ” แม่มันกระแทกหลังมันครับ อิอิ มีความสุข ผมรักป้ามากนะ ป้าเข้าใจผมที่สุด             “ฮื่อ ซ่ำนี้ล่ะพอแล้ว หยังอ่ะแม่ พ่อมันมาเดี๋ยวก็ต้องขอโทษมันอีกอยู่ดี เว้าหยังหลายเทื่อ ปวดปาก” เอ่อ ไอ้เชี่ยนี่             “ไอ้เดี๋ยว” มันเดินหนีออกไปแล้วครับ พอดีเลยพ่อผมขับรถกลับมาแล้ว มึงนะมึง คอยดูกูจะเอาให้หนักเลย ผมรีบลุกขึ้น ทำหน้าให้ดูว่าไม่สบายเข้าให้มาก กูดูตอแหลไปไหมเนี่ย ไม่รู้โว้ย หมั่นไส้มัน หนอยแน่ดูมันทำหน้าใส่ผมนะ ไม่มีสำนึกผิดเอาเสียเลย ไอ้เลว!             “สวัสดีค่ะ คุณปลัด ดิฉันเป็นแม่ของตาเดี๋ยว วันนี้จะมาขอขมาที่ลูกชาย ดิฉันไปทำร้ายลูกชายของคุณปลัดน่ะค่ะ ดิฉันเลี้ยงลูกไม่ดีเอง ขอให้คุณปลัดอย่าถือสาหาความเลยนะคะ เพราะตอนนี้ลูกชายดิฉัน ก็ถูกพักการเรียนอยู่แล้วค่ะ” คุณป้าแกเพ้อออกมายาวเหยียดครับ พ่อผมยืนนิ่งอยู่แล้วหันมามองที่ผม             “อ้าวไหนบอกท้อง” “พ่อ” เอ่อ อย่านะ อย่ามาเผาลูกตัวเองต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้นะ ไม่ยอมจริงๆด้วย             “ลูกดิฉัน มันเลวเองล่ะค่ะ สั่งสอนไม่หลาบไม่จำ กลับบ้านไป ดิฉันจะลงโทษให้หนัก และสัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ไอ้เดี๋ยวมากราบขอโทษคุณปลัดเดี๋ยวนี้นะ” คุณป้าแกทำหน้าเศร้า เหมือนกำลังดูละครที่แพนเค้กเล่น แล้วแพนเค้กโดนนางอิจฉาตบประมาณนั้นล่ะครับ             “หือ ไม่เป็นไรหรอกครับ มีเรื่องกันเหรออุ่น” อ้าว แทนที่จะถามพวกมันนะ มาถามลูกตัวเองทำไมเนี่ย คุณป้าแกก็บอกปาวๆอยู่ อะไรอ่ะพ่อ             “อ่า มะ มี มะ ไม่ นิดหน่อยอ่ะพ่อ” อ้าวกูดันติดอ่างซะงั้น พอดีกับพี่ต้อยกับไอ้ดำมันเดินออกมาครับ คนที่โดนสอบก็เป็นไอ้ดำไปแทนผมซะนี่ ผมนั่งฟังอยู่ แต่ไม่นาน พ่อผมก็ไล่ให้ผมขึ้นห้องไป อ้าวอยากรู้อ่ะ ทำไงดีวะเนี่ย ไม่เป็นไรเดี๋ยวสืบจากศพ เอ้ย สืบจากพี่ต้อยก็ได้ รายนี้มีอะไร ถึงผมหมดทุกเรื่องเหมือนกัน ผมรออยู่บนห้องใจเต้นตึกตัก หมั่นไส้ไอ้นั่นก็หมั่นไส้ ตอนที่แม่มันเรียกให้เข้ามาไหว้พ่อผม มันทำหน้าแบบว่าไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลยนะ จองหองที่สุด คอยดูนะมึง             “โตๆ พ่อโตให้มาเอิ้นน่ะ” เสียงไอ้ดำครับ มันเคาะห้องผม ผมรีบเปิด ประตูออกไปทันที             “อ่า เดี๋ยวนะ เราปวดท้องอีกแล้วอ่ะเล็ก บอกพ่อรอแป๊บนะ เออ พวกนั้นไปหรือยัง” ไม่ได้ปวดหรอกครับ แต่ว่าแสดงไปงั้นล่ะ ให้ผู้ใหญ่เขาเห็นใจ เรยาไปไหมเนี่ยกู             “บ่ทันไป เร็วๆเด้อ มีข่าวดีจะบอก อิอิ”             “หือ ข่าวดีไร บอกมาเร็ว”             “ไสว่าปวดท้อง ไปขี่ก่อนติ๊เดี๋ยวขี่แตกนะ” จิ๊ ไอ้บ้านี่ อารมณ์เสียดันมารู้ทันกูอีก หนอยนะ แทนที่จะบอกมา ผมทำหน้าหงิกใส่มันแล้วเดินเข้าห้องน้ำตรงทางขึ้นชั้นสอง เข้าไปดูหน้าตัวเองเท่านั้นล่ะครับ จะเอาน้ำสาดใส่หน้าให้ดูเหมือนเหงื่อออกเยอะๆดีไหมเนี่ย เอ๊ะ หรือว่าจะขยี้ตาให้เหมือนว่าปวดท้องหนักจนร้องไห้ดีไหมนะ ไม่ได้ๆ เราต้องเล่นแบบนี้ให้ไอ้นั่นมันโดนพ่อด่า อิอิ             “คุณอุ่นขา แล้วหรือยังคะ เพิ่นถ่าโดนแล้วเด้” แง่ว พี่ต้อยนะ เออๆ ออกไปก็ได้วะ สรุปก็ไมได้สาดอะไรใส่ตัวเองทั้งนั้นล่ะครับ ได้แต่คิด คิดนานไปไหมเนี่ยกู ฮึ ในที่สุดก็ต้องเดินลงมาแบบหน้างอๆล่ะครับ             “อุ่น พ่อรู้เรื่องแล้วนะ อย่าไปโกรธเพื่อนเขาเลยนะ เพื่อนเขายอมรับผิดแล้ว พอดีพ่อกับคุณแม่ของเพื่อนเขา คิดว่าจะให้ลูกกับ ชื่อไรนะ” “เดี๋ยวค่ะ” “อืมกับนายเดี๋ยวเนี่ย พอดีพ่อโทรไปถามทางโรงเรียนเมื่อกี๊ เห็นเขาบอกว่าจะมีการเข้าค่ายภาษาอังกฤษ ไหนๆอุ่นก็ถนัดอยู่แล้วนี่ เลยจะให้ไปด้วยกัน เผื่อว่าจะได้ปรับความเข้าใจกัน ได้เป็นเพื่อนกัน เพื่อนเขาอยากจะแก้ตัว” พ่อผมพูดยืดยาวครับ ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่นักหรอก ไม่ใส่ใจ เห็นไหมผมบอกแล้วว่าผมน่ะเรียนเก่ง อิอิ แม้จะเก่งวิชาเดียวก็เถอะ ไม่อยากจะโม้อ่ะ ก็เด็กโรงเรียนคริสต์เก่านี่นะ แต่เอ๊ะ ให้ไปไหนนะ แว้กก พ่อ             “ไม่ใช่แก้ตัวค่ะคุณปลัดขา เป็นการทำโทษ ไถ่โทษมากกว่าค่ะ น้องลูกอุ่นขา ถ้าหากว่าไอ้เดี๋ยวมันทำอะไรไม่ดี มาบอกแม่ได้เลยนะคะ แม่จะจัดการมันเอง” “หยังอ่ะแม่ บ่เอา” “หุบปาก ไม่เอาหรือมึงจะพักการเรียน” อิอิ สม เสือกดีนัก ผู้ใหญ่เขาคุยกันดันมาทำสู่รู้ ผมยิ้มออกมา ไอ้บ้านั่นมันถลึงตาใส่ผมล่ะครับ แต่ แว้กก พ่ออ่ะไม่เอาแบบนี้นะไม่ไปกับมัน ไม่เอาๆๆ             “ว่าไงอุ่น โอเคไหมเราน่ะ” ไม่ๆ ไม่โอเค ไม่เอาแบบนี้ แบบนี้มันไม่ใช่ แนวทางการแก้ปัญหา ถ้าหากว่าไปเข้าค่ายอะไรนั่น แล้วมันทำร้ายผมล่ะ พ่ออ่ะคิดอะไรบ้างไหมเนี่ย คิดบ้างไหม แว้กก โมโห             “อะเค” เอ่อ ตบผมที โมโหตัวเอง พูดอะไรที่มันยาวๆกว่านี้หน่อยได้ไหมเนี่ยอุรดิศ แว้กก ทำไงดีๆ             “งั้นตามนี้นะครับคุณแต๋ว สรุปว่าวันศุกร์นี้ ให้ทั้งสองคนเป็นตัวแทน โรงเรียนไปเข้าค่ายภาษอังกฤษ เมื่อกี๊ผอ.บอกว่าจะให้อาจารย์พรมาคุยกับผมอีกทีหนึ่ง ไม่ทราบว่า ทานข้าวเย็นมาหรือยังครับ ทานข้าวเย็นด้วยกันเลยก็แล้วกันนะครับ เรื่องเด็กมีเรื่องกันนั้น อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ คิดว่าเป็นการเข้าใจผิดกันดีกว่า วัยรุ่นก็แบบนี้ล่ะ หน้าตาอุ่นคงจะไม่เข้าตาเราสินะ นายเดี๋ยว”             “แม่นครับ หน้ามันกวนตีน” “ฮ่าๆๆ ตรงดีนะเราน่ะ” เอ่อ พ่อชมมันทำไมเนี่ย อะไรอ่ะพ่อ โว้ยย โมโห ไหนจะไปชวนมันกินข้าวเย็นอีก ไม่เข้าใจ ไม่มีวันเข้าใจ จะด้วยมีมารยาทหรืออะไรก็ไม่รู้นะ แต่ไม่ชอบ ไม่เอาแบบนี้ พ่อนะพ่อ             “ทำอะไรกินหรือต้อย” พ่อผมหันไปถามพี่ต้อย ที่อ้าปากอยากจะพูดอยู่เต็มแก่             “มีต้มยำปลาช่อน ผัดเห็ดปลวก ยำสามกรอบเด้ค่าคุณพ่อชาย แต่เฮ็ดบ่อทันแล้ว อิอิ เจ๊มาซ่อยเฮ็ดได้บ่อค่า”             “ต้อย ไม่ดีนะ นี่แขกนะ รีบไปทำไป เอาน้ำเย็นมารับรองแขกด้วย” ไม่อยากจะเล่าต่อเลยว่าอะไรมันยังไง ผมโมโหมากๆ สรุปเลยก็แล้วกัน ว่าพ่อผมเชิญป้ากับไอ้บ้านั่นกินข้าวเย็นด้วย มีไอ้ดำอีกคน ผมยังสงสัยไม่หาย ว่าทำไมไอ้ดำมันไม่ยอมกลับบ้าน พ่อแม่มันไม่ถามถึงหรือไงนะ แล้วผมก็ยังไม่เข้าใจพ่อผมอยู่ดี ว่าการที่ผมจะให้ไปเข้าค่ายอะไรนั่นกับไอ้บ้านี่ คิดดีแล้วเหรอ เอาอะไรคิด ฮึ โมโห ไม่เข้าใจ ไม่เคยเข้าใจ ไม่มีวันที่จะเข้าใจ             “เฮาไปเบิ่งห้องโตได้บ่” ไอ้ดำมันมาสะกิดครับ ผมกำลังหน้าหักไปกันใหญ่ พอมันสะกิดผมก็สะดุ้งสินะ             “เออนั่นสิอุ่น ระหว่างรอข้าวเย็น พาเพื่อนขึ้นไปเล่นที่ห้องก่อนสิลูกเพล์ สามน่ะเอามาต่อ ต่อเป็นไหมลูก”             “เป็นครับ” ไอ้ดำรีบพูดครับ             “งั้นช่วยอุ่นยกทีวีขึ้นไปบนห้องหน่อยนะ โทษที พ่อเพิ่งจะย้ายมาข้าวของยังไม่เข้าที่เข้าทาง อ้าวไปด้วยกันสิลูกเดี๋ยว” เอ่อ นี่พ่อผมกำลังทำอะไรเนี่ย โมโห อยากวนไอ้ดำไปนะแต่ไม่ใช่มัน เกลียดมัน เกลียดๆๆๆ ไอ้บ้า ไอ้หน้าส้นทีน             “โห จอแบนด้วยว่ะ เพล์สามด้วย อยากเล่นๆ” ไอ้ดำครับ ผมนี่หน้าหงิกมาก หันไปมองหน้าพ่อผม             “อ้าวพาเพื่อนขึ้นไปสิอุ่น มายืนทำตาวิ้งๆอะไรใส่พ่อ อายห้องเหรอ พี่ต้อยเขาจัดให้แล้วนี่” ว้ากก พ่ออ่ะ โมโห โว้ยย หงุดหงิดๆๆ ไม่มีทาง ไอ้บ้านี่ไม่มีทางจะได้เห็นห้องนอนของผม จะไม่มีทางได้เห็นผ้าห่มลาย โดเรม่อนของผม             “ครับ” เอ่อ ตบผมอีกรอบทีครับ เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น แว้กกก             “วางตรงนั้นดีกว่า” ผมบอกไอ้ดำครับ มันยกโทรทัศน์ขึ้นมากับไอ้บ้านั่น ตอนแรกมันทำหน้า แบบว่าไม่อยากขึ้นมาหรอกนะครับ แหมนะกูก็อยากให้มึงขึ้นมาตายล่ะ ไอ้บ้า โมโห             “ฮ่าๆ ห้องเชี่ยไรเนี่ย ปัญญาอ่อน ผ้าห่มลายการ์ตูน เด็กเนิร์สเหรอมึงน่ะ ไอ้หน้าจืด” นั่นไงครับ โมโห หนอยแน่             “ไม่ได้เชิญนี่ เชิญเล็กคนเดียว”             “สัด เชี่ยพ่อมึงบอกให้กูขึ้นมาเองนะ กูไม่ได้อยากมาเหยียบหรอกนะ สัด” ควายเอ้ย คำก็สัตว์สองคำก็เชี่ย มันผูกติดปากมันไว้หรือไงนะ ไอหน้าส้นทีน เดี๋ยวเถอะมึงกูจะถีบให้             “เฮ้ย บักเล็กฟ้าวต่อกะน่ะ กูอยากเล่นเกม บ่แม่นมีแต่เกมแต่งโตตุ๊กตาตุ๊ดๆเด้อเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆๆ” แต่งตัวบ้านป๊ามึงสิ ไอ้ควายนี่ เดี๋ยวเถอะ ไม่ให้แม่งเล่นเลยนี่             “ต่อเป็นบ่บักเล็ก ฮ่วยเอามานี่” มันดันไอ้ดำออกครับ แล้วมันก็จัดการ ต่อโทรทัศน์กับเครื่องเล่น ท่าทางมันดูคล่องดีนะ เว้ย ไม่ชมๆเกลียดมันๆ ไอ้นี่ จับของกูระวังๆหน่อยได้ไหมวะ เชี่ยเดี๋ยวมันก็พัง ของกูยิ่งถนอมๆอยู่นะ ไอ้ควายนี่             “เฮ้ย มึงไม่มีเกมเตะบอลเหรอวะ มีแต่เชี่ยไรเนี่ย เทนนิส ตกปลา ปัญญาอ่อน” เอ่อ เวรเอ้ย เรื่องมากนักก็ไม่ต้องเล่นเว้ย ใครเขาขอร้องให้มึงเล่นเนี่ย เสือกเลือกมากอีกนะ คนเลว นิสัยเสีย ไม่ต้องเล่นปล่อยของกูเลยเดี๋ยวนี้เลย เอ้ย ไม่เอาๆ ไม่เอ่ยชื่อมันรังเกียจ             “ไม่มี” เอ่อ เงียบบ้าง เขาก็ไม่ได้ว่าเป็นใบ้หรอกนะอุรดิศ จะตอบอะไร ตอบแบบว่าด่ามันได้ป่ะ ขอร้อง ด่ามัน             “ตีเทนนิสกะได้ มานี่ กูสิตีอัดมึงบักเดี๋ยว”             “ป๊าด บักเล็ก มึงคือสิกล้า มานี่พ่อสิสอนลูกเอง” เอ่อ ได้ข่าวนี่ห้องกูนะ และนั่นก็ของๆกู ทำเหมือนผมเป็นแขก แล้วพวกมันเป็นเจ้าของห้องเลยนะครับ ไม่พอใจ โกรธ ไม่มีมารยาท ไม่มีคุณสมบัติผู้ดี เลว นิสัยแย่มากๆ แล้วกูจะทำอะไรล่ะทีนี้ เฮอะกูนะกู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม