bc

Don't call me Baby!, You're my Baby!

book_age18+
139
ติดตาม
1K
อ่าน
รักเพื่อน
แบดบอย
หวาน
ไบเซ็กชวล
มัธยมปลาย
มัธยมปลาย
like
intro-logo
คำนิยม

Don’t call Me BaBy!!

ไม่เข้าใจ ยังไงผมก็ไม่มีวันเข้าใจ ทำใจไม่ได้ อาจจะได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จะอะไรล่ะครับ ก็เรื่องย้ายโรงเรียนกลางเทอมนี่น่ะสิ มันสุดจะทนจริงๆนะ จิ๊ โมโห อารมณ์เสีย หงุดหงิด พ่อนะพ่อ ทำไปได้ ตัวเองเป็นข้าราชการแต่ดันไปรับเงินสินบน เอ่อนะ แหะๆ ลืมแนะนำตัว ผมชื่อ อุ่น ครับ อุรดิศ ชื่อไม่แปลกครับ แม่ผมตั้งให้ล่ะ พ่อผมบอก ตอนแรกแม่จะตั้งว่า อุดรทิศแต่แม่บอกมันเชย คนไม่ได้เดาประมาณนั้น ส่วนนามสกุล อย่าอยากรู้เลยครับเอาเป็นว่านามสกุลผมค่อนข้างเก่า ผมเป็นคนภูมิใจในนามสกุลนะครับ เพราะบรรพบุรุษผมค่อนข้างจะมีชื่อเสียง เพราะเป็นเจ้าขุนมูลนายกันเสียทุกรุ่นแต่นะ พ่อผมทำอะไรเนี่ย ทำอะไรลงไปไม่เข้าใจ เงินทองเราก็พอมีนะครับ แม่ผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบ ตอนนี้ 16 ย่าง 17 ผมอยู่ ม.5 ครับ เรียนโรงเรียนชื่อดัง ที่สวมกางเกงน้ำเงิน หรูหราไฮโซที่สุดย่านสามเสนนั่นล่ะครับ แต่เอาเถอะๆ ไม่ใช่เวลาจะมาภาคภูมิใจอะไรตอนนี้ ผมต้องระเห็จออกจากโรงเรียนกลางเทอมหนึ่ง ทั้งที่อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบมิดเทอม อะไรเนี่ย ผมไม่เข้าใจ พ่อนะพ่อ โกรธพ่อมากเลยนะครับขอบอก โกรธจนไม่ยอมคุย ผมอายเพื่อนๆ ผมอายแทนบรรพบุรุษ นี่เราสิ้นไร้ไม้ตอกมากขนาดถึงว่า พ่อผมต้องไปรับสินบนเขามาเลยเหรอ ผมไม่เข้าใจ ไม่รับฟังไม่ว่าพ่อจะพูดอะไรก็ตาม แต่ก็นะพ่อผมไม่บอกหรอกครับ มีแต่บอกให้เก็บของ

“โรงเรียนใหม่ก็เข้าท่าอยู่นะอุ่น พอเรียนได้ล่ะ” ไม่พูดดีกว่าไหมพ่อ หน้าลูกหงิกตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯตอนเช้ามืดแล้ว ไม่เห็นหรือไง เบื่อพ่อเว้ย โอ๊ย อยากจะกลั้นหายใจ ให้มันตายๆไปซะรู้แล้วรู้รอดเลย

“พ่อพลาดไปแล้ว อย่าว่าพ่อเลยนะอุ่น พ่อคิดผิดช่วยเขา ตอนแรกบอกไม่เอาๆ แต่เขาก็ยัดให้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้” จะบ่นเพื่อ? เฮอะ นี่ล่ะนะ อะไรเนี่ยตอนทำน่ะไม่คิด มาคิดตอนนี้เป็นไงล่ะ เขาไม่ไล่ออกจากราชการก็บุญเท่าไหร่แล้ว ดีนะแค่โยกย้ายตำแหน่ง

“ครับ” ผมพูดออกไป ดอกพิกุลยอมหลุดออกจากปากเสียที หลังจากที่นิ่งมานาน ก็นะมีกันอยู่สองคนพ่อลูกนี่นะให้ทำไง

“ตอนแรก อาจจะขลุกขลักหน่อยนะลูก แต่เดี๋ยวสักพักเราค่อยหาทาง

ขยับขยาย” ขยับขยาย? ไปไหนพ่อ หือ จะพาย้ายไปไหนอีก ต้องจากเพื่อนที่รัก

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
Don't call me Baby! Chapter 1.1
ไม่เข้าใจ ยังไงผมก็ไม่มีวันเข้าใจ ทำใจไม่ได้ อาจจะได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จะอะไรล่ะครับ ก็เรื่องย้ายโรงเรียนกลางเทอมนี่น่ะสิ มันสุดจะทนจริงๆนะ จิ๊ โมโห อารมณ์เสีย หงุดหงิด พ่อนะพ่อ ทำไปได้ ตัวเองเป็นข้าราชการแต่ดันไปรับเงินสินบน เอ่อนะ แหะๆ ลืมแนะนำตัว ผมชื่อ อุ่น ครับ อุรดิศ ชื่อไม่แปลกครับ แม่ผมตั้งให้ล่ะ พ่อผมบอก ตอนแรกแม่จะตั้งว่า อุดรทิศแต่แม่บอกมันเชย คนไม่ได้เดาประมาณนั้น ส่วนนามสกุล อย่าอยากรู้เลยครับเอาเป็นว่านามสกุลผมค่อนข้างเก่า ผมเป็นคนภูมิใจในนามสกุลนะครับ เพราะบรรพบุรุษผมค่อนข้างจะมีชื่อเสียง เพราะเป็นเจ้าขุนมูลนายกันเสียทุกรุ่นแต่นะ พ่อผมทำอะไรเนี่ย ทำอะไรลงไปไม่เข้าใจ เงินทองเราก็พอมีนะครับ แม่ผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 8 ขวบ ตอนนี้ 16 ย่าง 17 ผมอยู่ ม.5 ครับ เรียนโรงเรียนชื่อดัง ที่สวมกางเกงน้ำเงิน หรูหราไฮโซที่สุดย่านสามเสนนั่นล่ะครับ แต่เอาเถอะๆ ไม่ใช่เวลาจะมาภาคภูมิใจอะไรตอนนี้ ผมต้องระเห็จออกจากโรงเรียนกลางเทอมหนึ่ง ทั้งที่อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะสอบมิดเทอม อะไรเนี่ย ผมไม่เข้าใจ พ่อนะพ่อ โกรธพ่อมากเลยนะครับขอบอก โกรธจนไม่ยอมคุย ผมอายเพื่อนๆ ผมอายแทนบรรพบุรุษ นี่เราสิ้นไร้ไม้ตอกมากขนาดถึงว่า พ่อผมต้องไปรับสินบนเขามาเลยเหรอ ผมไม่เข้าใจ ไม่รับฟังไม่ว่าพ่อจะพูดอะไรก็ตาม แต่ก็นะพ่อผมไม่บอกหรอกครับ มีแต่บอกให้เก็บของ             “โรงเรียนใหม่ก็เข้าท่าอยู่นะอุ่น พอเรียนได้ล่ะ” ไม่พูดดีกว่าไหมพ่อ หน้าลูกหงิกตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯตอนเช้ามืดแล้ว ไม่เห็นหรือไง เบื่อพ่อเว้ย โอ๊ย อยากจะกลั้นหายใจ ให้มันตายๆไปซะรู้แล้วรู้รอดเลย             “พ่อพลาดไปแล้ว อย่าว่าพ่อเลยนะอุ่น พ่อคิดผิดช่วยเขา ตอนแรกบอกไม่เอาๆ แต่เขาก็ยัดให้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้” จะบ่นเพื่อ? เฮอะ นี่ล่ะนะ อะไรเนี่ยตอนทำน่ะไม่คิด มาคิดตอนนี้เป็นไงล่ะ เขาไม่ไล่ออกจากราชการก็บุญเท่าไหร่แล้ว ดีนะแค่โยกย้ายตำแหน่ง             “ครับ” ผมพูดออกไป ดอกพิกุลยอมหลุดออกจากปากเสียที หลังจากที่นิ่งมานาน ก็นะมีกันอยู่สองคนพ่อลูกนี่นะให้ทำไง             “ตอนแรก อาจจะขลุกขลักหน่อยนะลูก แต่เดี๋ยวสักพักเราค่อยหาทาง ขยับขยาย” ขยับขยาย? ไปไหนพ่อ หือ จะพาย้ายไปไหนอีก ต้องจากเพื่อนที่รัก จากแฟนสุดหล่อ ฮึ อยากจะเอาหัวโขกปูนให้ตายไปเลย             “เราย้ายไปจังหวัดไรนะพ่อ” ผมถามออกมาครับ เพราะกำลังจะบอกโจ้ เอ่อ คือแฟนสุดหล่อของผมเองครับ อิอิ มีบ้างนะ ก็แหมนะ ผมก็ไม่ใช่ขี้เหร่นี่นา สูง ไม่ถึง 170 หรอกนะครับ แต่ก็ไม่เตี้ยเกิน 165 อิอิ ในระหว่างนั้นล่ะ ผิวของผมขาวๆ อมเหลือง ไทยแท้นี่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจคือผมหน้าตาดี เฮอะ ใครจะไม่เห็นด้วยไม่รู้ แต่ไม่เคยมีใครว่าผมขี้เหร่ ออกแนวหลงตัวเอง ไม่นะ เพราะเพื่อนๆผมชมบ่อยๆ สรุปตามนั้นล่ะครับ ไม่งั้นผมจะได้โจ้เป็นแฟนเหรอเนอะ โจ้เป็นนักกีฬาบาสฯ ของโรงเรียน เป็นดาวของรุ่น คนจีบ คนตอมนี่ อย่าให้บอก แต่เขาเลือกผมนะขอบอก เป็นไงล่ะขอโทษ เขาเดินมาขอคบกับผมเองเถอะนะ ไม่อยากจะคุย             “อำนาจเจริญ” นั่นล่ะครับ ตามที่ผมเล่า ชีวิตผมก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากนะครับบ้านก็มีคนงาน พี่ต้อย ซึ่งตอนนี้ก็นั่งรถไปรอเราอยู่ที่ไหนนะ พ่อพูดเมื่อกี๊             “อะไรนะพ่อ” ผมเป็นพวกพูดเยอะครับ ไม่สิ คิดเยอะแต่ไม่ค่อยพูด ไม่ใช่เพ้อนะครับ ผมคิดเยอะจริงๆ คนคิดเยอะนี่ดีไหมนะ ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมจะชอบยิ้มๆมากกว่า นี่ล่ะมั้งที่มัดใจโจ้ อิอิ ภูมิใจ ว่าแล้วก็คิดถึงจัง             “อำนาจเจริญลูก ในเมืองนะ ไม่ใช่ตัวอำเภอ”             “หา อะไรอ่ะพ่อ ไหนบอกจะไปสกลนคร” ว่าแต่สกลนครนี่ มันภาคไหนนะ น่าจะเหนือตอนบนป่ะ ก็คนหน้าตาดีมักจะไม่เก่งภูมิศาสตร์นี่นา อย่า หยุด ห้ามว่าผมโง่ ผมไม่ได้โง่นะ ผมแค่ช้าเท่านั้นเอง             “อำ นาจ เจริญ” พ่อผมเน้นคำ หันหน้ามาทำหน้าจริงจัง ผมทำหน้างงๆ             “ที่ติดแม่น้ำโขงน่ะลูก ที่แยกตัวออกจากจังหวัดอุบลฯ” อุบลฯ นั่นบ้านที่ต้อยนี่ พี่ต้อยเว้าอีสาน อ๊ะ อีสาน กรีซซ อยากจะกระอักออกมาเป็นน้ำเขียวโซดา             “ครับ” เอ่อ นี่ล่ะครับผม บ่นในใจไปสามกิโลฯ พูดออกมาแค่นี้ล่ะครับ ตอนนี้ผมคิดไปถึงจังหวัดอำนาจเจริญ มันจะมีรถเมล์ไหมนะ มันจะมีแมคโดนัลไหมล่ะ มีเซเว่นหรือเปล่า จะมีน้ำเขียวโซดาไหม แล้วบ้าน บ้านเราจะมีแอร์หรือ เปล่า ตายแล้วๆ ผมจะดำกว่าเดิมไหมเนี่ย พ่อนะพ่อ ฮึ เริ่มโมโหมากกว่าเดิม             “อุ่นๆ ถึงแล้วลูก” พ่อผมเขย่าตัวครับ หลังจากที่แวะปั๊มมาสามพันรอบ นอนตื่นๆหลับๆมานับครั้งไม่ถ้วน ที่นี่มันที่ไหนวะเนี่ย จำได้ว่าออกจากบ้านที่บางเขนมาประมาณสามทุ่มเมื่อคืน ถึงนี่ประมาณเจ็ดโมงเช้า เกือบแปดโมง หา จะไกลไปไหนเนี่ย นั่งๆนอนๆมาจนปวดก้นไปหมดแล้ว             “นี่บ้านพักเรา เอาของขึ้นไปเก็บสิอุ่น ต้อยเรียบร้อยดีไหม” พ่อผมเดินลงไปก่อนส่วนผม เอ่อ ยืนอึ้งอยู่ อ้อ ลืมบอก พ่อผมทำงานอยู่ในสำนักงานเขตครับ ถ้าย้ายมาที่นี่ก็น่าจะประมาณปลัดอำเภอ หรือเปล่าไม่แน่ใจ และบ้านไม้สองชั้นหลังนี้ สภาพแบบว่าเก่าเอี๊ยดอ๊าด สีขาวเหรอ? มันดูเก่ามากๆ อะไรอ่ะพ่อ ผมยืนอึ้งอยู่นานแสนนาน จะถามว่ารับได้ไหม ไม่นะ ไม่อาวว ไม่สามารถ จะมีเตียงไหมเนี่ย หรือว่าต้องนอนกับฟูก จะมีแอร์ไหม ดูสภาพแล้วไม่เลยไม่น่ามี ทำไงดี             “เป็นตาอยู่เด้ค่าคุณอุ่น มีแอร์นำ ห้องคุณอุ่นเอื้อยเตรียมไว้แล้ว อย่าสิเฮ็ดหน้าจั่งซั่นติ๊ค่า” เอ่อ พี่ต้อยครับ แกเลี้ยงผมมาล่ะ ผมเข้าใจแก ก็ประมาณว่า แกไม่เคยพูดภาษากลางเลยนะเวลาอยู่ที่บ้าน ผมน่าจะพูดได้นะแต่ไม่เลยครับได้นิดหน่อยเอง ไม่มีเวลามาเรียนหรอกนะ เข้าใจแกได้ก็บุญล่ะ             “หิวอ่ะพี่ต้อย” ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับแกมากครับ ลืมบอกว่าพรุ่งนี้พ่อจะพาไปโรงเรียนใหม่ ไม่อยากจะจิ้นเลยว่าจะมีสภาพยังไง ตอนแรกก็จิ้นไว้วะว่ามันเป็นภาคเหนือตอนบน เป็นไงล่ะ อีสานฟรานซะงั้น แล้วโรงเรียนล่ะ เพื่อนใหม่ โอ๊ย ต้องเว้าอีสานไหมเนี่ย เครียดๆๆ ผมเดินขึ้นห้องไปด้วยใบหน้าที่หงิกงอตามเดิม ตอนนี้คิดถึงแม่จังเลย ถ้าแม่อยู่พ่อโดนเละแน่ๆ ขอบอกว่าแม่ผมดุมากๆ และผมก็คงไม่ต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้แน่ๆ คิดถึงแม่จัง ประตูไม้สีน้ำตาลเก่าถึงเก่ามาก นี่คือห้องผมเหรอเนี่ย ผมค่อยๆแง้มประตูเข้าไป เฮ้อ ค่อยยังชั่ว พี่อ้อยเปิดแอร์รอไว้แล้ว ค่อยรู้สึกดีหน่อย ผมค่อยๆนั่ง หย่อนก้นลงบนเตียง เตียงนี่หรือคือเตียง ทำไมมันเสียงเหมือนจะพังแหล่ไม่พังแหล่แบบนี้ เอาเถอะๆ อย่าคิดมากขอนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ             “อุ่น รีบอาบน้ำแต่งตัวเลยนะ พ่อจะพาไปฝากที่โรงเรียน” หือ หา อะไร นะไหนบอกไปพรุ่งนี้ไงล่ะพ่อ อะไรเนี่ย ไม่ไปนะ ไม่มีทาง คนเพิ่งจะมาถึงยังง่วงอยู่เลย อะไรจะให้ไปโรงเรียน ตั้งรับไม่ทันหรอกนะ ปรับตัวไม่ได้             “ครับพ่อ” อ่าฮะ  อะไรของผมเนี่ย เออๆ ไปก็ไปพ่อนี่นะ แหะๆ จะให้เถียงได้ไง ผมต้องเหวี่ยงกระเป๋าเดินทางเข้ามุมห้อง แล้วก็รื้อเสื้อผ้านักเรียน ออกมาล่ะครับ             “เดี๋ยวเอื้อยรีดให้ ถ่าคราวเดียว คุณอุ่น ไปอาบน้ำโลดค่า” ตามนั้นครับ ไม่ต้องแปลเนอะ ผมล้วงหาเครื่องอาบน้ำแสนแพงของบอดี้ช็อปออกมา แล้วเดินออกมาหาห้องน้ำ             “ห้องน้ำอยู่ตาล่างค่าคุณอุ่น” มีอะไรที่มันแย่ไปกว่านี้อีกไหมเนี่ย เคยแต่ตื่นขึ้นมาเดินเข้าห้องน้ำเลย แล้วนี่อะไร ต้องกระเตงลงไปข้างล่าง เอ่อ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มันไม่มีฝักบัวครับ ตักอาบเอาเหรอ? ไม่เคยเค้าไม่เคย อะไรเนี่ย ชีวิตของอุรดิศต้องมาเป็นแบบนี้เพราะอะไรเนี่ย             “เดี๋ยวมื้อแลง เอื้อยสิให้คนมาติดให้ดอกค่า ฝักบัวน่ะ” เหมือนพี่ต้อยรู้ใจผมล่ะครับ             “ครับคุณปลัด โรงเรียนของเรายินดีต้อนรับนะอุรดิศ มีอะไรมาปรึกษา ผอ.ได้เลย ที่นี่เราอยู่กันแบบอบอุ่น” ในห้องผอ.ครับ ผมนั่งก้มหน้าไม่อยากจะอะไรกับใคร เบื่อที่จะมอง ก็ตามประสาผู้ใหญ่เขาคุยกันนั่นล่ะครับ ผมนี่เบื่อแล้วนัดกันกินนั่นกินนี่ ไม่ใช่นี่จ่ายเงินใต้โต๊ะหรอกนะ ถึงได้เข้าเรียนกลางเทอมเนี่ย             “สวัสดีค่ะ อุรดิศ ครูชื่อจิรดานะคะ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาห้อง 5/9 ตามครูมาทางนี้เลยจ๊ะ หนังสือเรียนเตรียมมาจากที่เดิมไหมคะ หลักสูตรน่าจะเหมือนๆกัน แต่เท่าที่ครูทราบจากท่าน ผอ. อุรดิศย้ายมาจากโรงเรียนคริสต์ อืม น่าจะแตกต่างกันบ้างนิดหน่อย” พอแนะนำตัว ฝากฝังกับผอ.เสร็จ พ่อผมก็ต้องไปที่อำเภอล่ะครับ ทิ้งผมอีกแล้ว อ่านะ อาจารย์รุ่นป้าๆ ใส่แว่นหนาๆแกกำลังแนะนำตัวครับ ผมก็ยกมือไหว้เดินตามแกไป ตึกอำนวยการและวิชาการ เท่าที่ผมคาดการณ์นะ ว่ามันน่าจะใช่ เก่าซะ นี่มันสร้างตั้งแต่สมัยไหนเนี่ย จะพังแหล่ไม่พังแหล่ประมาณนั้นล่ะครับ ผมเดินผ่านห้องนั้นห้องนี้ไปเรื่อยๆ ห้องของแต่ละฝ่ายวิชาการนั่นล่ะครับ เดินลงตึกมาอาจารย์ป้าแกก็พาเดินเลี้ยวไปด้านหลัง             “นี่เป็นตึกเรียนของนักเรียนทั้ง ม.ต้น ส่วนด้านโน้นเป็นของ ม.ปลาย โรงเรียนของเรา มีนักเรียนไม่มากหรอกค่ะอุรดิศ แค่สี่พันกว่าเท่านั้นเองค่ะ” ประชดป่ะเนี่ยป้า เฮ้ย สี่พันกว่านี่มันไม่น้อยนะเนี่ย โหไม่อยากจะเชื่อ นี่โรงเรียนชนบทนะเนี่ย ทำไมเด็กนักเรียนมันเยอะจังวะเผลอๆเยอะกว่าที่โรงเรียนผมอีกด้วยซ้ำ อ้อ ลืมเล่า ทางเข้าผมยังไม่ทันได้มองเพราะเซ็งพ่อ แต่รู้ว่าเสาธงอยู่ด้านหน้า มีสนามฟุตบอลอยู่ติดถนนใหญ่ ตรงนี้คือด้านหลังอาคารเรียนชั้น ม.ต้น ตามที่ป้าแกชี้บอกสีออกตุ่นๆมีสามชั้นหรือเปล่านั่นน่ะ เพราะมันเหมือนมีใต้ดินด้วยน่ะสิครับ อาคารเรียนเรียงรายเป็นแถวไป ส่วนอาคารเรียนของนักเรียนชั้น ม.ปลาย อยู่ด้านหลังครับ ต้องเดินไปอีกหน่อย ผมไม่ได้มองอะไรมากนักเพราะเหมือนคนหลายคนกำลังจ้องมองผมอยู่น่ะสิ แต่สนเหรอไม่เลย จะว่าไป ที่นี่ก็ใหญ่เอาการเหมือนกันนะเนี่ย พอเดินผ่านตึกแรกก็ได้ยินเสียงเด็กนักเรียนดังจอแจ แว่วออกมาไม่แว่วล่ะดังมาก นั่นมันเรียนหรือมันกำลังแหกปากกันวะนั่นน่ะ แล้วนั่น เอ่อ มองกูทำไมวะเนี่ย อ้อ เพราะผมหน้าตาดีไง เออเนอะลืมๆ เชิดคอขึ้นดีกว่า มองตรง หลังตรง ระหงส์ๆตามต้นตำรับต้นตระกูล อิอิ             “ไม่ต้องอายหรอกนะอุรดิศ นักเรียนที่นี่ เขาคงไม่เคยเห็นเด็กนักเรียนใหม่ กางเกงน้ำเงินเหมือนอุรดิศ ท่านผอ.แจ้งทางคุณปลัดไปแล้วว่าร้านขายชุดนักเรียนที่ไหน ที่รับปักเสื้อของโรงเรียนเรา พรุ่งนี้ค่อยใส่มานะจ๊ะ” คุณป้าแกพูดครับ เออนะ ใส่กางเกงน้ำเงิน รองเท้าหนังนี่เอง แล้วพ่อจะพามาทำไมวันนี้วะเนี่ย ทำไมไม่พามาตอนที่ไปซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เอาให้มันเหมือนชาวบ้านเขาก่อน ค่อยมาก็ได้นี่นะ โหนี่จะให้ลูกคนนี้อายคนเขาไปถึงไหนกันวะเนี่ย พ่อนะพ่อ ก้มหน้าสิครับท่าน จะมาระหงส์อะไรล่ะ หงส์ไม่มีขนน่ะสิ เว้ย โมโห และแล้วเพราะด้วยมัวแต่เดินก้มหน้า             “อ่า” อะไรวะเนี่ย ผมเดินตกขี้โคลนน่ะสิครับ รองเท้าหนังมันระยับของผมจมโคลนไปครึ่งหนึ่ง คุณป้าแกหันกลับมาแล้วหัวเราะ             “เดินระวังหน่อยนะคะ อุรดิศ ที่นี่เราไม่ได้ลาดซีเมนต์ไว้ทุกที่เหมือนในกรุงเทพฯนะ ไปล้างก่อนไหม” เอ่อ แกคงไม่ได้ประชดผมหรอกนะครับ จะให้ผมทำไงได้นอกจากเดินไปตามที่แกชี้ไป ที่ด้านหลังของโรงเรียน จะอธิบายยังไงดีว่าอาคารเรียนมันตั้งยังไง สมมติว่ามีทิศเหนือละกันนะครับ ทางเข้าอยู่ทางทิศเหนือกับสนามฟุตบอลรวมทั้งเสาธง พอเข้ามาก็จะเป็นอาคาร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เรียงกันไปเรื่อยๆทางทิศตะวันตก ผมกำลังเดินลัดเลาะอาคารไปทางทิศตะวันตก ส่วนทิศใต้เป็นรั้วโรงเรียน และมีห้องน้ำเรียงรายกันอยู่หลายห้อง เข้าใจไหมเนี่ยผมตั้งใจอธิบายแล้วนะ เอ๊ะ หรือว่ายังไม่ดี งงเหมือนกันแฮะ ผมเดินไปที่ห้องน้ำล่ะครับ นักเรียนออกันอยู่เต็มทั่วบริเวณ ระหว่างทางก็มีต้นไม้ม้านั่งวางอยู่เต็มพื้นที่ มองเข้าไป อ่ะมองให้พอ แหมนะ มองกูซะ แต่ทำไมพวกมันมองแล้วยิ้มๆด้วยเนี่ยเพราะรองเท้าผมแน่ๆ กว่าจะล้างเสร็จก็นานอยู่ครับ เพราะมัวแต่คิดไปว่านับจากนี้ ที่นี่คือที่ที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่อีกนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนกว่าพ่อจะเลิกไปรับสินบนเขามานั่นล่ะครับ ผมต้องรีบปรับตัวไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เฮ้อ สู้ไหมเนี่ยกู สู้ว้อยย             “อ้าว นักเรียน วันนี้มีเพื่อนใหม่ ย้ายมาจากกรุงเทพฯ เงียบๆกันหน่อย” ไม่อยากจะเล่าเลย ว่าตอนเดินขึ้นตึกไปนั่น มีคนมามองผมมากมายเพียงไหน แต่ก็ไม่อายนะ แค่เขินๆ ผมคงดูแปลกตาไปจริงๆล่ะครับ ก็แหมนะไม่อยากจะคุย ว่าตัวเองเป็นเด็กเมืองกรุงนี่นา ย้ายมาอยู่นี่ก็ย่อมผิดหูผิดตาเป็นเรื่องปกติ คุณป้าแก พาผมเดินเข้าไปในห้องล่ะครับผมก็เดินตามเลยสิ ไม่อาย อายทำไมผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่นะ แหะๆ มันก็มีบ้างน่า เรื่องประหม่าน่ะธรรมดาล่ะครับ             “อ้าว อุรดิศ แนะนำตัวหน่อยจ๊ะ” คุณป้าแกโยนมุขมาครับผมก็เงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ             “หวัดดีครับ ผมชื่อ อุ่น อุรดิศ (นามสกุล) เพิ่งย้ายมาจาก(โรงเรียนชื่อดัง) ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆใหม่ทุกคนครับ” ผมเปล่งเสียงออกไปครับ ทำไมต้องให้แนะนำตัวแบบนี้ด้วย ทำไมคุณป้าไม่พูดเองวะไม่เข้าใจ             “เจ้าเกิดอยู่อุตรดิตถ์แม่นบ่อ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น นั่น กูว่าแล้ว พวกบ้านนอก เว้ย ชื่อกูมันมาจาก อุดรทิศ ต่างหากหรอก ไอ้พวกนี้ไม่รู้อะไร             “ใช่” ผมรำคาญจะตอบครับ เลยนะ แก้ปัญหาไปพูดมากปวดปากเสียเวลาออก             “ทำไมอุ่นอ่ะ อุ่นจริงเหรอ” ทีนี้เสียงดังมาจากเพื่อนผู้หญิงหน้าตากับ ท่าทางเธอ มันแย้งกันชัดๆ โอ๊ยไม่อยากจะบอกว่าหน้าเธอออกแนวตุ๊กกี้ แต่ท่าทางเธอ เหมือนกำลังพยายามทำให้เหมือนกิ๊บซี่ประมาณนั้นล่ะครับ คิดภาพออกไหม             “นี่รังสิยา อย่าแซวเพื่อนสิ ไปนั่งข้างๆภานุพงศ์ก็ได้ นายภานุพงศ์เลื่อนโต๊ะให้ชิดกันซิ” คุณป้าแกตัดบทครับ ผมแอบถอนหายใจ เฮ้อ จะเจออะไรอีกเนี่ยวันนี้ ทำใจมาแล้วนะ ว่าเพื่อนต้องถามนั่นถามนี่แน่ๆ แต่ไม่คิดเตรียมใจ จะมาเจออะไรประหลาดๆหรอกนะ ว่าแล้วกวาดสายตามองเพื่อนในห้องดีกว่า มีใครหน้าตาพอคุยด้วยได้บ้าง อิอิ เฮ้อ มีพอได้อยู่นะนี่มันห้องรวมดาวโจ๊กหรือไงนะ เอ๊ะนั่น นายคนนั้นแจ่มใช้ได้ๆ ไม่อยากจะเชื่อ ที่นี่มีคนหน้าตาตี๋อินเทรนขนาดนี้เลยเหรอ ว้าวน่าสนใจล่ะ ผมไม่ได้มองเหมือนจ้องหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมปราดตามองแว๊บเดียวพอเห็น แต่สายตาเหมือนตกอยู่ตรงเขา นานกว่าใครก็เท่านั้นเอง อิอิ ส่วนไอ้คนที่นั่งข้างผม ที่ผมกำลังเดินเข้าไปหาเนี่ย ก็ใช้ได้นะแต่ตัวมันคล้ำๆหน่อย             “เป็นหยังจั่งซื่ออุ่น” แปลไหมครับ อยากจะบอกว่า ไปถามแม่กูสิวะ ถามกู กูจะบอกยังไงล่ะพ่อแม่กูตั้งให้ไอ้หน้าหักนี่นะ             “บ่ฮู้” “ฮ่วยเว้าอีสานกะเป็นติ๊” เอ่อ ไม่น่าพูดออกไปเลยกูสำเนียงก็ไม่ได้นะ ไอ้หน้าหักนี่สนใจใหญ่ ไม่เพียงแต่มันนะเพื่อนๆก็เหมือนจะหันมา             “เอาล่ะๆ เดี๋ยวค่อยสานสัมพันธ์กันนะคะนักเรียน คาบต่อไปวิชาอะไรเตรียมตัวเรียนได้แล้ว ครูฝากเพื่อนใหม่ด้วยนะคะ เพราะอุรดิศมาจากโรงเรียนชายล้วนนะ อย่าแซวอะไรรุนแรงล่ะ” คุณป้าบอกแล้วยิ้มให้ผม แกเดินออกไปแล้วครับ พอได้ยินคำว่าชายล้วนเท่านั้นเอง คราวนี้ล่ะ ทุกคนก็หันมารุมจ้องผมเป็นตาเดียว             “ย้ายมาจากโรงเรียนไรเหรอเธอ” เสียงดัดจริตมากๆ             “ชุดนักเรียนเด็กในเมืองนี่สวยเนอะ” อ๊ะแน่นอน             “อยู่ชายล้วนก็มีแต่ผู้ชายสิ ว้าย อยากไปจังเลย คงจะมีแต่หนุ่มหล่อๆแน่ๆ” หล่อน่ะใช่แต่มองแกไหมคิดว่าไม่             “ใส่รองเท้าหนังด้วย เงาวับเชียว” เออสิก้มลงส่องดูไหมเห็นหน้ามึงด้วย             “แล้วพ่อนายเป็นปลัดเหรอ ว้าว ลูกปลัด โก้จัง” งดบรรยาย             “แล้วนายทำไมพูดภาษาอีสานได้ นายเป็นคนพื้นเพที่นี่เหรอ หรือว่ามีญาติอยู่ที่นี่” อ๊ะ นายรูปหล่อถามครับ ผมแหวกวงเพื่อนๆใหม่ออกทันที             “อ้อ เปล่าหรอก พอดีพี่เลี้ยงที่บ้านเป็นคนแถวนี้ล่ะ เราเลยพอเข้าใจ” ตอบเสียงนุ่มเหมือนเด็กในเมืองให้มากที่สุด จ้องหน้าเขา อืม ตอนนี้เองถึงรู้ว่าคำว่า ช้างเผือก นั่นมีจริงนะเออ จะหล่อไปไหนเนี่ย อ๊ะ เขายิ้มให้ผมด้วย ดัดฟันอีก             “นายหล่อจังเลยอ่ะตัวเธอ” นังตุ๊กกี้ครับ เงียบๆบ้างก็ดีนะเธอน่ะ             “นั่นสิ ผิวดี๊ดีๆเนอะ ขาวจัง ว้ายนุ่มอีกต่างหาก” เอ่อ มือไวไปไหมตัว เธอ จับผมด้วยอ่ะครับ น่าอายจังผู้หญิงอะไรเนี่ย             “แหมก็แค่นั้นล่ะจิ๊บ ก็วันๆทำอะไรล่ะยะ นอกจากนั่งในห้องแอร์ทาครีม เดี๋ยวนี้เขามีคอร์สทำหน้าทำตา ไม่ต้องโดนแดดโดดนลมเหมือนเรานี่ ไม่ขาวก็ให้มันรู้ไปสิยะ” เสียงกะเทยดังแทรกขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของกะเทยหัวโปก ท่าทางแรดๆคนหนึ่ง จะอิจฉากูทำไมเนี่ยไม่อยากจะบอก ว่าหน้ากูน่ะไม่เคยพึ่งหมอเว้ย อีกอย่างตัวก็ไม่ได้ทาครีม แค่กูชอบอาบน้ำเท่านั้นเอง ช่วยไม่ได้เองนะ พ่อแม่กูมีเชื่อผู้ดีเก่า อิอิ             “ทำหน้ามาเหรอเธอ” นังตุ๊กกี้ครับ กูบอกไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้ทำซิวะ อะไรเนี่ย             “เปล่า เราไม่เคยไปหาหมอหน้าหรอก เปลือง” ผมพูดออกไปครับ แล้วก็หันไปมองพ่อรูปหล่อต่อ มันจรรโลงใจมากกว่าเป็นไหนๆ พวกตัวประกอบพวกนี้อะไรเนี่ย             “นามสกุลนาย เป็นผู้ดีเก่าป่ะเราคุ้นๆ” นั่นว่าแล้วเชียว นี่จะมาอะไรกับกูหนักหนาวะเนี่ย เบื่อแล้วนะ             “ไม่ใช่หรอก มันแค่คุ้นๆน่ะ” ผมตอบออกไปครับ ผมไม่ใช่คนขี้โอ่นะขอบอก คือในใจน่ะพราวสุดๆ แต่เวลาคนถามก็แบบนี้ล่ะครับ ผมเป็นคนนิ่งๆนะ บุคลิกภายนอกแต่ภายในนี่ เคยมีเพื่อนสนิทผมที่บางเขนมันด่าผมว่า “แรดหลบใน” ดูมันด่าผมสิครับ บ้าเหรอ ผมแค่คิดอะไรเยอะไปหน่อย ด่าคนในใจอะไรประมาณนี้ อิอิ             “อุ๊ย กระเป๋าสวยจังเธอ” เอ่อ นังตุ๊กกี้ครับ เริ่มล่ะเริ่มล้วงข้าวของกูล่ะอีพวกนี้อะไรวะเนี่ย โว๊ย อดทนๆ             “แล้วพวกเธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะ เรายังไม่รู้จักใครสักคนเลยนะ” ผมพูดออกมาทำท่ามองไปรอบๆตัวครับ หายใจไม่ออก นี่เห็นกูเป็นเอเลี่ยนหรือไงกันวะเนี่ย มุงได้มุงดี             “เราชื่อเชอรี่” หามึงเนี่ยนะชื่อเชอรี่ นังตุ๊กกี้ครับท่านผมทำหน้าเหวอ เหมือนไม่เชื่อ             “ส่วนนี่” “พอแล้ว อีตะขบ เดี๋ยวให้หัวหน้าห้องแนะนำดีกว่าไหมยะหล่อน” อีกะเทยหัวโปกจีบปากจีบคอพูดขึ้นล่ะครับ             “เราชื่อทายนะ เป็นหัวหน้าห้อง” อ่า พ่อรูปหล่อของผมเป็นถึงหัวหน้าห้อง ว่าแล้วเชียวคนมันมีราศีอ่ะนะ ตาคมจริงๆไอ้อุ่นเอ้ย อิอิ             “ส่วนนี่น้ำหวาน จอย แตง เพ็ญ โต้ง ต๊อก ไก่ ชาติ” “ว้าย อะไรกันหัวหน้าบอกว่าชื่อญาญ่า มาชงมาชาติอะไร” เอ่อ อีกะเทยหัวโปกมันค้านขึ้นครับ ตอนหัวหน้าแนะนำ ผมไม่ได้หันไปมองตามเลยนะเพราะมัวแต่เพลินมองหน้าหัวหน้าห้องสุดหล่อ ว่าไปเขาก็มีเสน่ห์ดีนะ เหล็กดัดฟันสีเขียว เหมือนกินสาหร่ายดิบเกาะตามฟัน มันทำให้เขาดูน่ารักมาก โอ๊ย อยากเข้าไปส่องใกล้ๆจังเลยคุณ แต่พออีกะเทยหัวโปกนี่กรี๊ดขึ้นเพื่อนๆก็โห่มันล่ะครับ ผมเลยหมดอารมณ์ หือ มันว่ามันชื่ออะไรนะ ญาญ่า โอ๊ย อย่างมึงน่ะ น่าจะคุณย่ามากกว่านะ กล้าพูดเนอะ ญาญ่า ถ้ามึงญาญ่าไอ้นั่งหน้าห้องนั่นก็ ณเดช แล้วล่ะเว้ย “จ๊ะญาญ่าก็ญาญ่า อ้าวส่วนคนที่นั่งข้างนายชื่อเล็ก” โหยยิ่งเวลาเขาแซว กลับนะน่ารักอ่ะ น่ารักจังเลยคุณ ผมอมยิ้มแล้วหันมองหน้าไอ้คนที่นั่งข้างๆ มันยิ้มฟันขาวให้ผม ผมก็พยักหน้า “เล็กแต่ซื่อเด้อ แนวอื่นบ่เล็กบ่น้อยเด้” เอ่อ มันพูดขึ้นครับ เสียงแซวโห่ดังขึ้นอื้ออึงทันที หือ ว่าไรนะ ผมมองหน้ามันทันทีครับ อดไม่ได้เลยจะเหลือบสายตาลงต่ำ ไม่เอาๆ มีโจ้อยู่ทั้งคนไม่เอาๆไม่ลามกๆ “ทำอะไรกันพวกเธอ จะไม่เรียนหรือไง สุมหัวทำอะไรกันอยู่” เสียงอาจารย์ผู้หญิงดังขึ้นหน้าห้อง วงแตกสิครับท่าน “หือ ทำอะไรกัน ทำไมไม่นั่งที่” อาจารย์หญิงรูปร่างตันเตี้ยผมบ๊อบสั้น ดั้งมีนิดเดียวเดินเข้ามากลางห้อง โอ้โห ท่าทางตอนเดินเข้ามา นั่นเธอคงคิดว่าตัวเองเป็นแพนเค้กหรือไงนะ “มีนักเรียนมาใหม่ครับ จารย์วัณวิภา” หัวหน้าห้องบอกครับ ผมก็ยืนขึ้นยกมือไหว้ ไม่รู้จริงๆต้องทำตัวยังไงให้ตายเถอะ กูเริ่มเครียดแล้ว “อ้อ เธอสินะ ที่ว่าจะย้ายมาจากกรุงเทพฯ หน่วยก้านใช้ได้นี่” ท่าทางที่พูดทำไมต้องแสยะปากด้วยเนี่ยไม่เข้าใจ “แต่ดูสำอางไปนะ จะอยู่ได้เหรอ บ้านนอกคอกนาน่ะ” อาจารย์ยังคงมองผมจากหัวจรดเท้าครับ เฮ้อนะ เอออยากมองก็มอง “ว้าย ใส่น้ำหอมมาด้วยเหรอ อะไรเธอ ที่นี่ไม่ใช่ในกรุงเทพฯนะจะใส่ น้ำหอมมาเรียนไม่ได้ ฉันเหม็นจะเป็นลม” เอ่อ เธอทำท่าเหมือนมาดมสูดกลิ่นหาอะไรรอบๆตัวผมครับ เวอร์ไปไหมป้า ผมน่ะไม่ได้ใส่น้ำหอมอะไรมาเลยนะ แค่อาบน้ำเท่านั้น ครีมก็ไม่ค่อยทา เพราะมันเหนียว ขี้เกียจด้วย เอ๊ะ แต่ได้กลิ่นโคโลญจ์มาจากเธอนั่นล่ะนะผมว่า “ผมไม่เคยใส่ครับ” ผมพูดออกไปก้มหน้า เคยโดนสอนมาว่าเวลาค้านผู้ใหญ่ อย่าไปจ้องหน้าเขาจะหาว่าเราก้าวร้าว ก็นิดนึงล่ะครับ “แล้วกลิ่นนี่มันอะไร อย่ามาโกหกครูนะ ได้กลิ่นไหมล่ะภานุพงศ์” อ้าวป้าคนนี้ ก็คนมันตัวหอมอ่ะ จะอะไรหนักหนาวะเนี่ย ไอ้ดำมันก็นะ สั่งได้ทำจมูกสูดรอบๆเอวผมทันที “หอมดีครับ” เอากับมันครับ ไอ้ห่านี่ “คงเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำมั้งครับ ผมไม่เคยใช้น้ำหอมจริงๆ” ผมพูดออกไป ทำสายตาบอกไปว่า กูไม่ไหวแล้วนะตัวเธอ อย่านะๆ อย่ามากไปกว่านี้นะ ไม่งั้นเดินออกจากห้องจริงๆด้วยนะ ไม่ไหวแล้วนะโว้ย “อ้อ จริงเหรอ ยี่ห้ออะไร ของครูใช้แพร็อทเธอรู้จักไหม” เธอทำหน้าเชิดขึ้นผมคิดไม่ออกครับ คงจะแพงน่าดูสิท่า กลิ่นคงหอมเหมือนส้มเช้งเน่า แบบที่ติดกลิ่นตัวมาล่ะสิ “ปกติผมใช้ของบอดี้ช็อปส์ครับ แต่เมื่อเช้า ผมแอบใช้บลูการีของพ่อ อ้อ คงจะเพราะแบบนี้นี่เอง งั้นผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำได้ไหมครับ เผื่อกลิ่นมันจะหาย” ผมพูดออกไป เออเนอะ เมื่อเช้าง่วงจัดนี่นาเลยหยิบของพ่อมาใช้ถึงว่ากลิ่นทะแม่งๆ “อ่า บลูการี คุ้นๆนะ ตั๊กลีลาที่โฆษณาหรือเปล่า” หือ เขาเคยโฆษณาโทรทัศน์ หรือยูบีซีด้วยเหรอ แล้วตั๊กลีลานี่ ใช่คนที่เล่นตลกน่ะเหรอ โว้ย บ้าไปแล้วอะไรอ่ะป้า ไม่ไหวๆ ผมขอตัวก่อนล่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์ ผมยกมือขึ้นไหว้ แล้ววิ่งออกมาจากห้องทันที ไม่ไหวจริงๆ พ่อนะพ่อ โรงเรียนอะไรเนี่ย โอ๊ย คิดถึงเพื่อน คิดถึงโจ้ คิดถึงห้องเรียนที่มีแอร์ แล้วที่นี่อะไร? อะไร? พ่อนะพ่อ โมโหจังเลย ผมวิ่งลงตึกไปล่ะครับอยากไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บริเวณนี้ ตอนวิ่งลงมาคนก็มองนะ ไม่สนใจช่างหัวมันอยากมองก็มองไป ผมวิ่งไปทางด้านหลังอาคาร ซึ่งมีเหมือนโรงยิมหอประชุมอะไรสักอย่าง ไม่สนใจจะมองไม่สนใจจะดู ผมอยากไปที่ ไหนก็ได้ที่ไม่มีคน อยากจะกดโทรศัพท์ไปหาแฟน “ฮัลโลๆๆๆ” โว้ย ไม่มีสัญญาณ ที่ไหนเนี่ย ที่ไหน ที่นี่คือที่ไหนในโลกนี้ อยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งจังเลย แต่เอ๊ะ ทำไมมันไม่มีไฟอะไรขึ้นเลยหว่า โว๊ะ แบตฯหมดล่ะตัวเอง แหะๆ เขินจัง ผมเดินเขินคนเดียวไปเข้าห้องน้ำ “แหวะ ห้องน้ำหรือห้องไรวะเนี่ย เหม็นเป็นบ้า” ผมบ่นอยู่หน้าอ่างล้างหน้า ที่เหมือนไม่เคยมีคนทำความสะอาดมาก่อนเลย เสียงเด็กนักเรียนคุยกันในห้องน้ำเบาๆ “อ้อ แอบดูดบุหรี่นี่เอง บ้านนอกเอ้ย” ผมแสยะปาก แต่ก็ไม่สนใจ ค่อยๆเปิดน้ำ ดูสีของน้ำก่อนว่าปลอดภัยไหม อ้อ ใช้ได้ไม่ขุ่นแฮะ ค่อยเอามือจ่อไปที่อ่าง อ้าวปวดฉี่ ห้องน้ำดันเต็มอีก “นี่นายๆ ถ้าจะดูดแค่บุหรี่น่ะ เราขอฉี่ก่อนได้ป่ะ ปวดฉี่” ผมทนไม่ไหวครับ ยืนปิดรอไอ้คนที่อยู่ในห้องน้ำ คือมันมีประมาณ ๕ ห้องล่ะครับแต่เต็มล็อคทุกห้อง ผมยืนกระดิกเท้ารออยู่นานจนทนไม่ไหว เคาะสิครับจะรอให้มันราดเหรอ ตอนแรกว่าจะไปยืนถี่ที่โถฉี่ แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะฉี่ไม่ออกหรอกครับ สกปรกมากๆ แหวะๆ เหมือนน้ำส่งน้ำล้างมันไม่ไหลประมาณนั้น กลิ่นนี่แบบว่าหงายหลังแปดร้อยรอบได้

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.4K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

read
13.9K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
2.8K
bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.4K
bc

ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก

read
1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook