บทที่ 13

1579 คำ
“หญ้าไม่ได้จะกวนนายเลย แค่จะบอกว่าหญ้าจอดรถนายไว้ปากซอยที่เราเดินผ่านมาแล้ว หญ้าจะเรียกนายแล้วนะ แต่นายเดินเร็วมากหญ้าเลยเรียกไว้ไม่ทัน” “เจอมาขนาดนั้นยังไม่สลด” ญาติกาแอบเถียงในใจ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เจอมา แล้วทำไมเธอต้องสลดหดหู่ด้วย นี่เธออุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยปกป้องทรัพย์สินของเขาเลยนะ “นายขับรถไปทางนั้นแล้วจอดให้หญ้าลงก็ได้ค่ะ จากนั้นนายค่อยไปวนออกในซอยเอา” “คิดว่าตอนนี้แกมีสิทธิ์มาสั่งใครหรือไง” “แต่นั่นรถนายนะ” “ทิ้งไว้อย่างนั้นนั่นแหละ” ทั้งที่ตอนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว และ ญาติกาก็หัดขับรถมาตั้งแต่อายุยังทำใบขับขี่ไม่ได้ อาศัยขับวนอยู่ในไร่จนชำนาญ ถึงตอนนี้จะมืดมากแต่นั่นย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าหล่อน แต่เขากลับไม่วางใจไปซะหมด คิดแต่ว่าอยากพายายตัวแสบไปให้ห่างไกลจากสถานที่แห่งนี้มากที่สุดก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ในเมื่อเจ้าของรถบอกให้ทิ้ง เธอผู้ซึ่งทำอะไรก็ผิดและดูขวางหูขวางตาไปซะหมดจะทำอะไรได้ รถแล่นออกมาสักพัก คนที่เอาแต่เงียบก็เริ่มเปิดฉากด้วยน้ำเสียงดุดัน “รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป ถ้าฉันตามมาไม่ทันป่านนี้จะเป็นยังไง แกคงได้เป็นเมียไอ้เสี่ยนั่นไปแล้ว โดนขืนใจน่ะไม่สนุกหรอกนะหญ้า แกจะต้องทนอยู่กับความกล้ำกลืนอดสูไปชั่วชีวิต” “หญ้า... หญ้าไม่ทนหรอก ถ้าไปถึงจุดนั้นจริง หญ้าจะฆ่าตัวตาย” เธออ้อมแอ้มโต้เขาเสียงเบา “ยังจะมีหน้ามาเถียง ชีวิตแกเป็นของแกคนเดียวหรือไง ถึงได้อยากตายก็จะตายซะง่ายๆ นายท่านที่รับเลี้ยงแกมาเสียค่าข้าวค่าน้ำไปตั้งเท่าไรกว่าเด็กคนนึงจะโตขึ้นมาได้ ไอ้หนึ่งส่งเสียให้แกเรียนสูงๆ เพื่อจะให้แกใช้ชีวิตประมาท และพอพลาดก็ฆ่าตัวตายทิ้งปัญหาไว้ให้คนข้างหลังรึ... เด็กไม่มีหัวคิด” ญาติกาหดคอจนคางแทบชิดหว่างอก เธอไม่ได้ยินนายสิงห์พูดจายาวๆ แบบนี้มานานแล้ว นั่นแสดงว่าคงเหลืออดอย่างที่สุด ยิ่งไม่ใช่เวลาที่เธอจะอธิบายอะไรได้ ดังนั้นการเงียบและยอมให้เขาบ่นสักหน่อยเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดในตอนนี้ “มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาพาตัวเองไปอยู่ในที่อันตราย เสือ สิง กระทิง แรดทั้งนั้น แถมยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วย ต้องเดือดร้อนคนอื่นเขาไปทั่ว” “ก็ถ้าที่นั่นมันอันตรายนัก มีแต่คนไม่ดีเข้าไปอยู่ แล้วทำไมนายถึงชอบไปที่นั่นล่ะ ถ้านายไม่ซุกผู้หญิงของนายไว้ที่นั่น มีรึที่หญ้าจะทำแบบนั้นน่ะ” โบราณว่าไว้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง และเธอก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีเลยเห็นมั้ย ซึ่งนั่นไม่นับรวมการเถียงอยู่ในใจคนเดียว รับรองว่านายสิงห์ไม่ได้ยินอย่างแน่นอน “กลับมาบ้านไม่กี่วันก็สร้างแต่เรื่อง งานการยังไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน สักอย่าง ตอนเป็นเด็กก็ยังพอเข้าใจได้ว่าทโมนไปบ้าง ดื้อหรือซนนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังพอรับได้ ตอนนี้ฉันถึงได้รู้ว่าแกมันโตแต่ตัว สมองไม่ได้พัฒนาตามอายุไปด้วยเลยสักนิด” “ไม่ได้งานที่ไหน ข้าวปลาแต่ละมื้อที่พวกนายๆ กินน่ะใครทำให้ บ้านช่องห้องหับใครกวาดถูจนเรี่ยมเร้เรไรเป็นระเบียบ หญ้าก็ไม่ได้ลำเลิกบุญคุณหรอกนะ แต่ถึงกับเหมารวมกันแบบนี้มันยุติธรรมที่ไหน” แน่นอนว่าสิ่งที่เธอทำคือการทำหน้าให้เศร้าที่สุด ดูเหมือนสำนึกผิดอย่างที่สุดด้วย “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ดูไม่ออกว่าแกเถียงฉันอยู่ในใจ” ญาติกาแอบเลิกตาขึ้นนิดหน่อย นายสิงห์ต้องเป็นคนมีวิชาแก่กล้าหยั่งรู้อนาคตหรืออ่านใจคนออกแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าเธอทำอะไรหรือคิดยังไงอยู่ “ดื้อด้าน อวดดี มันน่าปล่อยให้เจออันตรายตัวคนเดียวดูสักครั้ง บางทีแกอาจจะมีหัวคิดขึ้นมาบ้าง” “ก็ปล่อยสิ ไม่ได้ขอร้องให้มาช่วยสักคำ” เสียงหนึ่งวิ่งแล่นเข้ามาในหัว ถึงเธอจะยอมเขา เชื่อฟังเขาที่สุด แต่การต้องมานั่งฟังคำพิพากษาที่ตัวเองไม่มีแม้แต่สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์หรือแก้ต่างอะไรให้ตนเองได้เลย ก็ออกจะค้านกับความเป็นจริงที่ว่า ‘ไอ้หญ้าคือผู้ที่ไม่ยอมสยบให้ใครง่ายๆ’ รถเข้ามาจอดแน่นิ่งอยู่ตรงพื้นที่ว่างระหว่างบ้านเธอกับบ้านของ สิงห์คบ และตลอดทางก็เป็นเขาที่เอาแต่สาดอารมณ์ใส่เธอไม่หยุด... ไม่รู้ว่าไปเอาพละกำลังมาจากไหนนักหนา ทั้งบ่น ทั้งสอนจนเธอหูชาดิก ถึงจะหนักไปทางบ่นและเหน็บให้เจ็บๆ คันๆ ซะมากกว่าก็ตาม “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้เลยนะนาย” เธอหมุนตัวกลับหลังเปิดประตูกระโดดลงมาจากรถกระบะยกสูงได้ กำลังเตรียมจะเข้าบ้านด้วยทั้งเหนื่อย ทั้งหิวและง่วงด้วย แต่ก็ถูกรั้งไว้จากเสียงเข้มขุ่นเสียก่อน “ใครบอกว่าฉันจะปล่อยแกเข้าบ้านไปง่ายๆ” “เอ้า แล้วนายจะตามเข้ามาเลยมั้ยล่ะ” แน่นอนว่าเธอประชด “เข้าสิ ฉันยังสั่งสอนแกไม่หนำใจเลย ถึงรู้ว่าสอนอะไรไปก็คงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาออกจนเกลี้ยงก็เถอะ” “เออ จะเข้าก็เข้ามา หญ้าคอแห้งหิวน้ำจะแย่ ส่วนคนที่เอาแต่บ่นไม่หยุดอย่างนายก็น่าจะหิวน้ำเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ” หญิงสาวเดินนำเข้าบ้าน แล้วก็ตรงเข้าไปกดน้ำเย็นยกกระดกอั๊กๆ เองสองแก้วรวด ก่อนจะกดมาเผื่อคนอยากบ่นต่ออีกแก้ว เธอน่ะไม่มีปัญหากับการที่สิงห์คบขี้บ่นเป็นตาแก่อยู่แล้ว เพราะเธอชอบอยู่กับเขา ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ยังชอบ ... ไอ้ที่เขาบอกว่าสอนอะไรไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของเธอออกจนเกลี้ยงน่ะ ไม่ได้เกินจริงหรอก เพราะไม่ว่าเขาพูดสิ่งใด เธอก็จะแปลความเป็นภาษาดอกไม้แสนหวานได้อยู่ดี “มานั่งนี่ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีก” “แต่ว่านาย...” “ไม่มีแต่” เธอก็อยากทำให้สิงห์คบสมปรารถนา ไม่แต่ก็ไม่แต่... แต่เรื่องนี้มันสุดวิสัยจริงๆ และนาทีต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าต้องยอมยกประโยชน์ให้จำเลยอย่างเธอสักครั้ง โครก... คราก... “นั่นเสียงอะไร” เธอว่าเขารู้แต่ก็ยังถาม “หญ้าหิวค่ะนาย” เมื่อเช้าก็มัวแต่ทำโน่นทำนี่จนถึงกลางวัน กินข้าวได้สองคำก็นึกขึ้นได้อีกว่าต้องไปจัดการเรื่องของสิงห์คบที่ยังค้างคาอยู่ในใจ จนเมื่อคืนก่อนนอนหลับไม่เต็มอิ่มเพราะเอาแต่คิดวนไปวนมาหาทางออกไม่ได้ ถึงวันนี้จะเจอกับอันตรายที่น่ากลัวสุดๆ แต่เธอกลับไม่เคยนึกเสียใจเลยที่ตัดสินใจทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าให้เธอต้องทนอกแตกตาย และจนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอาหารตกลงไปถึงท้องเธอเลย “ขอหญ้ากินข้าวก่อนนะจ๊ะ แล้วนายค่อยดุหญ้าต่อ” ผู้จัดการไร่หนุ่มเซอร์ที่ตอนนี้สภาพกระเซอะกระเซิงมากกว่าทุกวันขึงหน้าดุ ทำตาเข้มคมกริบมากกว่าเดิม ด้วยกลัวยายตัวแสบจะใช้ไม้ขี้อ้อน พูดเพราะ นายจ๊ะนายจ๋าจนเขาใจอ่อนและปล่อยให้สิ่งที่เจ้าหล่อนทำเป็นเพียงสายลมพัดผ่านไป อย่างที่แล้วๆ มา “จะเอาข้าวที่ไหนกิน หุงไว้สักเม็ดรึ” “ไม่เป็นไรจ้ะ หญ้าตุนของในเซเว่นไว้เต็มตู้เลย มาม่าก็มี” เธอคงติดการใช้ชีวิตเด็กหอไกลบ้านมาจากกรุงเทพฯ พอต้องกลับมาอยู่บ้านเลยกลัวไม่มีขนมนมเนยให้ขบเคี้ยว เข้าร้านสะดวกซื้อทีไรเลยต้องตุนจนขนกลับแทบไม่ไหว ยิ่งที่ลัดทาห่างไกลจากร้านรวงพวกนี้หลายกิโลฯ เธอเลยยิ่งตุนมากเป็นพิเศษ “นายจ๋า ผัดมาม่าให้หญ้ากินหน่อยสิ หญ้ามีกะหล่ำปลีอยู่ครึ่งหัวพอดีเลย” คิดถึงฝีมือผัดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของสิงห์คบแล้วเธอก็น้ำลายสอขึ้นมาเป็นเท่าทวี เธอพยายามลอกสูตรและดูที่เขาเคยทำให้กินสมัยก่อน แต่ทำกี่ครั้งก็ไม่อร่อยเหมือนเขาทำสักที “เรื่อง !” น้ำคำปฏิเสธจริงจังเสียงดังฟังชัดทำให้สาวน้อยหน้าจ๋อย แรกๆ ก็ ภูมิต้านทานดีเจอพายุอารมณ์จากคนแก่ขี้บ่นยังไงก็ไม่หวั่น แต่พอเป็นเรื่องกินแค่นั้นแหละ ความน้อยอกน้อยใจก็ตีรื้นถาโถมเข้ามาจนใบหน้านวลผ่องงอง้ำอย่างเห็นได้ชัด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม